หัวข้อ : เทคโนโลยีก้าวไกล ไปให้ทันเกษตรกรรม 4.0
ห้องสัมมนา : meeting room 3
เวลา : 13.00 – 16.00
เนื้อหาโดยย่อ
ในวันที่ประเทศไทยตั้งเป้าหมายว่าจะไปให้ถึงไทยแลนด์ 4.0 การพัฒนาเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ ทั่วโลกต่างเร่งพัฒนากันอย่างรวดเร็ว ทั้งภาคหน่วยงานวิจัยและภาคเอกชนทั่วโลกต่างพากันเร่งก้าวเท้า บ้างก็เขย่งก้าวกระโดดเพื่อพยายามผลิตเทคโนโลยีที่ทิ้งห่างคู่แข่งให้ได้ไกลที่สุด ในวันนี้เราจึงไม่ควรหยุดนิ่งหรือเดินช้า และปล่อยให้ทุกคนแซงหน้าเรา
เนคเทค สวทช. ในฐานะสถาบันวิจัยภาครัฐ ได้มีพันธกิจสำคัญที่จะร่วมผลักดันเกษตรกรไทยให้ก้าวทันยุค 4.0 โดยในวันนี้เนคเทคได้มีชุดผลงานวิจัยพร้อมใช้ “NECTEC FAARM Analytics Solutions” ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2560 แล้ว ผลงานชุดนี้ประกอบด้วยชุดเทคโนโลยีเซ็นเซอร์เพื่อจัดเก็บข้อมูลทางด้านการเกษตร (FAARM SENSE FAMILY + Atmosphere-Earth Information) รวมถึงฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกร (TAMIS) ชุดเทคโนโลยีประมวลข้อมูลทางด้านการเกษตร (FAARM ALICE) และชุดเทคโนโลยีควบคุมสภาพแวดล้อมการเกษตร (FAARM FIT FAMILY) มาร่วมเรียนรู้ผลงานชุดนี้แบบรู้ลึกและเข้าใจ จะไปให้ทันเกษตรกรรม 4.0 ต้องรู้จักเทคโนโลยีอะไรบ้าง และเนคเทคจะมีทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการเกษตรไทยอย่างไรต่อไป โปรดมาร่วมกันหาคำตอบได้ในเสวนา “เทคโนโลยีก้าวไกล ไปให้ทันเกษตรกรรม 4.0”
กำหนดการเสวนา
12.30 – 13.00 ลงทะเบียนหน้าห้องเสวนา
13.00 – 14.30 รู้ลึกผลงาน “NECTEC FAARM Analytics Solutions”
ร่วมเสวนาโดย
- ดร. กัลยา อุดมวิทิต
รองผู้อำนวยการ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ - ดร. อัมพร โพธิ์ใย
ผู้อำนวยการ ศูนย์เทคโนโลยีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ - ดร. นพดล คีรีเพช็ร
นักวิจัยอาวุโส ห้องปฏิบัติการวิจัยคลังอนุพันธ์ความรู้
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ - ดร. ธีระ ภัทราพรนันท์
นักวิจัย ห้องปฏิบัติการวิจัยแมชชีนวิชั่น
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ - ดร ศุภนิจ พรธีระภัทร
หัวหน้าห้องปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีโฟโทนิกส์
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ - นายทวี ป๊อกฝ้าย
ผู้ช่วยวิจัย ศูนย์นวัตกรรมการพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์และอิเล็กทรอนิกส์อินทรีย์
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
14.30 – 14.45 พักรับประทานอาหารว่าง
14.45 – 16.00 การเสวนา “เทคโนโลยีก้าวไกล ไปให้ทันเกษตรกรรม 4.0”
ร่วมเสวนาโดย
- นายคมสัน จำรูญพงษ์
รองเลขาธิการ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร - นายสถาพร ใจอารีย์
ผู้อำนวยการ กองสำรวจดินและวิจัยทรัพยากรดิน กรมพัฒนาที่ดิน - นายอนุวัฒน์ ปัญจมาภิรมย์
รองประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ หอการค้าไทย
ประธาน บริษัท โกลบอลอะโกรเทรด จำกัด - นายสรพัศ ปณกร
อุปนายก สมาคมการค้าปัจจัยการผลิตสัตว์น้ำไทย
ดำเนินรายการ โดย
- นายพิสุทธิ์ ไพบูลย์รัตน์
ผู้เชี่ยวชาญวิจัย ห้องปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีสมองกลฝังตัว
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ - ดร. กัลยา อุดมวิทิต
