|
ธูปฤาษี |
ผักตบชวา |
การผลิตกระดาษ |
|
การกำจัดด้วยสารเคมีกำจัดวัชพืช
(Chemical Control)
การกำจัดผักตบชวาด้วยสานเคมีกำจัดวัชพืช (ซึ่งเรียกว่า
ยาฆ่าหญ้า หรือ Herbicide) เป็นที่นิยมกันมากโดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว เพราะเป็นวิธีที่ง่าย
ประหยัดรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับการกำจัดแบบอื่น แต่การใช้สารเคมีช่วยกำจัดวัชพืชน้ำอย่างผักตบชวานั้น
ถ้าผู้ใช้ไม่มีความรู้ในระดับพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องราวทางวิทยาการวัชพืชและนิเวศวิทยาแล้ว
อาจทำให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์ สัตว์ และสภาพแวดล้อมได้โดยง่าย ดังนั้น การอบรมให้ความรู้แก่ผู้มีหน้าที่กำจัดผักตบชวาโดยวิธีการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชจึงเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จในการกำจัดผักตบชวาด้วยสารเคมี
ชนิดของสารเคมีกำจัดวัชพืช ที่นิยมให้เพื่อกำจัดผักตบชวา และอัตราการใช้ที่เหมาะสม
มีดังต่อไปนี้
ก. ประเภทคลอโรฟีนอคซี (Chlorophenoxy) สารเคมีกำจัดวัชพืชประเภทคลอโรฟีนอคซีนี้
มีคุณสมบัติพิเศษกว่าสารเคมีกำจัดวัชพืชประเภทอื่นตรงที่สามารถเคลื่อนย้ายไปตามส่วนต่างๆ
ของพืชได้ จึงทำให้สามารถออกฤทธิ์กำจัดผักตบชวาได้ดีและมีประสิทธิภาพสูง ประกอบกับผักตบชวามีลักษณะการเจริญเติบโตแบบเดียวกับพืชที่มีอายุหลายปี
กล่าวคือ มีการเจริญเติบโตทางส่วนของลำต้นที่สามารถผลิตเหง่าเพื่อขยายพันธุ์ได้มากมาย
ซึ่งสารเคมีกำจัดวัชพืชประเภทอื่นที่ไม่มีคุณสมบัติในการเคลื่อนตัวไปตามส่วนต่างๆ
ของผักตบชวาได้ จะไม่สามารถออกฤทธิ์กำจัดผักตบชวานี้ได้สมบูรณ์ หรือได้ผลเป็นที่น่าพอไจเท่าสารเคมีประเภทฟีนอคซี
สารเคมีกำจัดวัชพืชประเภทคลอโรฟีนอคซี เป็นสารเคมีที่มีจำหน่วยแพร่หลายที่ไปในท้องตลาด
ชนิดที่สำคัญๆ มีอยู่ 3 ชนิด คือ
(1) ทู โฟ-ดี (2,
4-D : 2, 4-dichlorophenoxy acetic acid)
(2) เอมซีพีเอ (MCPA
: 2-methyle-4-chlorophenoxy acetic acid)
(3) ทู โฟ โฟว์-ที
(2, 4, 5-T : 2, 4, 5-trichlorophenoxy acetic acid)
ทู โฟ-ดี และเอมซีพีเอ นั้น มีจำหน่ายใจรูปของเกลือโซเดียม โปแตสเซียม อมีน หรือเอสเทอร์เป็นส่วนใหญ่
ส่วน ทู โฟ ไฟว์-ที นั้น ส่วนมากอยู่ในรูปของสารละลายเข้มข้น (emulsifiable concentrate)
ข. ประเภทกลัยโฟเสต (Glyphosate:N-(phosphonomethyl
giycine)
สารเคมีกำจัดวัชพืชชนิดนี้เป็นสารเคมีชนิดใหม่ล่าสุดที่มีคุณสมบัติและมีแนวโน้มที่สามารถนำมากำจัดผักตบชวาได้เมือน
ทู โฟ- ดี ทั้งนี้เนื่องจากสารเคมีกำจัดวัชพืชชนิดนี้มีคุณสมบัติที่สามารถเคลื่อนย้ายไปตามส่วนต่างๆ
ของพืชได้เช่นเดียวกับ ทู โฟ-ดี นั่นเอง เนื่องจากสารเคมีประเภทนี้ไม่มีฤทธิ์ตกค้างแต่อย่างใด
จึงทำให้การใช้ปลอดภัยมากกว่า ทู โฟ-ดี
อัตราที่นิยมใช้อยู่ระหว่าง 0.18-0.36 กก. ของสารออกฤทธิ์ (ai)/ไร่ เนื่องจากสารเคมีกำจัดวัชพืชชนิดนี้เป็นสารใหม่
จึงมีราคาสูงกว่า ทู โฟ-ดี
ค. ประเภทไบไพริดิล (Bipyridyl)
สารเคมีกำขัดวัชพืชประเภทไบไพริดิล เป็นสารเคมีที่ทำลายผักชวาได้เช่นเดียวกับทู
โฟ-ดี สารนี้จะเข้าสู่วัชพืชอย่างรวดเร็ว จากนั้นปฏิกิริยาในการทำลายวัชพืชจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
