สัมมนาฟรี ! เติมความรู้ Digital Technology กับ 6 หัวข้อสัมมนาจากเนคเทคในงาน NAC2021

Facebook
Twitter
บทความ | วลัยลักษณ์ คงพระจันทร์
ถ่ายภาพ | ธนวิชญ์ ทิพย์ทอง สิมิลัน สถาวร และอภิษฐา นิรัตติศัย

ชมฟรี ! สัมมนาเรื่องราว 6 เทคโนโลยีในเวทีแลกเปลี่ยนมุมมองในบริบทไทยและต่างประเทศจากผู้มีบทบาทในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเนคเทค สวทช. ได้ร่วมนำประเด็นเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงและเป็นที่ต้องการทั้งในเชิงองค์ความรู้และแรงงาน ไม่ว่าจะเป็น AI, Big Data, Smart Farm, Smart Indusrty, Creative Economy ด้านการท่องเที่ยวและชุมชน สู่หัวข้อสัมมนาในงาน NAC2021 หรือ งานประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 16 ที่จัดขึ้นในรูปแบบ New Normal ผ่านเว็บไซต์ www.nstda.or.th/nac/2021 เมื่อวันที่ 25 – 30 มีนาคม ที่ผ่านมา

สำหรับบทความนี้ … เนคเทคชวนทุกคนมาเติมความรู้แบบฟรี ๆ กับเนื้อหา Digital Technology แบบเน้น ๆ 6 หัวข้อสัมมนา ทั้งในรูปแบบสรุปประเด็นสำคัญ หรือ VDO การสัมมนาฉบับเต็ม ถ้าพร้อมแล้วลุยเลย !

ฉายชัด ! โรดแมป AI ประเทศไทย ในสัมมนา “กลยุทธ์และทิศทางของปัญญาประดิษฐ์ในประเทศไทย”

“เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์” เป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญและส่งเสริมเพื่อให้เกิดการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ล่าสุดกระทรวงอว.และดีอีเอส ได้ร่วมกันจัดทำร่างแผนแม่บทปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย พ.ศ. 2564-2570 โดยกำหนดวิสัยทัศน์ว่า “ประเทศไทยจะเป็นประเทศชั้นนำในการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนภายในปี พ.ศ. 2570”

อย่างไรก็ตามหลายประเทศได้จัดทำแผนแม่บทด้านปัญญาประดิษฐ์ขึ้นแล้ว โดยการสัมมนานี้ได้ฉายภาพเป้าหมายและทิศทางการขับเคลื่อนปัญญาประดิษฐ์ของประเทศญี่ปุ่น และ สิงคโปร์ รวมถึงงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง สำหรับประเทศไทย ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. ได้เล่าถึง กลยุทธ์และทิศทางการขับเคลื่อนแผนแม่บทปัญญาประดิษฐ์ของประเทศ ที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เริ่มเดินหน้าร่วมกันจัดทำร่างแผนแม่บทฯ ขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อ “สร้างคน สร้างเศรษฐกิจ และสร้างผลกระทบด้านสังคมด้วยปัญญาประดิษฐ์” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนซึ่งเป็นจุดเด่นของกลยุทธ์ปัญญาประดิษฐ์ไทยที่แตกต่างจากต่างประเทศซึ่งเน้นด้าน Startup และงานวิจัย

nac2021-nectec-session

นอกจากนี้ในช่วงท้ายของการสัมมนายังมีการแลกเปลี่ยนแนวทางการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้งานในระยะเร่งด่วนกับ 3 อุตสาหกรรม จากผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ การเกษตร และการบริการภาครัฐ ในเสวนา “มองต่างมุมกลยุทธ์และทิศทางของปัญญาประดิษฐ์ในประเทศไทย” อีกด้วย

nac2021-nectec-session

Big Data กับการพัฒนาท้องถิ่นสู่ความ Smart ! ในสัมมนา สู่การพัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูลขนาดใหญ่สำหรับชุมชน (Community Big Data Platform) ในยุคชีวิตวิถีใหม่ (New Normal)

