โดย | คุณอารีรัตน์ อภัยกุลชร และ คุณกรรวี แก้วมูล
งานพัฒนาองค์กรและสื่อสารภายใน (ODIC) เนคเทค สวทช.
เมื่อวันจันทร์ที่ 4 เมษายน 2565 ดร. กมล เขมะรังษี ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย (CNWRG) ตัวแทนคณะผู้บริหาร ศอ. และ ดร.วสันต์ ภัทรอธิคม หัวหน้าทีมวิจัยระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะ (ITS) เข้ารับรางวัล ผลงาน “แพลตฟอร์มบริหารจัดการปัญหาเมืองผ่านระบบพูดคุยอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์” ระดับดี ในสาขา Appropriate Technology จากเวทีผลการประกวดรางวัลผลงานวิจัยแห่งชาติที่มีผลกระทบสูง ประจำปี 2565 (Prime Minister’s TRIUP Award for Research Utilization with High Impact 2022) มหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย TRIUP Fair 2022 ภายใต้แนวคิด: ปลดล็อคความเป็นเจ้าของงานวิจัย สร้างศักยภาพไทยไร้ขีดจำกัด จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ระหว่างวันที่ 4-6 เมษายน 2565 ณ Mitrtown Hall 1-2 ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์
โดยมี ศ.กิตติคุณ นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) ให้เกียรติมอบรางวัล พร้อมด้วย พลอากาศเอก ดร. ประจิน จั่นตอง ประธานคณะกรรมาธิการ การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา และอดีตรองนายกรัฐมนตรี ศาสตราจารย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 16 หน่วยงาน ร่วมพิธีเปิดงานและถ่ายภาพบนเวที
แพลตฟอร์มบริหารจัดการปัญหาเมืองผ่านระบบพูดคุยอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ได้รับรางวัล “ระดับดี” ในสาขา Appropriate Technology ได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากประธาน กสว. และเงินรางวัลจากกองทุนส่งเสริม ววน. จำนวน 100,000 บาท โดยมีรายนามคณะผู้วิจัย ดังนี้
- ดร.วสันต์ ภัทรอธิคม (หัวหน้าโครงการ)
- นายณพงศ์ วาณิชยพงศ์
- นายอรรถพล ก้อมมังกร
- นายนพปฎล ชะฎิล
- นายสุเมธ ปานกวีรัตน์
- นายกมนัช พรหมบำรุง
- นายก้องเกียรติ คันทะศรี
- นายธนโชติ ทับทิม
- นายปิติภูมิ โพสาวัง
- นายภาณวิชญ์ หาญพินิจศักดิ์
***สามารถติดตามข่าวสาร ความเคลื่อนไหว และรายละเอียดเพิ่มเติมของ Traffy Fondue ได้ที่ https://www.traffy.in.th
รางวัลผลงานวิจัยแห่งชาติที่มีผลกระทบสูง 2565 “รางวัล Prime Minister’s TRIUP Award for Research Utilization with High Impact 2022” เป็นกิจกรรมการประกวดผลงานวิจัยและนวัตกรรม ที่สร้างผลกระทบสูง โดยมีเป้าหมายเพื่อยกย่อง และสร้างความตระหนักในคุณค่าของผลงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งเป็นต้นแบบของผลงานที่สร้างผลกระทบสูง ต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และเพื่อกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย รวมถึงนักวิจัยให้มีการส่งเสริมและผลักดันผลงานวิจัยและนวัตกรรมทั้งที่เป็นเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง (Deep Technology) และเทคโนโลยีที่เหมาะสม (Appropriate Technology) ไปใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาสำคัญ หรือ การพัฒนาประเทศเพิ่มขึ้น โดยการจัดทำรางวัลครั้งนี้ถือเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจและสื่อให้เห็นความสำคัญและลักษณะที่แตกต่างกันระหว่างเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง (Deep Technology) และเทคโนโลยีที่เหมาะสม (Appropriate Technology) รวมทั้งเป็นโอกาสในการนำเสนอผลงานที่มีคุณค่าให้สาธารณชนได้รับทราบ และเป็นการเปิดรับโอกาสการต่อยอดหรือการขยายผลกระทบให้มีระดับที่สูงขึ้น ซึ่งจะสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2564
รางวัลผลงานวิจัยแห่งชาติที่มีผลกระทบสูงประจำปี 2565 คัดสรรมาจากจำนวนผลงานที่ส่งเข้าประกวด 119 โครงการ ด้วยวิธีการลงคะแนนร่วมกับการอภิปรายความคิดเห็นของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่างๆ จำนวน 19 ท่าน เพื่อยกย่องและสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยีจากงานวิจัยที่พัฒนาขึ้นในประเทศไทย จนสามารถสร้างผลกระทบสูงทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จำนวน 2 รางวัล จาก 2 สาขา โดยผู้ได้รับรางวัลจะได้รับโล่เกียรติยศ พร้อมเงินสดมูลค่า 5 แสนบาท และยังมีรางวัลดีเด่น สาขาละ 2 รางวัล รวมเงินรางวัลทั้งสิ้นมูลค่า 1,400,000 บาท
การพิจารณารางวัลแบ่งออกเป็น 2 สาขา ได้แก่
1. สาขาเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Technology) เป็นผลงานงานวิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรม หรือทรัพย์สินทางปัญญาที่เกิดจากการพัฒนาองค์ความรู้ขั้นสูงด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม ลอกเลียนแบบได้ยาก และมีหลักฐานการใช้งานจากผู้ใช้ประโยชน์ สามารถระบุกลุ่มผู้ใช้ประโยชน์ ขนาดของการสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างชัดเจน
2. สาขาเทคโนโลยีที่เหมาะสม (Appropriate Technology) เป็นงานวิจัย เทคโนโลยี หรือนวัตกรรมที่มีความง่ายในการใช้งานในระดับที่สามารถบริหารจัดการเทคโนโลยีได้ด้วยตนเองในระดับท้องถิ่น มีความสอดคล้องกับประสบการณ์และความรู้ความสามารถของผู้ใช้ในระดับท้องถิ่นมีหลักฐานการนำไปใช้ประโยชน์เพื่อแก้ไขปัญหา ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม พัฒนาสภาพความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน หรือยกระดับคุณภาพชีวิตในชุมชน และสร้างผลกระทบอย่างชัดเจนในวงกว้าง