การป้องกันการระบาดของผักตบชวา
เนื่องจากพระราชบัญญัติสำหรับกำจัดผักตบชวา พ.ศ.
2456 ยังมีผลใช้บังคับอยู่จนถึงปัจจุบัน ฉะนั้น เราจึงควรจะช่วยกันป้องกันมิให้มีการแพร่กระจายของผักตบชวาได้อีกต่อๆ
ไป
จากที่ได้กล่าวแล้ว ผลเสียของผักตบชวานั้น มีมากมาย และได้ก่อให้เกิดปัญหาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาถึง
60 กว่าปีแล้ว ดังนั้น ทุกคนจึงควรที่จะร่วมมือกันแก้ปัญหานี้ให้หมดสิ้นไป โดยการใช้วิธีการกำจัดวิธีต่างๆ
ที่ได้กล่าวแล้ว แต่ละท้องที่อาจเลือกใช้วิธีการกำจัดที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาพการณ์และความเหมาะสมของในแต่ละท้องที่
หลังจากที่ได้ทำการกำจัดแล้ว ก็ควรจะช่วยกันป้องกันมิให้เกิดการแพร่กระจายหรือระบาดของผักตบชวาให้เกิดขึ้นได้อีก
ซึ่งสามารถทำไดดังนี้
(1) หมั่นลอกคูคลอง หรือท้องร่วงให้น้ำไหลผ่านได้สะดวก เพราะผักตบชวาจะเติบโตได้ยากในที่ที่มีน้ำไหลแรง
(2) หมั่นตรวจดูแหล่งน้ำใกล้ๆ บ้านอยู่เสมอ หากพบผักตบชวา ก็ให้ดึงขึ้นจากน้ำและทำลายเสีย
โดยการตากแห้งและเผา อย่าปล่อยทิ้งไว้หรือเขี่ยทิ้งไห้ลอยไปที่อื่นอีกการปฏิบัติเช่นนี้ท่านจะได้ชื่อว่าเป็น
“ปัดสวะ”
(3) หากพบเห็นผู้ใดปลูกหรือกักผักตบชวาเอาไว้ใช้ประโยชน์ ก็ควรแนะนำให้รู้ถึงโทษของผักตบชวา
และชักชวนให้ช่วยกันทำลายให้หมดสิ้น
(4) หากพบว่ามีแหล่งเพาะขยายพันธุ์ผักตบชวาเกิดขึ้น และเกินกำลังที่จะกำจัดเองได้หมด
ก็ให้แจ้งผู้นำชุมชนและช่วยกันกำจัดให้หมดสิ้น
ตามที่ได้กล่าวแล้วทั้ง 4 ข้อ คือ การปฏิบัติตนตามพระราชบัญญัติสำหรับกำจัดผักตบชวาซึ่งปัจจุบันยังมีผลบังคับใช้อยู่
และหากผู้ใดไม่ปฏิบัติตามแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถเอาผิดตามกฎหมายได้ ดังนั้น
ทุกคนจึงควรจะช่วยกันดูแลและตักเตือนผู้ที่ละเมิดพระราชบัญญัตินี้ ให้รู้ถึงโทษและความผิดที่จะได้รับ
ก็จะเป็นการช่วยชาติและช่วยตัวเองอย่างมาก
สรุปวิธีการแก้ปัญหาผักตบชวา
แหล่งน้ำที่มีผักตบชวาขึ้นอยู่ เป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่สามารถจะใช้ประโยชน์ของแหล่งน้ำนั้นๆ
ได้เต็มตามเป้าหมาย เราจึงจำเป็นต้องหาวิธีการแก้ไขให้ถูกต้อง แต่ก่อนที่จะหาวิธีการ
ควรจะพิจารณาถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
1. แหล่งน้ำแห่งนั้นมีวัตถุประสงค์จะใช้เพื่ออะไร
2. วิธีการที่จะใช้มีความปลอดภัยต่อตัวท่านเองและสิ่งแวดล้อมเพียงใด
3. วิธีการที่จะใช้นั้น สามารถจนแก้ปัญหาระยะสั้นหรือระยะยาวได้มากน้อยเพียงใด
4. วีธีการนั้นประหยัดเพียงใด
วิธีการแก้ปัญหาผักตบชวามีวิธีการต่างๆ กัน ดังได้กล่าวมาแล้วตอนต้น นอกจานั้น
ก็ยังมีวิธีการที่จะกำจัดผักตบชวาโดยการนำมาใช้ประโยชน์ ซึ่งเป็นแนวทางสำหรับผู้ทีจะทำหน้าที่เป็นผู้นำการพัฒนาชุมชนได้พิจารณา