การสัมมนานี้ได้เล่าถึงตัวอย่างการนำ Big Data ไปใช้พัฒนาประเทศทั้งในมุมมองของประเทศเกาหลีและประเทศไทย ยกตัวอย่างระบบ Transport Operation & Information Service คือ การใช้ Big Data ปฏิรูประบบขนส่งในกรุงโซล ประเทศเกาหลี รวมไปถึงกรณีตัวอย่างของกฎหมายและนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลของเกาหลี กรณีตัวอย่างของการนำข้อมูลใหญ่ออกแบบโครงสร้างพื้นฐานพัฒนา Smart City ของเกาะเชจู

nac2021-nectec-session
ดร.ศรัณย์ สัมฤทธิ์เดชขจร รองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช.กล่าวเปิดการสัมมนา

สำหรับประเทศไทยได้มีการนำ Big Data ไปใช้ในระดับท้องถิ่น เช่น โครงการ University to tumbol ซึ่งผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยในท้องถิ่น ก่อให้เกิดการวิเคราะห์ข้อมูลที่สำคัญในท้องถิ่นเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญของการนำ Big Data มาพัฒนาชุมชน คือ แพลตฟอร์มที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากหลากหลายสาขา องค์กร เพื่อการถ่ายทอดองค์ความรู้ นำไปสู่การสร้างนวัตกรรม

nac2021-nectec-session

ในช่วงท้ายของการสัมมนาได้มีการแลกเปลี่ยนมุมมองความสำคัญของ Big Data Platform สำหรับชุมชนในยุควิถีใหม่ โดยได้มีการยกตัวอย่างระบบ #TPMAP กับการชี้เป้ากลุ่มเป้าหมายที่ต้องให้ความช่วยเหลือในช่วงหลัง COVID-19 โดยการนำข้อมูลจากหลายแหล่งมายืนยันซึ่งกันและกัน เพื่อการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้คุ้มค่า ช่วยเหลือประชาชนได้ตรงจุด

Cinque Terre
เข้าสู่เว็บไซต์ TPMAP

‘ต่อยอด ต่อเนื่องอย่างยั่งยืน ! แนวทางการพัฒนา HandySense” ในสัมมนา เทคโนโลยีแบบเปิดเพื่อความต่อเนื่องและยั่งยืนด้วยนวัตกรรมระบบเกษตรอัจฉริยะ (HandySense)

HandySense ระบบเกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะ คือ อุปกรณ์ตรวจวัดและควบคุมสภาพแวดล้อมที่เป็นปัจจัยต่อการเจริญเติบโตของพืช ด้วยการนำเทคโนโลยีเซนเซอร์ (sensor) ผนวกอุปกรณ์ไอโอที (Internet of Things) มาพร้อมกับความโดดเด่นคือ อุปกรณ์ใช้งานง่าย ทนทานต่อสภาพแวดล้อม ในราคาที่เกษตรกรเข้าถึงได้

Cinque Terre
เข้าสู่เว็บไซต์ HandySense (https://handysense.io/)

สำหรับการสัมมนาฯ นี้ ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. ได้เล่าถึงการเปิดตัว HandySense Open Innovation เพื่อมอบพิมพ์เขียวต้นแบบงานวิจัยให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้สนใจ นำไปผลิตหรือจำหน่าย ภายใต้แนวคิด Smart Farmimg Open Innovation ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เปิดเผยรายละเอียดการผลิต โดยไม่คิดค่า License หรือ ค่าใช้จ่ายใด ๆ โดยคาดหวังให้เกษตรกรไทยยุคใหม่ มีเครื่องมือด้านการเกษตรที่ทันสมัย ในราคาจับต้องได้ และก่อให้เกิดอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องมือด้าน Smart Farm โดยคนไทยต่อไป

nac2021-nectec-session

นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐ เอกชน ภาคเกษตรกรที่มีบทบาทในการส่งเสริมเทคโนโลยี รวมถึงมุมมองของนักวิจัยและพัฒนา ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองในการต่อยอดพิมพ์เขียว HandySense ให้มีการใช้งานอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนทั้ง ไม่เฉพาะในบริบทด้านการเกษตรเท่านั้น แต่รวมไปถึงด้านการประมง และปศุสัตว์ อีกด้วย