รองผู้อำนวยการ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
สรุปเนื้อหาจากสัมมนา
เนื้อหาช่วงที่ 1 รู้ลึกผลงาน “NECTEC FAARM Analytics Solutions”
การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลของเนคเทคเป็นไปเพื่อตอบโจทย์ประเทศไทย 4.0 ทางด้านเกษตร ก้าวข้ามความท้าทายของภาคการเกษตรไทย พัฒนาการเกษตรแบบ “ทำมากได้น้อย” (ต้นทุนมาก ลงแรงมาก แต่ได้ผลผลิตน้อย) ให้เป็นแบบ “ทำน้อยได้มาก” (ต้นทุนน้อย ลงแรงน้อย แต่ได้ผลผลิตมากขึ้น) มีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและสภาวะตลาด เทคโนโลยีเพื่อการเกษตรของเนคเทคประกอบด้วยเทคโนโลยี 4 กลุ่ม คือ
- Agri-information (ระบบสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของภาคการเกษตร)
- Sensor System and IoT (ระบบรับข้อมูลและอินเตอร์เน็ตทุกสรรพสิ่ง)
- Automation & Control System (ระบบอัตโนมัติและการควบคุม)
- Learning Tools (ระบบสนับสนุนการเรียนรู้สำหรับเจ้าหน้าที่ภาครัฐและเกษตร)
ซึ่งเนคเทคได้พัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อการเรียนรู้แบบเปิด (Massive Open Online Course, MOOC) ทางด้านการเกษตรที่เปิดกว้างและมีทั้งช่องทางออนไลน์ (www.nectec.or.th/zoning) และช่องทางออฟไลน์
พื้นฐานการใช้เทคโนโลยีในการทำเกษตรประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ คือ 1. การใช้ระบบเซนเซอร์เพื่อติดตามข้อมูลในแปลงเกษตร (Data Input) 2. การประมวลผลข้อมูล (Data Analytic) และ 3. ระบบการควบคุมที่แม่นยำ (Precise Control) ผลงานเทคโนโลยีทางด้านเกษตรของเนคเทคที่นำเสนอในงานสัมมนานี้ประกอบด้วย
- Smart Farm Platform โดยศูนย์เทคโนโลยีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (TMEC) ซึ่งประกอบด้วยชุดเซนเซอร์คุณภาพสูง 7 ชนิด (อุณหภูมิในอากาศและในดิน ความชื้นในอากาศและในดิน ความเข้มแสง แรงดันอากาศและแรงดันน้ำ) Data Logger ระบบคลาวด์และระบบควบคุมในโรงเรือนแบบครบวงจร สามารถนำมาใช้ติดตั้งในฟาร์มทั้งระบบเพื่อช่วยให้เกษตรกรมือใหม่สามารถปลูกพืชให้มีคุณภาพใกล้เคียงหรือสูงกว่าเกษตรกรมืออาชีพจากการทดสอบใช้งานจริง (ผู้สนใจติดตั้งระบบสามารถติดต่อได้ที่ https://tmec.nectec.or.th)
- เทคโนโลยีสำหรับการเพาะปลูกในโรงเรือน (Smart Green House) เช่น Water Fit หรือระบบให้น้ำสำหรับการเพาะปลูกที่ปรับอัตราให้น้ำอัตโนมัติตามระดับความชื้นในดิน ปริมาณน้ำฝนในพื้นที่หรืออัตราการคายระเหยของพืชได้ Ambient Sense หรือระบบตรวจวัดสภาพแวดล้อมในโรงเรือน Ambient Fit หรือระบบปรับและควบคุมอุณหภูมิ ความชื้นและก๊าซในโรงเรือน เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ โดยเทคโนโลยีชุดนี้สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนระบบแอนดรอยด์เพื่อควบคุมระบบได้ในระยะไกล และมีการส่งบันทึกข้อมูลของเซนเซอร์เข้าอินเตอร์เน็ตแบบอัตโนมัติ ทั้งนี้ในอนาคตจะมีการพัฒนาระบบการเพาะปลูกในโรงเรือนที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของพืชโดยตรงโดยอาศัย Imaging Technology และ Variable Rate Technology เป็นหัวใจสำคัญ
