เชื้อรา
ราวิทยาเบื้องต้น
ผลของเชื้อราต่อสิ่งมีชีวิต
โรคที่เกิดจากเชื้อรา
เชื้อราที่เกิดกับร่างกาย
การเรียกชื่อเชื้อรา
ลักษณะสำคัญ
ลักษณะของเชื้อรา
เนื้อเยื่อของเชื้อรา
โครงสร้างของเชื้อรา
การดำรงชีวิต
การดำรงชีวิตของเชื้อรา
การเจริญของเส้นใย
สัณฐานวิทยา
การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ
การจัดกลุ่ม
การจัดหมวดหมู่เชื้อรา
Ascomycota
Basidiomycota
Deuteromycota
Zygomycota
การวินิจฉัย
การตรวจวินิจฉัย
ความปลอดภัยในการตรวจวินิจฉัย
การตรวจวินิจฉัยในห้องปฏิบัติการ
การเก็บวัตถุตัวอย่าง
การดำเนินการตรวจ
การรักษาและทำลาย
การทำลายและฆ่าเชื้อรา
รูปภาพ
เชื้อราทั่วไป
ภาพขยายจากกล้องจุลทรรศน์
ภาพเชื้อราที่เกิดกับร่างกาย
ศึกษาดูงานที่โรงพยาบาลลำพูน
ภาคผนวก
ชนิดอาหารเลี้ยงเชื้อ
เชื้อราที่พบในสิ่งส่งตรวจต่างๆ
เชื้อรากับบิ๊ก
D2B
|
|
การจัดหมวดหมู่ของราในปัจจุบัน
นักไมคอลโลยีแต่ละคน
ได้จัดแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ที่จะใช้ศึกษา
เช่น
- Bessey
ได้ศึกษาเกี่ยวกับสัณฐานวิทยาของเรา
จึงแบ่งเชื้อราออกเป็น 3 class คือ Phycomycetes,
Ascomycetes, Basidiomycetes และ
form-class Imperfect fungi |
|
-
Shear ได้ศึกษาเกี่ยวกับราถึงระดับ genera จึงแบ่งเชื้อรา
ออกเป็น 4 clase คือ Phycomycetes, Ascomycetes,
Promycetes และ Imperfect fungi
- Alexopoulos
ซึ่งเป็นนักไมคอลโลยีท่านหนึ่ง ได้จัดเชื้อรา
อยู่ใน Kingdom Plantae และ division Mycota
โดยแบ่งออกเป็น 2 sub-division คือ
1.sub-division Myxomycotina
ได้แก่ พวกราเมือกและ
2.sub-division Eumycotina ได้แก่ พวกเชื้อราทั่วๆ ไป |
|
|
ในปัจจุบันใช้การสร้างสปอร์ที่เกิดจากการสืบพันธุ์แบบ
อาศัยเพศเป็นเกณฑ์ แบ่งออกเป็น
4 ดิวิชัน ได้แก่
1. ดิวิชันไซโกไมโคตา
(Zygomycota) สร้างไซโกสปอร์
2. ดิวิชันแอสโคไมโคตา
(Ascomycota) สร้างแอสโคสปอร์
3. ดิวิชันเบสิดิโอไมโคตา(Basidiomycota)
สร้างเบสิดิโอสปอร์
4. ดิวิชันดิวเทอโรไมโคตา(Deuteromycota)
หรือเรียกว่า
Fungi imperfecti สร้างสปอร์ไม่ทราบว่าชนิดใดเนื่องจาก
นิวเคลียสของสปอร์หลอมรวมกัน
|
|
|
|
Jorolus
Linnaeus นักชีววิทยาชาวสวีเดนผู้วางรากฐานในการ
จัดหมวดหมู่สิ่งมีชีวิตและได้รับการยกย่องว่า
เป็น"บิดาแห่งการจำแนกชั้นสิ่งมีชีวิตยุคใหม่"
หรือ
"บิดาแห่งวิชาอนุกรมวิธาน (Father
of Modern
Classification) "
ซึ่งได้นำภาษาลาติน 2 ชื่อ มาใช้ในการเรียกชื่อสิ่งมีชีวิตซึ่ง
เรียกว่า binonial nomenclature
โดยชื่อแรกเป็นชื่อสกุล
หรือจีนัส (generic name) และชื่อหลังเป็นชื่อตัวหรือสปีชีส์
(specific name) และวิธีการนี้ก็ยังใช้กันอยู่จนถึงปัจจุบัน |
|
|