nac2021-nectec-session

โดยได้พูดคุยถึงความต้องการของภาคเกษตรที่ไม่ได้ต้องการเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่ต้องการนวัตกรรมที่ใช้งานง่าย ใช้ได้จริง แนวทางและโอกาสเติบโตทางธุรกิจด้าน Smart Farm ของผู้ประกอบการ แนวทางการสนับสนุนด้านอินเทอร์เน็ตในราคาเหมาะสมของผู้ให้บริการเครือข่าย นโยบายของท้องถิ่นได้เข้ามาสนับสนุนการนำ HandySense ไปใช้งานในวงกว้าง รวมไปถึงมุมมองการพัฒนาความสามารถของ HandySense ให้ตอบโจทย์การใช้งานของเกษตรในอนาคต

ทั้งนี้นอกเหนือจากการเปิดพิมพ์เขียว HandySense เป็น Open Innovation แล้ว เนคเทค สวทช. ยังมีแนวคิดในการต่อยอดข้อมูลจาก HandySense สู่ข้อมูลเปิดสาธารณะ (Open Data) ด้านการเกษตรในอนาคตอีกด้วย

👉 ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนเกษตรแม่นยำฟาร์มอัจฉริยะ
Facebook Group: https://www.facebook.com/groups/handysense/

ยกระดับการท่องเที่ยวมูลค่าสูง บนพื้นฐานวัฒนธรรมและความหลากหลายทางชีวภาพ

แพลตฟอร์มนวนุรักษ์ (NAVANURAK) เทคโนโลยีบูรณาการข้อมูลวัฒนธรรมดิจิทัลให้สามารถเชื่อมโยงและใช้งานในรูปแบบเปิด (Linked Data and Open Data) และพัฒนาโมดูลต่างๆ เพื่อขยายแพลตฟอร์มดิจิทัลให้รองรับการนําไปใช้ในบริบทการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งเสริมการนําข้อมูลดิจิทัลที่มีชุมชนเป็นเจ้าของข้อมูลไปต่อยอด

โดยภาคเอกชนที่มีแพลตฟอร์มสินค้าสามารถนํามาเชื่อมโยงกับข้อมูลเฉพาะของชุมชนและสร้างเป็นมูลค่าเพิ่มได้ เกิดการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว และสร้างเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ ยกระดับปราชญ์ชุมชนด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อดึงความรู้ที่เป็น Tacit Knowledge ในการสร้างอัตลักษณ์การท่องเที่ยว

Cinque Terre
เข้าสู่เว็บไซต์ NAVANURAK (https://www.navanurak.in.th/)

การสัมมนาในครั้งนี้เป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนมุมมองในการขับเคลื่อนและยกระดับการท่องเที่ยวไทย สู่ท่องเที่ยวมูลค่าสูง บนพื้นฐานวัฒนธรรมและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มีบทบาทด้านการท่องเที่ยวทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และเอกชน

คุณรังสิมา ตัณฑเลขา ผู้อำนวยการโปรแกรมอาวุโส ฝ่ายบริหารวิจัยเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติ (RNS) สวทช. กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงคนไทยเอง เพราะมีที่แหล่งท่องเที่ยวมากมาย ตั้งแต่บนยอดเขาสูงจรดท้องทะเล ที่มีความสวยงาม พร้อมศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา และอัตลักษณ์พื้นถิ่น ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยมีของดีมากมาย ฉะนั้น ทำอย่างไรเราจึงจะยกระดับการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่มีต้นทุนมหาศาลสู่การท่องเที่ยวมูลค่าสูงได้

