การเปลี่ยนแปลงทางจุลชีววิทยาในการผลิตบูดู
จากรายงานการวิจัยของ
ธนุสรา เหล่าเจริญสุข และคณะ (2533) ได้แบ่งแบคทีเรียที่เกี่ยวข้องกับการหมักบูดูเป็น
3 พวก คือ
1. แบคทีเรียที่ย่อยโปรตีน
แบคทีเรียกลุ่มนี้สามารถสร้างเอนไซม์ออกมาย่อยโปรตีนให้เป็นกรดอะมิโนชนิดต่างๆ
ได้แก่ Bacillus spp. และ Micrococcus spp.
2. แบคทีเรียที่ย่อยไขมัน
แบคทีเรียหลายชนิดที่สามารถผลิตเอนไซม์ไลเปส (lipase) ย่อยอาหารพวกไขมัน
และน้ำมันให้เป็นกรดไขมัน และกลีเซอ
รอล (glycerol) ลักษณะการย่อยไขมันอาจเป็นแบบไฮโดรไลซิส
(hydrolysis) หรือออกซิเดชัน (Oxydation) แบคทีเรียเหล่านี้ ได้แก่
Lactobacillus spp. , Bacillus spp. และ Achromobacter spp.
3. แบคทีเรียที่สร้างกรดแลคติก
แบคทีเรียในกลุ่มนี้มีความสำคัญกับอาหารหมักดองต่างๆ แบคทีเรียชนิดนี้จะสร้างกรดแลคติกลงไปในอาหาร
ทำให้แบคทีเรียชนิดอื่นที่เป็นอันตรายต่ออาหารและคนเจริญไม่ได้ แบคทีเรียกลุ่มนี้
ได้แก่ Lactobacillus spp. และ Pediococcus spp.
ระหว่างการหมักบูดู
ปริมาณแบคทีเรียจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในวันที่ 3 ถึงวันที่ 10 ปริมาณแบคทีเรียที่เพิ่มขึ้นจะสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของกรดแลคติก
ในขณะที่ค่าความเป็นกรด-ด่างจะลดลง การบรรจุปลาที่ผสมเกลือในบ่อบูดูจนแน่นทำให้มีอากาศน้อยเหมาะแก่การเจริญของแบคทีเรียที่สร้างกรดแลคติก
ส่วนแบคทีเรียชนิดอื่นที่ต้องการอากาศ และแบคทีเรียที่ไม่ทนเกลือจะลดลง
ในระยะแรกของการหมักช่วงวันที่ 3 ถึงวันที่ 10 แบคทีเรียที่มีบทบาท
คือ แบคทีเรียชนิดที่ทนเกลือสูง และสร้างกรด ได้แก่ แบคทีเรีย Pediococcus
halophilus มีประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ , แบคทีเรีย Staphylococcus spp.
มีประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแบคทีเรีย Bacillus spp. และ coryneform
มีเล็กน้อย เมื่อหมักบูดูเป็นระยะเวลา 60 วัน ปริมาณแบคทีเรียจะลดลงเรื่อยๆ
โดยจะมีกรดแลคติกเกิดขึ้น 1.1 ถึง 1.3 เปอร์เซ็นต์ สภาพของอาหารหมักที่เป็นกรดจะไปทำลายแบคทีเรียชนิดที่ไม่ทนกรด
ความเป็นกรดจะลดลงอย่างช้าๆ หรือคงที่ เนื่องจากกรดอะมิโนที่เกิดขึ้นในอาหารหมักจะทำหน้าที่เป็นบัพเฟอร์ได้อย่างดี
น้ำบูดูที่มีอายุการหมัก 90 วันจะพบแบคทีเรีย Pediococcus halophilus
ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ และ coryneform ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์
แบคทีเรียที่พบในระยะแรกของการหมักอาจเป็นแบคทีเรียที่ติดมากับส่วนต่างๆ
ของปลา ซึ่งปริมาณของแบคทีเรียที่ติดมากับปลานี้ไม่เท่ากันขึ้นกับความสดของปลา
ขนาดปลา สภาพแวดล้อมที่ปลานั้นอยู่ ตลอดจนกระบวนการขนส่งจากท่าเรือจนถึงผู้ผลิตบูดู
หรืออาจจะติดมากับเกลือที่ใช้หมัก ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพของบูดู อย่างไรก็ตามในการหมักบูดูนั้น
ความเข้มข้นของเกลือ ความเป็นกรด-เบส อุณภูมิ และปริมาณอาหารของแบคทีเรียจะมีบทบาทสำคัญกับจำนวนแบคทีเรียแต่ละชนิด
ซึ่งแบคทีเรียที่ไม่สามารถทนสภาวะแวดล้อมในบ่อบูดูได้ก็จะตายลง แต่เอนไซม์ที่ถูกสร้างขึ้นก่อนหน้าที่แบคทีเรียนั้นตาย
