|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|
เราสามารถแบ่งกลุ่มของพอร์ตเครื่องพิมพ์เพื่อศึกษาหลักการทำงานออกได้เป็น
2 กลุ่ม คือ กลุ่มอินพุต (Input) และ กลุ่มเอาต์พุต (Output) โดยก่อนที่เราจะทำการศึกษาถึงการทำงานของพอร์ตเครื่องพิมพ์
เราต้องมาทำความเข้าใจถึงสภาวะ High และ Low ก่อน ดังนี้
ในสภาวะ High เป็นสภาวะที่ขา (Pin) บนพอร์ตเครื่องพิมพ์มีแรงดันอยู่ระหว่าง
+2.4 ถึง +5 โวลต์ (Volt) ซึ่งกำหนดให้ลอจิก (Logic) เป็น 1
ในสภาวะ Low เป็นสภาวะที่ขา (Pin) บนพอร์ตเครื่องพิมพ์มีแรงดันอยู่ระหว่าง
+0 ถึง +0.8 โวลต์ (Volt) ซึ่งกำหนดให้ลอจิก (Logic) เป็น 0
เมื่อเข้าใจคำว่าสภาวะ
High และ Low จะทำให้ทราบว่าทำไมเราถึงต้องรู้จักเลขฐานด้วยเช่นเดียวกัน
ซึ่งจะทำให้เข้าใจหลักการทำงานของพอร์ตเครื่องพิมพ์ได้ดีขึ้น
กลุ่มเอาต์พุต (Output)
ท่านจะพบว่ามี 8 เอาต์พุต อยู่บนพอร์ตข้อมูล
(Data Port) และ 4 เอาต์พุต อยู่บนพอร์ตควบคุม (Control Port) โดยเครื่องคอมพิวเตอร์จะใช้ลอจิก (Logic) 0 เป็นตัวตรวจสอบเครื่องพิมพ์ว่ามีสภาวะการเลือกเครื่องพิมพ์บนขา
Select Input ( Input คือ เครื่องพิมพ์), การกำหนดค่าเริ่มแรกบนขา Initialize Printer, การเลื่อนกระดาษขึ้นบรรทัดใหม่บนขา Auto Feed และการส่งข้อมูลออกจากเครื่องพิมพ์บนขา Strobe หรือไม่ ท่านอาจสงสัยว่าทำไมใช้ลอจิก (logic) 0 เพราะถ้าใช้ลอจิก (logic) 0 จะไม่เป็นไปตามข้อกำหนด เมื่อท่านกลับไปดูท่านจะพบว่าเป็นค่าสภาวะที่แสดงอยู่บน CPU และวงจร Input / Output ไม่ใช่ค่าที่แสดงอยู่บนพอร์ตเครื่องพิมพ์ชนิด D แบบ 25 ขา เช่น ค่าสภาวะของขา Select Input บน CPU และ วงจร Input / Output เป็นลอจิก 1 ค่า สภาวะที่อ่านได้บนพอร์ตเครื่องพิมพ์ชนิด D แบบ 25 ขา จะมีลอจิกเป็น 0 หรือค่าสภาวะของขา Strobe Auto Feed และ Select Input ที่อ่านได้บนพอร์ตเครื่องพิมพ์ชนิด D แบบ 25 ขา จะมีค่าทางลอจิกตรงข้ามกับค่าที่อ่านได้จาก CPU และวงจร Input / Outputโดยวงจรอินเวอร์เตอร์ (Inverter) จะทำหน้าที่เป็นตัวแปลงสัญญาณนั่นเอง
ท่านอาจมีข้อสงสัยอีกว่าทำไมผู้ออกแบบพอร์ตเครื่องพิมพ์ต้องออกแบบให้ยุ่งยากแบบนี้ด้วย
ทำไมไม่ออกแบบให้ลอจิกที่อ่านได้บนวงจร Input / Output กับพอร์ตเครื่องพิมพ์ มีค่าเหมือนกันโดยปกติถ้าท่านเชื่อมต่อเครื่องพิมพ์อยู่กับคอมพิวเตอร์ก็ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าท่านไม่ได้เชื่อมต่อเครื่องพิมพ์กับคอมพิวเตอร์จะทำให้ขา Strobe, Auto Feed, Select
Input มีสภาวะเป็นลอจิก 1 จะทำให้คอมพิวเตอร์มองเหมือนกับว่าต่ออยู่กับเครื่องพิมพ์ทำให้มีการเลือกเครื่องพิมพ์, การกำหนดให้เลื่อนการะดาษขึ้นบรรทัดใหม่, การเตรียมพร้อมในการส่งข้อมูลออกไปยังเครื่องพิมพ์
ทำให้เกิดความสับสนเป็นอย่างมาก ผู้ออกแบบจึงให้อินเวอร์เตอร์ (Inverter)เป็นตัวปรับสภาวะทางลอจิก
(logic)ให้เหมาะสมกับความเป็นจริง กลุ่มอินพุต (Input)
ท่านจะพบว่ามี 5 ขา อินพุต อยู่บนพอร์ตสถานะ
(status port) โดยทำหน้าที่ตรวจสอบสภาวะที่ถูกส่งมาจากเครื่องพิมพ์ให้สภาวะ
High ขา Select จะตรวจสอบว่าเครื่องพิมพ์เชื่อมต่ออยู่หรือเปล่า ส่วนสภาวะ
High ของขา Busy และ PE จะให้ตรวจสอบว่าเครื่องพิมพ์กำลังทำงานอยู่ และกระดาษบนเครื่องพิมพ์หมด
ส่วนในสภาวะ Low ของขา ใช้ตรวจสอบว่าเครื่องพิมพ์ได้รับข้อมูลที่ส่งไปให้