nac2021-nectec-session

การสัมมนาฯ เริ่มต้นจากการพูดคุยถึงบทบาทของแต่ละหน่วยงานรวมถึงมุมมองต่อการท่องเที่ยวโดยชุมชน ไม่ว่าจะเป็น นโยบายการท่องเที่ยวโดยชุมชน การเริ่มต้นศึกษาจุดเด่นของพื้นที่ตำบลบ้านแพรกสู่การก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ การทำธุรกิจเพื่อสังคมคู่ชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ภาคการศึกษาที่ผลิตบุคคลากรสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ผ่านหลักสูตรการจัดการมรดกวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ รวมไปถึงมุมมองด้านการวิจัยและพัฒนา “แพลตฟอร์มนวนุรักษ์” คือ การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเรื่องการอนุรักษ์ โดยมีแนวคิดว่าชุมชนจะต้องเรียนรู้และสามารถดูแลข้อมูลของตัวเองได้ โดยคาดหวังการเชื่อมโยงข้อมูลชุมชนสู่ระดับประเทศ

nac2021-nectec-session

รวมไปถึงประเด็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการยกระดับการท่องเที่ยวมูลค่าสูง ปัญหาของการท่องเที่ยวไทยในการแพร่ระบาดของ COVID-19 ความคาดหวังต่อการสร้างคุณของการท่องเที่ยวในอนาคต และการสนับสนุนเพื่อยกระดับสู่การท่องเที่ยวมูลค่าสูงให้แก่ประเทศ

Lean! ทางรอด SME ในยุค 4.0

ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืนหรือ หรือ SMC (Sustainable Manufacturing Center) ให้ความสำคัญกับการไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลใช้ในการจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีดังกล่าวจะมีประสิทธิผลสูงสุดก็ต่อเมื่อวิธีการบริหารจัดการกระบวนการผลิตนั้นอยู่ในแนวทางที่เหมาะสม โดยการผลิตแบบ Lean Manufacturing จะเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยในการเตรียมความพร้อมและรองรับการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรม

nac2021-nectec-session

ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. กล่าวว่า การสัมมนานี้ได้นำเสนอแนวคิดและหลักการของ Lean Manufacturing รวมถึงกรณีศึกษาการนำ Lean Manufacturing มาใช้ในโรงงานขนาดกลางและขนาดเล็ก การพัฒนาระบบ IoT เพื่อสนับสนุนการใช้ลีในโรงงาน รวมทั้งการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางการประยุกต์ใช้ลีนโดยผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคการศึกษาภาควิจัยและภาคอุตสาหกรรมเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับ SME เติบโตได้อย่างยั่งยืน

การผลิตแบบ Lean Manufacturing System คือ ระบบการผลิตที่มุ่งเน้นการมูลค่าให้กับสินค้า ได้แก่ ประสิทธิภาพการทำงาน ประสิทธิภาพการผลิต โดยเน้นการกำจัดความสูญเปล่าและสร้างคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ด้วยการลดต้นทุน โดยการพัฒนาระบบ IoT เพื่อสนับสนุนการใช้ลีนในโรงงานนั้น สามารถนำมาใช้หาความสูญเปล่า (waste) ที่เกิดจากระบบได้ผ่านการวัดค่าต่าง ๆ และนำไปสู่การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Data analytics) เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดความสูญเปล่าได้ รวมถึงสามารถทำให้ผู้ใช้มองเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เป็นสัญญาณทำให้เกิดการควบคุมต่าง ๆ ในระบบลีนได้

nac2021-nectec-session

โดยในช่วงท้ายของการสัมมนาฯ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคการศึกษา ภาควิจัย และภาคอุตสาหกรรมได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางการนำ Lean Manufacturing System ไปใช้ในโรงงาน SME ให้ได้อย่างมีประสิทธิผล โดยต้องคำนึงถึงการพัฒนาบุคคลากรเพื่อให้การปรับใช้การผลิตแบบลีนเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing) จากงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์

“เชื่อว่าผู้ประกอบการในปัจจุบันมักประสบปัญหาว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะเข้าถึงและปรับใช้เทคโนโลยีด้าน Smart Factory ได้”

ด้วยเทรนด์ของเทคโนโลยีอุตสาหกรรมอัจฉริยะและปัญหาด้านอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น การขาดแคลนแรงงาน แรงงานขาดทักษะ เครื่องจักรโรงงานอุตสาหกรรมมีสภาพเก่าและชำรุดส่งผลต่อปัญหาในกระบวนการผลิต การผลิตผลิตภัณฑ์แบบดั้งเดิมการขาดการเพิ่มมูลค่า เป็นต้น ทำให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เกิดความตระหนักและต้องการปรับปรุงโรงงานไปสู่อุตสาหกรรม 4.0

nac2021-nectec-session

ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืนและรองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. กล่าวว่า ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน หรือ SMC (Sustainable Manufacturing Center) เป็นส่วนหนึ่งของเมืองนวัตกรรม ARIPOLIS ภายใต้เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0

