ลักษณะคำประพันธ์ที่ใช้ในวรรณกรรมล้านนา ความเข้าใจในเรื่อง ลักษณะคำประพันธ์ ของล้านนาจะช่วยให้ผู้อ่านสามารถวิเคราะห์วรรณกรรมในด้านวรรณศิลป์ได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผู้เรียบเรียงจึงขอเสนอเรื่องลักษณะคำประพันธ์ที่ใช้ในวรรณกรรมล้านนา ดังนี้ วรรณกรรมล้านนาก็เหมือนวรรณกรรมรุ่นเก่าของไทย คือ แต่งด้วยคำประพันธ์ที่มีฉันทลักษณ์เฉพาะแบบ อันเป็นนิสัยเจ้าบทเจ้ากลอนของคนไทยทุกๆ ภาคก็ว่าได้ เข้าใจว่าจะถือเป็นธรรมเนียมการแต่งวรรณกรรมว่าจะต้องยึดฉันทลักษณ์แบบใดแบบหนึ่งเป็นหลักเสมอ ใครแต่งอะไร ด้วยภาษาร้อยแก้วธรรมดาคงถือว่าไม่เข้าหลัก หรือไม่เป็นวรรณคดีที่ดีเด่นก็ได้ เราจึงมักไม่เห็นลักษณะวรรณกรรมที่แต่งด้วยร้อยแก้วเหลือไว้ นอกจากในศิลาจารึกหรือตำนานเท่านั้น หลักเกณฑ์หรือบทบัญญัติตลอดจนแผนผังในการแต่งคำประพันธ์แต่ละชนิดของล้านนา โบราณาจารย์วางแบบไว้แต่ไม่เป็นที่แพร่หลายและมีไม่ครบ เท่าที่ค้นพบมีแต่ตำราแต่งโคลงเท่านั้น ส่วนคำประพันธ์อื่นๆ ไม่ค่อยแพร่หลาย บรรดานักแต่งหรือช่างซอ ( พวกขับซอโดยอาชีพ ) ต่างก็เรียนและฝึกฝนโดยผ่านทักษะทางหูเป็นสำคัญ โดยวิธีอ่านและฟังจากของเก่าๆ ที่เห็นว่าไพเราะ แล้วก็ลองหัดแต่ง เมื่อเสร็จไปตอนหนึ่งก็อ่านเป็นทำนองเสนาะคำประพันธ์แต่ละชนิดไป ถ้าอ่านแล้วฟังดูไพเราะไม่ติดขัดก็เป็นอันใช้ได้ ถ้ารู้สึกขัดๆ อ่านทำนองเสนาะต่อไปไม่ได้หรือเสียงไม่ไพเราะก็จะนำมาแก้ไขเป็นแห่ง ๆ ไป ต่อมาได้มีผู้สนใจศึกษาค้นคว้าหาหลักเกณฑ์ในการแต่งคำประพันธ์ล้านนาขึ้น ที่สำคัญ คือ สิงฆะ วรรณสัย และ มณี พยอมยงค์ โดยการศึกษาค้นคว้าจากวรรณกรรมต่างๆ นำมาวางเป็นกฎเกณฑ์มีแผนผังและบัญญัติให้เห็นเด่นชัด โดยใช้ชื่อว่า หลักกวีนิพนธ์ลานนาไทย ( สิงฆะ วรรณสัย,2518 : 72 - 77 ) นับว่าเป็นประโยชน์แก่ผู้ศึกษาค้นคว้าในภายหลังเป็นอย่างมากทรงศักดิ์ ปรางค์วัฒนากุล ( 2527 : 210 ) กล่าวถึงฉันทลักษณ์ล้านนาไว้ ดังนี้ ร้อยกรอง หรือ กวีนิพนธ์ ของลานนาไทยนั้นมีรูปแบบคำประพันธ์ที่หาฉันทลักษณ์แน่นอนได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งลักษณะการกำหนดคณะและบังคับสัมผัสต่างๆ ไม่เคร่งครัดตายตัว ทั้งนี้อาจเป็นเพราะร้อยกรองที่ปรากฏเป็นลายลักษณ์นั้นมาจากร้อยกรองชาวบ้านที่ขับขานทางมุขปาฐะ(Oral poetry ) และมีท่วงทำนองที่จัดอยู่ในลักษณะ ของเพลงพื้นบ้าน ( folk song ) ด้วย กวีลานนาจะมีอิสระในการแสดงออกเชิงสร้างสรรค์ ถ้อยคำ สัมผัส จังหวะต่างๆ เราจะสังเกตได้จาก คำคร่าวคำเครือ (ภาษาล้านนาออกเสียงว่า คำค่าวคำเคือ ) ที่ชาวบ้านขับขานกัน อันเป็นลักษณะร้อยกรองเบื้องต้น ก่อนที่จะพัฒนามาสู่ฉันทลักษณ์ของบทร้อยกรองที่เป็นลายลักษณ์ (และทั้งลายลักษณ์และมุขปาฐะนี้จะแสดงออกสัมพันธ์ควบคู่กันไป)กวีมุ่งคำนึงถึงการใช้คำให้ได้ตรงตามความหมายที่ต้องการมากกว่าที่จะคำนึงถึงความเคร่งครัด ทางฉันทลักษณ์์ การจัดแบ่งประเภทวรรณกรรมร้อยกรองของล้านนา ที่ปรากฏเป็นลายลักษณ์เป็นสิ่งที่กระทำได้ยากยิ่งดังกล่าว อย่างไรก็ดีในที่นี้จึงขอแบ่งหลักกวีนิพนธ์ล้านนาตามที่ได้มีผู้รู้จำแนกไว้ คือ แบ่งตามรูปแบบหรือตามลักษณะใหญ่ๆ ได้ 6 ประเภท ดังนี้
ก. โคลง หรือ ครรโลง ข. ค่าว ค. เพลงกล่อมเด็ก ง. จ๊อย จ. คำร่ำ ( ฮ่ำ ) ฉ. ซอ