และผักตบชวาจะถูกฆ่าตามภายใน 2-3 วัน ปฏิกิริยาจะสินสุดลงในระยะเวลาอันสั้น และจะไม่พบผลตกค้างหลังจากการใช้ยาแล้ว
10 วัน อีกทั้งยังไม่เป็นอันตรายต่อปลาและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่อยู่ในแหล่งน้ำนั้น
สารเคมีกำจัดวัชพืชประเภทไบไพริดิล มีจำหน่ายในประเทศไทยนี้มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด
คือ
(1) ไดควอต (diquat)
(2) พาราควอต (paraquat)
สำหรับพาราควอตนั้นเป็นยากำจัดวัชพืช ที่มีราคาถูกและใช้กันแพร่หลายในการกำจัดวัชพืชทั่วไป
ชนิดที่ 2 มีราคาถูกและใช้สำหรับกำจัดวัชพืชทั่วไป พาราควอตสามารถใช้กำจัดผักตบชวาได้ดี
อาจใช้ผสมกับ ทู โฟ-ดี สำหรับอัตราใช้ของสารเคมีชนิดนี้คือ 400 ซีซี. ของผลิตภัณฑ์
(ซึ่งมีสารออกฤทธิ์ 20%) ผสมน้ำ 80 ลิตร ใช้ฉีดพ่นในพื้นที่ 1 ไร่
ถ้าหากต้องการให้การกำจัดได้ผลดีขึ้น ก็อาจใช้ ทู โฟ-ดี (เกลือโซเดียม) อัตรา
200 กรัมของผลิตภัณฑ์ผสมเข้าด้วยกันกับพาราควอตในอัตราดังกล่าว
ในการพ่นสารเคมีกำจัดผักตบชวานั้น เครื่องมือที่ใช้ ตลอดจนหลักการในการคำนวณปริมาณสารเคมี
ก็เป็นเช่นเดียวกับการพ่นสารเคมีกำจัดวัชพืชบนพื้นดินนั่นเอง กล่าวคือ ยังยึดหลักขชองการคำนวณสารเคมีที่จะใช้ต่อหน่วยพื้นที่ที่ต้องการฉีดเป็นหลักนั่นเอง
ข้อควรระวัง
แม้ว่าการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชจะเป็นวิธีการที่งาย
ประหยัด สะดวก และมีประสิทธิภาพที่สุดในบรรดาวิธีการกำจัดผักตบชวาทั้งหลาย แต่ก็พึงสังวรในเรื่องต่อไปนี้
(1) สารเคมีทุกชนิด ไม่ว่าจะมีขีดความปลอดภัยในการใช้ต่อผู้ใช้เอง
ต่อชีวิตของสัตว์น้ำ และระบบนิเวศวิทยาสักเพียงใดก็ตาม ก็ไม่ปลอดภัยถึง 100% โดยเฉพาะหากผู้ใช้ไม่ได้ศึกษาวิธีการอย่างถูกต้องเสียก่อน
(2) ก่อนใช้ ควรศึกษาปัญหาที่แท้จริง และสภาพแวดล้อมตลอดจนประสิทธิภาพของสารเคมีกำจัดวัชพืช
อัตราการใช้ วิธีการผสม วิธีการฉีดพ่น ความคงทนของสารเคมี ตลอดจนความเป็นพิษต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม
(3) ในการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชในแหล่งน้ำ ควรคิดอยู่เสมอว่า น้ำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์และสัตว์
ถ้าเป็นแหล่งน้ำสำหรับใช้บริโภค อย่าได้ใช้วิธีกำจัดโดยการใช้สารเคมีเป็นอันขาด
หากมีพืชปลูกอื่นๆ เช่น บัว กระจับ ข้าว ฯลฯ ขึ้นอยู่ในแหล่งน้ำเดียวกัน ก็อย่าใช้วิธีนี้เพราะพืชเหล่านี้อาจจะพลอยถูกทำลายไปด้วย
ถ้าการใช้ไม่ถูกต้อง ในการฉีดพ่น ควรระวังอย่าให้สารเคมีปลิวไปถูกวัชพืช ปลูกอื่นๆ
ในบริเวณใกล้เคียง
(4) ควรพิจารณาถึงความจำเป็นรีบด่วนในการจัด ปริมาณของผักตบวาและปัจจัยอื่นๆ โดยเฉพาะในด้านค่าใช้จ่ายประกอบในการตัดสินใจเลือกวิธีทางเคมี
โปรดระลึกอยู่เสมอว่าสารเคมีกำจัดวัชพืชทุกชนิด เรายังผลิตเองไม่ได้ จึงจำต้องเสียเงินตราต่างประเทศสั่งเข้ามาใช้
ยิ่งไปกว่านั้น ซากของผักตบชวาที่ถูกทำลายจะจมลงใต้พื้นน้ำ และค่อยๆ สลายตัว ระหว่างการสลายตัวนั้น
จะทำให้ก๊าซออกซิเจนในน้ำลดน้อยลง ถ้าการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชเป็นไปอย่างกว้างขวาง
การขาดออกซิเจนจะรุนแรงจนทำให้ปลา และสัตว์น้ำอื่นๆ ตายได้ทั้งๆ ที่สารเคมีนั้นๆ
ไม่ได้เป็นพิษต่อชีวิตสัตว์ทั้งหลายเลย
|
|