|
ธูปฤาษี |
ผักตบชวา |
การผลิตกระดาษ |
|
การสืบพันธุ์
|
โดยทั่วๆ
ผักตบชวาจะไม่สืบพันธุ์โดยเมล็ด นอกจากในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเช่น ในตอนที่น้ำแห้งในฤดูแล้ง
ซึ่งต้นผักตบชวาแห้งตายหมด
ครั้งพอถึงฤดูฝนเมล็ดที่พักตัวอยู่ในดินจะเริ่มงอกขึ้นมาเป็นต้นอ่อน และในไม่ช้าก็จะเจริญเติบโตขึ้น |
การสืบพันธุ์ของผักตบชวาที่พบเห็นอยู่ทั่วไปและเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดก็คือ
การแตกไหลแล้วกลายเป็นลำต้นติดอยู่กับต้นแม่เป็นจำนวนมากจนเกิดเป็นกอใหญ่
หลังจากที่ต้นอ่อนเกิดตากและใบของตนเองได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน ต้นอ่อนเหล่านี้ก็จะเริ่มสร้างต้นอ่อนต่อไปเป็นช่วงที่สาม
ได้มีผู้รายงานว่า ต้นผักตบชวาเพียง 2 ต้น สามารถสร้างลูกหลานได้เป็นจำนวนถึง
300 ต้นภายในเวลาเพียง 20 วัน และเพิ่มเป็น 1200 ต้น ภายใน 4 เดือน แต่ในสภาพตามธรรมชาติ
มีผู้สังเกตว่าผักตบชวาจะเพิ่มปริมาณเป็นสองเท่าภายใน 10 วัน ถ้าหากมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต
ต้นผักตบชวา 10 ต้น จะสร้างลูกหลานได้ถึง 600,000 ต้น ครอบคลุมพื้นที่น้ำ
2.5 ไร่ ภายในเวลา 8 เดือน |
|
ความสามารถพิเศษของผักตบชวา
ใบของผักตบชวาได้ถูกจัดเรียงกันอย่างดี
โดยที่ใบแต่ละใบจะได้รับแสดงแดดเต็มที่เพื่อปรุงอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ การที่ต้นลอยอยู่ในน้ำ
ช่วยให้หมดปัญหาในเรื่องการดูดน้ำเพื่อหล่อเลี้ยงต้น โดยที่ไปน้ำส่วนใหญ่มักจะมีอาหารแร่ธาตุอยู่บริบูรณ์
ช่วยเร่งการเจริญเติบโตของผักตบชวา ซึ่งมีระบบรากที่แผ่กระจายและดูดแร่ธาตุได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นเยี่ยม
เมื่อแพผักตบชวาลอยอยู่ในน้ำ คลื่น ลม และกระแสน้ำจะทำให้ไหลขาดออกจากกัน และช่วยแยกกอของผักตบชวาออกไปเป็นส่วนย่อยๆ
เพื่อความสะดวกในการกระจายพันธุ์ไปตามที่ต่างๆ โดยล่องลอยไปตามน้ำ ระหว่างนั้น
แต่ละส่วนก็จะเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดพื้นน้ำนั้นๆ ก็จะเต็มไปด้วยผักตบชวาขึ้นเต็มจนแน่น
หากเกิดเดี่ยวๆ ผักตบชวาจะมีทรงต้นมั่นคงไม่คว่ำได้ง่ายๆ แม้ว่าจะถูกลมพายุพัดทั้งนี้ก็เพราะมีโครงสร้างที่สมดุล
ได้สัดส่วนและประกอบด้วยส่วนที่เป็นลำต้นลอยอยู่ใต้ผิดน้ำ โดยมีกาบใบห่อหุ้มอยู่เป็นการช่วยป้องกันภยันตรายต่างๆ
เช่นอากาศหนาวเย็น ซึ่งอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว และทำลายใบเหนือน้ำตายหมด แต่ลำต้นอยู่ใต้น้ำจะไม่ได้รับอันตรายเลย