ส่วนสภาวะ Low ของขา Error ตรวจสอบข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบนเครื่องพิมพ์ ท่านอาจสงสัยว่าทำไมขา Busy มีการกำหนดสภาวะไม่ตรงกัน เพราะเป็นค่าสภาวะที่แสดงอยู่บน CPU และวงจร Input / Output ไม่ใช่ค่าที่แสดงอยู่บนพอร์ตเครื่องพิมพ์ชนิด D แบบ 25 ขา โดยที่ผู้ออกแบบจะใช้อินเวอร์เตอร์ (inverter) ในการแปลงสัญญาณลอจิกที่จงส่งเข้า CPU และวงจร Input / Output ที่ต้องมีการแปลงสัญญาณ เนื่องจากขณะที่เครื่องพิมพ์ หรืออุปกรณ์ต่อพ่วง (peripheral) ต่าง ๆ กำลังทำงานอยู่นั้น อุปกรณ์เหล่านี้จะส่งลอจิก 1 มาที่พอร์ตเครื่องพิมพ์ชนิด D แบบ 25 ขา ถ้าเราไม่ทำการแปลงสัญญาณก่อนที่ส่งเข้าไปในวงจร Input / Output จะทำให้คอมพิวเตอร์มองว่าเครื่องพิมพ์ หรืออุปกรณ์ต่อพ่วง (peripheral) อยู่ในสภาวะปกติ (การทำงานเสร็จเรียบร้อย) แทนที่จะมองว่าขณะนี้อุปกรณ์กำลังทำงานอยู่
ความสามารถจริงแล้วทางทีมงานนั้นได้บอกไปแล้วในหัวข้อลักษณะของพอร์ตชนิดต่างๆ จึงได้ขอสรุปเพียงเนื้อหาที่สำคัญเท่านั้น - มีความเร็วในการส่งข้อมูลสูงถึง 2 เมกะไบต์ต่อวินาที - ระยะทางการส่งข้อมูลของพอร์ตขนานไม่สามารถส่งข้อมูลได้ไกลเกิน 2 เมตร - สามารถส่งข้อมูลสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้ - แสดงสถานะการทำงานและทำการตรวจสอบการทำงานของตัวเองได้
ประโยชน์ของการใช้พอร์ตเครื่องพิมพ์ พอร์ตเครื่องพิมพ์นั้นมีประโยชน์ในด้านการส่งและรับข้อมูลที่สามารถทำการส่งข้อมูลแบบสองทิศทาง
คือ ทำให้การสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์ต่อพ่วงที่นำมาใช้งานกับพอร์ตขนานดังกล่าวได้
ทำให้สามารถตรวจสอบสถานะและรายงานสถานะการทำงานไปยังคอมพิวเตอร์ได้
จากการพัฒนาดังกล่าวส่งผลให้ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์หลายราย โดยเฉพาะเครื่องพิมพ์ประเภทเลเซอร์และเครื่องพิมพ์ประเภทฉีดหมึกต่างก็พัฒนาเครื่องพิมพ์ของตนให้ใช้ประโยชน์จากพอร์ตขนาดแบบใหม่ได้
เช่น พิมพ์งานเร็วมากขึ้นและมีการตรวจสอบสถานะการทำงานของเครื่องพิมพ์ทุกๆระยะ
เช่น ตรวจสอบว่าเครื่องพิมพ์อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่มีกระดาษสำหรับพิมพ์งานหรือไม่
รวมไปถึงการตรวจสอบปัญหาความผิดพลาดต่างๆ และแสดงข้อความบอกสถานะนั้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
เช่น Out of Paper , Cover Open
ON ซอฟต์แวร์ควบคุมการพิมพ์บางรายถึงขนาดแจ้งวิธีแก้ปัญหาแบบทีละขั้นตอน
(Step by Step) บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำให้ผู้ใช้งานแก้ปัญหาได้ด้วยตนเองได้ รวมถึงความสามารถในด้านการควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ได้ประยุกต์ใช้กับพอร์ตเครื่องพิมพ์
เพราะว่าพอร์ตเครื่องพิมพ์เป็นพอร์ตที่เข้าใจง่ายต่อการศึกษาค้นคว้า
และสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวันโดยที่มีการดัดแปลงอุปกรณ์บางอย่างเพื่อที่จะได้นำมารวมเป็นอุปกรณ์ที่ควบคุมโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคลที่จะนำความรู้ไปปฏิบัติอย่างไรในชีวิตประจำวัน เพื่อก่อให้เกิดก่อพัฒนาความคิด หรือเทคโนโลยีในประเทศไทยให้เทียบเท่ากับนานาประเทศที่ตอนนี้กำลังผลิตด้านเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว
|
Team...18 DL_C_S070 โรงเรียน เบญจมราชูทิศ จ.จันทบุรี |