- เทคโนโลยีจมูกอิเล็กทรอนิกส์ (E-nose) หรือระบบเซนเซอร์ตรวจวัดกลิ่นจากแก๊ซในอากาศซึ่งนำมาต่อยอดเป็นผลงานวิจัยทางด้านการเกษตรได้หลากหลาย เช่น เครื่องตรวจวัดความหอมของข้าวแบบพกพาสำหรับใช้ทดแทนเครื่อง Gas Chromatography ระบบวัดกลิ่นในสภาพแวดล้อม (Cloud Nose) เพื่อตรวจสอบระดับความแรงและทิศทางของกลิ่นเหม็นจากโรงเลี้ยงสัตว์ โดยเป็น Wireless Sensor Network ที่มีความสามารถในการวัดแก๊ซหลากหลายชนิดก่อนนำมาคำนวณและแปรผลเป็นกลิ่นที่ต้องการวัด โดยระบบมีการเชื่อมต่อข้อมูลกับอุปกรณ์ของผู้ใช้งานด้วยระบบคลาวด์ ท้ายที่สุด คือ Ammonia Sensor Network ซึ่งเป็น Wireless Sensor Network สำหรับตรวจวัดแก๊ซแอมโมเนียในโรงเลี้ยงสัตว์หรือโรงงานอุตสาหกรรม
- เทคโนโลยีสำหรับผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (Aqua Solution of Sustainable, Aqua-SOS) ซึ่งประกอบด้วย Bubble fit หรือระบบควบคุมเครื่องเติมอากาศอัตโนมัติตามค่าออกซิเจนละลายในน้ำ (DO) ChemEyeหรือเครื่องอ่านค่าสารเคมีในน้ำ Minimal Shrimp Lab หรือระบบตรวจติดตามสมดุลอินทรีย์ในน้ำซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคตายด่วนในกุ้ง (โรค EMS) และหลัก Key5 ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างสภาวะสมดุลธรรมชาติเพื่อกำจัดแบคทีเรียตัวก่อโรค EMS ในกุ้ง
- เทคโนโลยี Data Analytics สำหรับการเกษตร ซึ่งเนคเทคได้เริ่มต้นพัฒนาจากระบบบูรณการพื้นที่เพาะปลูก (What2Grow) มาเป็นแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) จนมาสู่แพลตฟอร์ม Analytics Engines สำหรับการเกษตร (FAARM AlicE) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของระบบเกษตรแม่นยำให้มีการทำงานที่ยืดหยุ่นและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของสภาพแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด (ทดลองใช้ Agri-Map Online ได้ฟรีที่ https://agri-map-online.moac.go.th/login และ Application Agri-Map Mobile ใน Google Play)
เนื้อหาช่วงที่ 2 เสวนา “เทคโนโลยีก้าวไกล ไปให้ทันเกษตรกรรม 4.0”
การเสวนาช่วงนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรจากภาครัฐ 2 ท่าน และภาคเอกชน 2 ท่าน ช่วยให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อเกษตรกรรม 4.0 ของประเทศไทย คุณคมสันต์ จำรูญพงษ์ รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ได้กล่าวถึงเป้าหมายการยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย โดยการนำเทคโนโลยี อาทิ Big Data Analytics, Artificial Intelligence เข้ามาใช้ร่วมกับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของ สศก. เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการคาดการณ์และวางแผนการผลิตและจำหน่ายสินค้าเกษตรให้ดีและมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น สศก. ยังร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรจัดทำโครงการฐานข้อมูลเกษตรกรกลาง (Farmer One) และต้องการต่อยอดให้ฐานข้อมูลนี้มีข้อมูลลึกถึงระดับรายบุคคลเพื่อปรับการสนับสนุนเป็นรายบุคคลได้ อีกทั้งยังมีวิสัยทัศน์ในการเปิดเผยฐานข้อมูลเป็น Open Data ให้หน่วยงานต่าง ๆ นำไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ยิ่งขึ้นไป