ก่อนที่จะทำการแก้ปัญหาผักตบชวาแต่ละท้องที่
การใช้แรงคนสำหรับการแก้ปัญหาผักตบชวา ควรจะมีโครงการซึ่งจัดทำโดยผู้นำกลุ่มพัฒนาสำหรับแต่ละท้องที่
ซึ่งมีขั้นตอนการทำงานต่างๆ กันออกไป ยกตัวอย่างเช่น
คลองซึ่งใช้สำหรับการคมนาคมทางน้ำ ไม่ควรปล่อยหมีผักตบชวาเลย ในกรณีนี้ โครงการที่จัดทำขึ้นก็ควรจะเป็นโครงการกำจัดผักตบชวาก่อนปฏิบัติการ
ควรศึกษาสภาพทั่วๆ ไป เช่น ผักตบชวา มีมากในหน้าน้ำ โดยมาตามคลองระบายน้ำ หน้าแล้ง
จะไปค้างอยู่ตามบึง หนอง ต่างๆ เพราะฉะนั้น ถ้าจะมีโครงการกำจัดผักตบชวาก็ควรทำในหน้าแล้ง
โดยจัดการกำจัดผักตบชวาตามบึง หนองต่างๆ เพื่อไม่ให้แพร่กระจายในหน้าน้ำ ซึ่งการกำจัดในหน้านี้จะเพิ่มค่าใช้จ่ายขึ้นอีกมาก
แหล่งน้ำที่ไม่ใช้การคมนาคม เช่นคูคลองริมถนน ซึ่งเป็นที่รองรับน้ำโสโครกจากบ้านเรือนและโรงงานอุตสาหกรรม
ในกรณีนี้ โครงงานที่จัดทำขึ้นควรจะเป็นโครงการควบคุมผักตบชวา เพราะผักตบชวา
ช่วยทำให้น้ำสะอาดขึ้น และควรจะมีการจัดเก็บผักตบชวาขึ้นเป็นระยะๆ โดยนำผักตบชวาที่เก็บขึ้นไปใช้ประโยชน์ต่างๆ
กำหนดระยะเวลาก็สังเกตจากกการเจริญเติบโต ควรเก็บเมื่อโตเต็มที่ เมื่อกันไม่ให้ทับถม
ทำให้ดูตื้นเขิน
ท่านมีส่วนช่วยลดปัญหาจากผักตบชวาได้อย่างไร
- ช่วยในการป้องกันการระบาด โดยอย่างน้อยช่วยประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่มีที่พักอาศัยอยู่ริมน้ำให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติสำหรับกำจัดผักตบชวา
เช่น ผู้ที่อยู่ริมน้ำควรจะช่วยกันนำผักตบชวาขึ้นไปเผา อย่าปล่อยให้ไปกระจายพันธุ์ได้ในที่อื่นๆ
ต่อไป
- หาวิธีการกำจัดผักตบชวาโดยวิธีที่เหมาะสม ตามสภาพของแต่ละท้องถิ่น เช่น การใช้แรงคนและสัตว์
เก็บหรือตักขึ้นมารทำลาย หรือโดยการนำมาใช้ประโยชน์อย่างง่ายๆ เช่น นำมาทำปุ๋ยหมักสำหรับสวนครัวในบ้าน
เพาะเห็ดรับประทานหรือจำหน่ายและทำเป็นเครื่องจักสาน เป็นต้น
ทั้ง 2 ข้อที่กล่าวแล้ว เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ส่วนการแก้ไขระยะยาวนั้น
คือการควบคุมที่ปัจจัยการเจริญเติบโตของผักตบชวา อันได้แก่การเพิ่มอาหารธาตุในน้ำซึ่งเกิดได้เพราะในน้ำมีความสกปรกโสมมจากการที่มนุษย์
สัตว์ และโรงงานอุตสาหกรรมปล่อยของเสียลงไป และจากการทำการเกษตรโดยไม่รัดระวัง
วิธีการที่อาจจะทำได้ง่ายๆ ก็คือ
- อย่าตัดถางป่า โดยเฉพาะในที่ลาดเอียงมากๆ ซึ่งควรจะเก็บรักษาไว้เป็นต้นน้ำลำธาร
- แนะนำไม่ให้ผู้ที่อยู่ริมน้ำและที่อื่นๆ ทิ้งหรือถ่ายสิ่งปฏิกูลลงในน้ำ
- ช่วยกันต่อต้านการปล่อยน้ำเสียงลงแหล่งน้ำสาธารณะของโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ และของคอกปศุสัตว์
- ถ้าผักตบชวาลอยผ่านที่ของผู้ใด ควรจะช่วยกันเก็บขึ้น
ไม่ควรจะปล่อยให้ลอยน้ำต่อไปแบบปัดสวะ ซึ่งจะเป็นการปล่อยให้ไปแพร่ขยายพันธุ์มากขึ้นต่อไป
|