โดย SMC จะเข้ามาเป็นตัวช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับภาคอุตสาหกรรมไทย ทั้งผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ด้วยบริการ 5 ด้าน เริ่มต้นตั้งแต่การประเมินความพร้อมและวิเคราะห์ปัญหาของโรงงานอุตสาหกรรม ​การพัฒนากำลังคนที่มีทักษะเทคโนโลยี การให้คำปรึกษาเพื่อเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมโดยไม่ได้จำกัดอยู่ที่เทคโนโลยีภายในประเทศ แต่สามารถผสมผสานกับเทคโนโลยีต่างประเทศที่สอดคล้องกับสถานะความพร้อมของโรงงานนั้น ๆ ไปจนถึงการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับปัญหาโดยเฉพาะ นอกจากนี้ SMC ยังมีบริการทดสอบเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี (Testbed) เพื่อให้นักพัฒนาระบบ (System Integrator) สามารถทดสอบระบบของตนเอง และทำ proof of concept ได้โดยไม่แทรกแซงกระบวนการผลิตจริง ​ ​

โดยแพลตฟอร์ม IDA: แพลตฟอร์มไอโอทีและระบบวิเคราะห์ข้อมูลในภาคอุตสาหกรรม (Industrial IoT and Data Analytics Platform) โดยเนคเทค สวทช. เป็นโครงการนำร่องใน SMC ที่จะช่วยสร้างระบบการบริหารจัดการพลังงานในราคาที่เหมาะสมสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม (Low-cost solution) จากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเซนเซอร์ และ ไอโอที โดยจะช่วยในการตรวจสอบประสิทธิภาพการใช้พลังงานของโรงงานแบบ real-time การวัดประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครื่องจักร การแก้ปัญหาการใช้พลังงานของเครื่องจักร การบำรุงรักษาในเชิงพยากรณ์ และนำไปสู่การสร้างโมเดลการบริหารจัดการพลังงานในภาพรวมของประเทศต่อไปในอนาคต

nac2021-nectec-session

SMC ยังได้พัฒนา Reconfigurable Manufacturing Demo-line คือ ระบบสายการผลิตที่มีสายการผลิตผสมระหว่างสายการผลิตจริงและสายการผลิตเสมือน เพื่อให้สามารถแสดงผลทั้งในจอภาพ (Virtualization) และผลิตภัณฑ์จริงบนสายการผลิต สำหรับการผลิตแบบ Mass Customization ซึ่งเป็นจุดเด่นของอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อให้นักวิจัย นักพัฒนาระบบ (SI) มหาวิทยาลัย และภาคเอกชนได้ศึกษาเรียนรู้ พัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ต่อยอดการใช้งานระบบควบคุมอัตโนมัติต่อไป

นอกจากนี้การสัมมนายังกล่าวถึงเทคโนโลยี 5G ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทกับโรงงานอุตสาหกรรมและคลังสินค้าอัจฉริยะ โดยผู้ประกอบการจำเป็นต้องเลือกใช้คลื่นความถี่ที่เหมาะสมต่อการใช้งาน โดยการพัฒนาของเทคโนโลยี 5G จะตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Industrial IoT การสื่อสารที่มีความหน่วงต่ำและมีความน่าเชื่อถือสูง และอุปกรณ์ chipset ต่าง ๆ โดยเนคเทค สวทช.ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อโรงงานและสามารถเชื่อมต่อ 5G ได้ในอนาคต ได้แก่ แพลตฟอร์มระบบระบุตำแหน่งภายในอาคาร (UNAI) แพลตฟอร์มไอโอที (NETPIE) รวมไปถึงแพลตฟอร์ม IDA

 

วันที่เผยแพร่ 8 เมษายน 2564 20:55