หน้าแรก
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับผีเสื้อ
วงจรชีวิตของผีเสื้อ
รูปร่างของผีเสื้อ
เกล็ดปีกของผีเสื้อ
แหล่งค้นคว้าหาข้อม

 

 

 

รูปร่าง

 

รูปร่างของผีเสื้อ ประกอบด้วยลำตัวที่ไม่มีโครงกระดูกภายใน เหมือนเช่นสัตว์ปีกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่จะมีเปลือกแข็ง ซึ่งเป็นสารจำพวกไคติน (chitin) หุ้มอยู่ภายนอก เช่นเดียวกับแมลงอื่นๆ ในชั้นอินเซกตรา (Class Insecta)

 

 

หนวด มี 1 คู่อยู่ระหว่างตาทำหน้าที่ในการดมกลิ่น

 

 

ตา ประกอบด้วยตา 2 ชนิด คือตาเดี่ยว (ocelli) และตารวม (compound eyes) ตาเดี่ยวใช้ในการรับรู้ความมืดสว่าง ส่วนตารวมประกอบด้วยเลนส์เล็กๆ หลายพันอัน ทำหน้าที่รับภาพที่เคลื่อนไหว มีประสิทธิภายในการมองเห็นสูงมาก ตาของผีเสื้อมองเห็นสีได้มากกว่าตาของมนุษย์ เช่น สามารถมองเห็นรังสีอัลตราไวโอเลต (สีในคลื่นแสงระดับหนึ่ง) แต่จะเห็นรายละเอียดในระยะไกลได้ไม่ดี

 

 
ปาก เป็นท่อ (proboscis หรือ haustellum) สำหรับดูดกินอาหารที่เป็นของเหลว เช่น น้ำหวาน ขณะที่ไม่ได้กินอาหาร ปากจะถูกม้วนเก็บเป็นวงกลมคล้ายขดลานนาฬิกา ผีเสื้อบางชนิดไม่มีปากและไม่กินอาหาร โดยเฉพาะผีเสื้อกลางคืน

 

ปีก มี 2 คู่ คู่หน้าติดอยู่กับอกปล้องกลาง คู่หลังติดอยู่กับอกปล้องที่สาม (ด้านที่ติดกับปล้องท้อง)

 

 

อก ประกอบด้วยปล้อง 3 ปล้องเรียงต่อกันรอยต่อระหว่างปล้องมองเห็นได้ไม่ชัดเจนเนื่องจากมีเกล็ดและขนปกคลุม มีขาติดอยู่ที่อกปล้องล่ะ 1 คู่

 

 

ท้อง ตอนปลายสุดของส่วนท้องที่มีอวัยวะเพศ ที่มีรูปร่างลักษณะแตกต่างกันตามชนิดของผีเสื้อและจะผสมพันธุ์กันได้ เฉพาะผีเสื้อชนิดเดียวกันเท่านั้น นักกีฏวิทยาจึงใช้อวัยวะเพศประกอบการจำแนกชนิดของผีเสื้อ

 

 

ลำตัว ลำตัวประกอบด้วยปล้องวงแหวนหลายๆปล้องเรียงต่อกัน เชื่อมยึดด้วยเยื่อบางๆ เพื่อให้เคลื่อนไหวได้สะดวก มีเปลือกนอกแข็ง ภายในมีก้านแข็ง (asophyses) เป็นที่ยึดของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเคลื่อนไหว วงแหวนที่เชื่อมต่อกันเป็นลำตัวของผีเสื้อมีทั้งหมด 14 ปล้อง แบ่งออกเป็นส่วนหัว 1 ปล้อง ส่วนอก 3 ปล้อง และส่วนท้อง 10 ปล้อง

 

 
ขา เป็นข้อๆแบ่งออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่ โคนขา ข้อต่อโคนขา ต้นขา ปลายขา และตีนตามลำดับ มีเล็บ 1 คู่ที่ปลายตีน ขาคู่หน้าของบางชนิดหดหายไปบางส่วนเหลือเพียงส่วนที่เป็นโคนขาและต้นขาที่มีกระจุกพู่ขนปกคลุมอยู่ เช่น ผีเสื้อในวงศ์ผีเสื้อขาหน้าพู่