พออากาศอบอุ่นขึ้น ลำต้นก็สามารถแตกใบใหม่และเจริญเติบโตต่อไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น
การฉีดยากำจัดวัชพืช ถ้าความเข้มข้นไม่สูงพอ ก็ไม่อาจทำลายลำต้นนี้ได้ แม้ว่าใบทั้งหมดจะถูกทำลายหมด
เมื่อถูกดึงขึ้นจากน้ำ กาบใบที่หุ้มลำต้นอยู่จะช่วยป้องกันไม่ให้ลำต้นแห้งตายเป็นเวลานาน
ต้นที่อยู่ล่างๆ ของกองผักตบชวาอาจมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 3 สัปดาห์
แม้ว่าจะเป็นพืชอยู่ในน้ำจืด แต่ผักตบชวาก็สามารถทนอยู่ในน้ำเค็มได้ในระยะเวลาสั้นๆ
ได้มีผู้พบผักตบชวาลอยออกปากแม่น้ำแห่งหนึ่งแล้วลอยไปตามฝั่งทะเลเข้าไปในอีกแม่น้ำหนึ่ง
ลำต้นที่มีกาบใบห่อหุ้มอยู่ จะทนต่อสภาพน้ำเค็มได้หลายวัน
เมื่อแหล่งน้ำแห้งลง ผักตบชวาก็ปรับตัวให้เข้ากับสภาพน้ำแห้งนี้ได้ โดยการหยั่งรากลงในโคลนขณะที่โคลนยังเปียกอยู่
ต้นผักตบชวาที่เคยใหญ่โตจะลดขนาดลงจนเหลือเป็นต้นแคระ มีก้านใบสั้นเพียง 1-2
ซม. แทนที่จะเป็น 90 ซม. ที่มันเคยเป็นในขณะที่มีน้ำบริบูรณ์ ครั้งถึงหน้าน้ำ
ต้นผักตบชวาแคระที่รอดตายก็จะหลุดลอยออกจากดิน
แล้วเริ่มแตกใบใหม่ และค่อยๆ เจริญใหญ่โตขึ้นเหมือนสภาพปกติที่มีน้ำบริบูรณ์
นอกจากนำหน้าที่รับแสงเพื่อปรุงอาหารแล้ว ใบของผักตบชวายังใช้แทนใบหรือเพื่อรับลมสำหรับลอยตามกระแสลม
และบางครั้งอาจลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไปได้
หากนำผักตบชวาไปหั่นเป็นชิ้นๆ ชิ้นส่วนหลายชิ้นจะสามารถสืบพันธุ์ต่อไปได้หากนำไปทิ้งในน้ำอีก
มีผู้ลองผ่าซีกตามยาว แต่ละซีกก็สามารถสืบพันธุ์ได้อีกเช่นกัน ถ้าเอาซีกที่ผ่าตามยาวนี้ไปหั่นตามขวางอีกที
แต่ละชิ้นส่วนที่ถูกตัดออกก็สามารถแตกหน่อสืบพันธุ์ต่อไปได้อีก
กำลังผลิต (Productivity) ของผักตบชวา
ผักตบชวาเป็นพืชที่มีความสามารถพิเศษในการสร้างโครงสร้างของมันดียิ่งกว่าพืชอื่นๆ
ทุกชนิดที่มีอยู่ในโลกนี้ ยกตัวอย่างเช่น ในพื้นที่หนึ่งไร่ ผักตบชวาสามารถสร้างสารอินทรีย์
(แห้ง) ได้ถึง 24 ตันต่อปี
ในด้านความรวดเร็วในการเจริญเติบโต เราอาจจะสังเกตการณ์ยืดของก้านใบหรือไหลภายในเวลาเพียงชั่วโมงเดียว
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะความสามารถพิเศษในการสร้างอาหาร และเปลี่ยนเป็นโครงสร้างซึ่งประกอบด้วยน้ำถึง
19 ส่วนต่อสารแห้งเพียงหนึ่งส่วน การที่โครงสร้างของผักตบชวาสดมีน้ำอยู่ถึง
95% นี่เอง เป็นสาเหตุใหญ่ที่ผักตบชวาบาดแผ่กระจายอาณาเขตในแหล่งน้ำได้อย่างรวดเร็วกว่าพืชอื่นๆ
ทั้งหมดในโลกนี้
|
|