สวทช. จับมือ สคส. วิจัยพัฒนาเทคโนโลยี ยกระดับความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ต้านภัยคุกคามข้อมูลส่วนบุคคล

Facebook
Twitter
ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ช่องทางสื่อสารต่างๆ มีอยู่อย่างหลากหลาย และเข้าถึงได้อย่างสะดวก แต่ในอีกด้านหนึ่งกลับพบว่า การละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคล การขโมย/ โจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล สามารถทำได้อย่างง่ายดาย นำมาซึ่งความเดือดร้อน ถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ สร้างความเสียหายให้แก่ผู้เป็นเจ้าของข้อมูล ตลอดจนส่งผลกระทบต่อความสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจากภัยคุกคามทางข้อมูลอีกด้วย
ดังนั้น เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาดังกล่าว จึงเป็นที่มาของการพัฒนาความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาในโครงการ “การรักษาความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” ระหว่าง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ในการดำเนินงานร่วมกัน หวังมุ่งยกระดับงานวิจัยและเทคโนโลยีด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศของประเทศไทยให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2566 สวทช. และ สคส. จัดพิธีลงนามความร่วมมือภายใต้โครงการดังกล่าว โดยมี ดร.ศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. ลงนามความร่วมมือ พร้อมด้วย ดร. สุนทรีย์ ส่งเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิ สคส. และ ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. ร่วมลงนามเป็นพยาน ณ ห้องประชุมบุษกร อาคารเนคเทค สวทช. อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี
ดร.ศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กล่าวถึงภารกิจของ สคส. ที่มีบทบาทในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศ จัดทำกฎหมาย กำกับดูแล บังคับใช้กฎหมาย ให้คำปรึกษา และเป็นศูนย์กลางให้บริการทางวิชาการเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแก่หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน รวมถึงยังมีบทบาทสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น การพัฒนาความร่วมมือกับ สวทช. จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ 2 หน่วยงาน จะได้ร่วมกันนำความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สร้างโครงการ งานวิจัย หรือกิจกรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน และสังคมต่อไป
ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวในฐานะองค์กรวิจัยพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี สวทช. มีความพร้อมทั้งองค์ความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของทีมนักวิจัย ที่มีความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรเจ้าของโจทย์สำคัญของประเทศ เพื่อนำวิทยาการความรู้เหล่านี้มาพัฒนานวัตกรรม นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน ขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในมิติต่าง ๆ
ขอบเขตการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว ประกอบด้วย
1. ร่วมกันดำเนินงานกิจกรรมด้านวิชาการ และงานวิจัย ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในรูปแบบต่าง ๆ ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย
2. ร่วมกันจัดหาและสนับสนุนทรัพยากร เช่น บุคลากร งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ สำหรับใช้ในการดำเนินงานภายใต้บันทึกข้อตกลงนี้
3. แลกเปลี่ยนและเสริมสร้างความรู้ ประสบการณ์ และข้อมูลทางวิชาการ รวมทั้งจัดฝึกอบรม และสัมมนา ระหว่างบุคลากรของทั้งสองฝ่าย
4. ร่วมกันพัฒนาบุคลากรของทั้งสองฝ่ายโดยการส่งเสริมความสัมพันธ์ในการพัฒนาโครงการ แลกเปลี่ยนนักศึกษา และ/หรือบุคลากรระหว่างกัน

ความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการวางฐานรากทางเทคโนโลยีด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ จากความเข้มแข็งทางวิชาการระหว่าง 2 หน่วยงาน ที่จะเสริมแกร่งงานด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