ดร.สถาพร ใจอารีย์ ผู้อำนวยการกองสำรวจดินและวิจัยทรัพยากรที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน (พด.) ได้กล่าวถึงความสำคัญของการพัฒนาการเกษตรซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน Bio Economy หนึ่งในคีย์หลักในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ไปถึงเป้าหมายไทยแลนด์ 4.0 สิ่งสำคัญในการพัฒนาการเกษตรของประเทศไทย คือ การจัดทำโซนนิ่งการเกษตรเพื่อช่วยแนะนำให้เกษตรกรสามารถปลูกพืชทดแทนที่เหมาะสมกับพื้นที่ตนเองและให้ผลตอบแทนดีกว่าพืชชนิดเดิม ในการนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ร่วมมือกับเนคเทค สวทช. และหน่วยงานพันธมิตรในการพัฒนาระบบแผนที่เกษตรเพื่อบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-map) เพื่อช่วยในการจัดโซนนิ่งการปลูกพืชในประเทศซึ่งเกษตรกรก็สามารถใช้งานระบบนี้ได้ฟรีด้วยตนเอง นอกจากการจัดทำโซนนิ่งการปลูกพืชแล้ว การพัฒนาเรื่องการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรกรรม เช่น การแปรรูปอ้อยเป็นน้ำตาล เอทานอล พลาสติกชีวภาพ สารให้ความหวานไซลิทอล ไปจนถึงยาชีวภาพหรือไบโอฟาร์มา ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญที่จะช่วยส่งเสริมความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทยในอนาคต
คุณอนุวัฒน์ ปัญจมาภิรมย์ รองประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ หอการค้าไทย ได้กล่าวว่าตนเองได้รับนโยบายจากหอการไทยให้เป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่ม GDP ของประเทศด้วยภาคการเกษตร คุณอนุวัตน์ได้ให้ความเห็นว่าการขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทยจะต้องคิดให้ตลอดทั้ง Value Chain ซึ่งในแต่ละช่วง Value Chain สามารถใช้เทคโนโลยีเข้าไปช่วยได้ เช่น การใช้เทคโนโลยีดมกลิ่นหรือวัดความหวานเพื่อช่วยคัดเลือกคุณภาพของผลไม้ การใช้ QR Code ในการตรวจสอบย้อนกลับจากปลายน้ำไปถึงต้นน้ำ การใช้เทคโนโลยีแปรรูปผลิตภัณฑ์ เป็นต้น นอกจากนี้คุณอนุวัตน์ยังกล่าวถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคเกษตรกรรม ซึ่งเทคโนโลยีจะช่วยลดปัญหานี้ได้ โดยควรจะมีหน่วยงาน เช่น เนคเทค ช่วยผลิตผลงานเทคโนโลยีแบบง่าย ๆ ที่ใช้งานได้ง่ายและเข้าถึงได้ง่าย โดยนำผลงานดังกล่าวไปเชื่อมต่อกับภาคการศึกษาเพื่อให้มีการเรียนรู้ก่อนออกมาสู่ภาคแรงงานด้วย
คุณสรพัศ ปณกร อุปนายก สมาคมการค้าปัจจัยการผลิตสัตว์น้ำไทย ได้กล่าวถึงความต้องการเทคโนโลยีของเกษตรกรว่า เกษตรกรส่วนใหญ่มักต้องการเทคโนโลยีเข้ามาช่วย แต่ในขณะเดียวกันมักจะไม่รู้ตัวว่าต้องการเทคโนโลยีอะไร จึงควรมีผู้เชี่ยวชาญเข้าไปช่วยเหลือ โดยส่วนตัวของคุณสรพัศให้ความชื่นชมผลงานที่เนคเทคนำเสนอ และอยากให้เนคเทคมีการผลักดันผลงานให้เป็นที่รู้จักของภาคการเกษตรโดยตนเองยินดีให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้คุณสรพัศได้ให้โจทย์ทางด้านเกษตรที่น่าสนใจ อาทิ เรื่องสารเคมีตกค้างในผลผลิตการเกษตร เรื่องลดความเสี่ยงเพิ่มความสุขให้เกษตรกร เรื่องการทำ Virtual Shelf เพื่อวางจำหน่ายสินค้าเกษตรล่วงหน้า เรื่องการเพิ่มคุณภาพสินค้าเกษตรไทยให้เป็นสินค้าเกรดพรีเมี่ยม และการถ่ายทอดองค์ความรู้ของปราชญ์เกษตรกรท้องถิ่นไม่ให้สูญหาย ในตอนท้ายคุณสรพัศได้แสดงความกังวลถึงระบบฟาร์มอัตโนมัติแบบครบวงจรจนไม่ต้องพึ่งพาแรงงาน เนื่องจากจะแย่งงานเกษตรกรไทยได้
ไฟล์ประกอบการบรรยาย (.pdf)
- นวัตกรรมด้านการเกษตรของเนคเทค โดย ดร. กัลยา อุดมวิทิต
- TMEC Sensor & Control โดย ดร. อัมพร โพธิ์ใย
- FAARM ALicE : AI ช่วยงานเกษตร โดย ดร. นพดล คีรีเพช็ร
- FAARM Solution โดย ดร. ธีระ ภัทราพรนันท์
- Aqua SOS โดย ดร ศุภนิจ พรธีระภัทร
- จมูกอิเล็กทรอนิกส์ (E-nose) โดย นายทวี ป๊อกฝ้าย
- เทคโนโลยีก้าวไกล ไปให้ทันเกษตร 4.0 โดย ดร.สถาพร ใจอารีย์
- Agri-map แผนที่เกษตรเพื่อบริหารจัดการเชิงรุก โดย ดร.สถาพร ใจอารีย์