ก็ยังสามารถย่อยสลายได้ต่อไป ถ้าสภาวะแวดล้อมนั้นเอื้อต่อการทำงานของเอนไซม์
แบคทีเรียที่มีบทบาทในกระบวนการหมักบูดู
จากการศึกษาวิทยานิพนธ์เรื่อง "การศึกษาจุลชีววิทยาของอาหารหมักพื้นเมือง:บูดู" โดย
นางสาวมาลี อมรทิพย์รัตน์ พ.ศ.2522 ซึ่งได้ศึกษาจำนวนแบคทีเรียที่แยกได้จากบูดู
โดยการสุ่มบูดูจากแหล่วผลิตและตลาดจำนวน 35 ตัวอย่าง ซึ่งมีอายุการหมักแตกต่างกันตั้งแต่
7 วัน ถึง 2 ปี ปรากฏผลดังนี้
1. แบคทีเรียที่มีบทบาทสำคัญในระยะ
7 วันแรกของการหมัก ได้แก่ แบคทีเรีย Staphylococcus aureus
และ Staphylococcus epidermidis ซึ่งพบมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของเชื้อทั้งหมด
นอกจากนี้แบคทีเรีย
Bacillus subtilis , Bacillus laterosporus และ coryneform bacteria
พบรวมกันถึง 25 เปอร์เซ็นต์ของเชื้อทั้งหมด แบคทีเรียเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการช่วยย่อยสลายโปรตีนของเนื้อปลา
และจะเจริญได้ดีในอาหารที่ไม่มีเกลือ และการเจริญจะลดลงเรื่อย ๆ เมื่อความเข้มข้นของเกลือเพิ่มขึ้น
2. แบคทีเรียที่มีบทบาทสำคัญในระยะหลัง
7 วันแรกของการหมัก คือ แบคทีเรีย Pediococcus halophilus
ซึ่งพบว่าจะมีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากหมักไปแล้ว 7 วัน จนกระทั่งบูดูที่หมักได้ที่จะมีปริมาณ
90 เปอร์เซ็นต์ของเชื้อทั้งหมด
จึงมีแนวโน้มว่าเป็นแบคทีเรียทีมีบทบาทสำคัญในกระบวนการหมักเกี่ยวกับการสร้างกรดและกลิ่นรสในบูดู
แบคทีเรียชนิดนี้เจริญไม่ได้ในอาหารที่ไม่มีเกลือ และการเจริญจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เมื่ออาหารมีความเข้มข้นของเกลือเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ผู้วิจัยได้ทดลองหมักบูดูโดยการเติมเชื้อแบคทีเรีย
Pediococcus halophilus บริสุทธิ์เข้าช่วย พบว่าทำให้ได้บูดูที่มีกลิ่นหอมกว่าบูดูที่หมักตามธรรมชาติ
จึงสรุปได้ว่าแบคทีเรีย Pediococcus halophilus เป็นแบคทีเรียที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างกรดและกลิ่นที่ดีในกระบวนการหมักบูดู
3. แบคทีเรียที่พบในปริมาณเล็กน้อยในบูดู
ได้แก่ แบคทีเรีย Proteus spp. , Micrococcus spp. และ sarcinae bacteria
ซึ่งพบในระยะแรกของการหมัก จึงคาดว่าไม่มีความสำคัญในกระบวนการหมักบูดู
ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้เจริญได้ดีในอาหารที่ไม่มีเกลือ และการเจริญจะลดลงเรื่อยๆ
เมื่อความเข้มข้นของเกลือเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ในวิทยานิพนธ์ยังกล่าวอีกว่า
แบคทีเรียทั้งหมดที่แยกได้สามารถเจริญได้ดีที่อุณหภูมิ 43 องศาเซลเซียส
ซึ่งอุณหภูมิในบ่อบูดูที่ตั้งไว้กลางแจ้งในตอนกลางวัน ซึ่งมีค่าประมาณ
32-40 องศาเซลเซียส
ไขมัน การเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีเมื่อปลาตาย
บัพเฟอร์ กระบวนการเกิดสี
และกลิ่นของบูดู
กระบวนการออสโมซิส การเปลี่ยนแปลงทางจุลชีววิทยา
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เอนไซม์
การนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ในการผลิตบูดู โปรตีน