|
เขาบรรพต ปรากฏภาพวัดพระพุทธบาทโดยรอบ |
|
วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท
จังหวัดสระบุรี
เป็นแผ่นดินที่สั่งสมมรดกทางพระพุทธศาสนา ศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย
วัดพระพุทธบาทเป็นอารามหลวงชั้นเอกชนิดพิเศษ สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
ปี พ.ศ.2167 สมเด็จพระเจ้า-ทรงธรรมโปรดเกล้าฯให้สร้างวัดขึ้นไว้
นับถึงปัจจุบัน (พ.ศ.2546) รวมเวลาได้ 379ปี สืบเนื่องที่พระองค์ได้ทอดพระเนตรรอยพระพุทธบาทประดิษฐาน
ณ.ที่นั้นมีพระราชศรัทธาเลื่อมใสยิ่ง โปรดเกล้า ฯ ให้ช่างก่อเรือนคฤหหลังน้อยสวมรอยพระพุทธบาทไว้เป็นการชั่วคราวก่อน
หลังจากได้เสด็จกลับราชธานีกรุงศรีอยุธยาจึงเริ่มงานสถาปนายกสถานที่รอยพระพุทธบาทขึ้นเป็นพระมหาเจดีย์สถาน
และโปรดให้สร้างพระมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทพร้อมกับโปรดเกล้าฯให้เจ้าพนักงานสร้างพระอารามสำหรับพระภิกษุสามเณรเพื่ออยู่อาศัยประจำ
เพื่อการดูแลรักษา และบำเพ็ญสมณธรรมสืบไป วัดพระพุทธบาทมีเนื้อที่จำนวน
6,268 ไร่ 24 ตารางวา มีกำแพงและภูเขากั้นเป็นเขตพระอาราม ทิศเหนือจดกำแพงเก่า
ทิศใต้จดกำแพงและเขาโพธิ์ลังกา ทิศตะวันตกจดกำแพงพระราชวังโบราณท้ายพิกุล
|
|
มณฑปครอบรอยพระพุทธบาท
รูปร่างคล้ายบุษบก
|
|
จากสระยอสุนทรภู่เดินทางถึงวัดพระพุทธบาทประมาณบ่ายโมงครึ่งขณะนั้นที่วัดมีคนมาทำบุญอย่างมากมาย
พระองค์เจ้าปฐมวงศ์ขึ้นกุฏิพักผ่อน แต่สุนทรภู่ไปชมบรรยากาศภายในวัด
ซึ่งสุนทรภู่พรรณนาถึงความงดงามจนเวลามืด สุนทรภู่มีความรู้สึกว่า
|
| |
| |
|
|
| ทั้งต้องน้ำอมฤตเมื่อศึกเงียบ |
 |
แสนยะเยียบเยือกเย็นเป็นเหน็บหนาว |
| ทั้งหนาวลมหนาวพรมน้ำค้างพราวี่ |
|
ไหนจะหนาวซากผาศิลาเย็น |
|
|
|
| โอ้หนาวอื่นพอขึ้นอารมณ์ได้ |
|
แต่หนาวใจยากแค้นนี้แสนเข็ญ |
| ทั้งหนาวนอนใกล้นุชสุดจะเย็น |
|
ใครปะเป็นเหมือนหนึ่งข้าจะว่าจริง |
| |
|
|
|
| สุนทรภู่ใช้คำว่า หนาว
แสดงภาพพจน์สื่ออารมณ์รัก เหงาและการพลัดพรากจากคนรักอย่างชัดเจนมาก |
|
พระพุทธบาทปัจจุบันร่มรื่นเหมือนดังเช่นที่สุนทรภู่กล่าวไว้มีต้นไม้หลากหลายชนิด
ทั้งต้นโพธิ์ พิกุล ไทร กัลปพฤกษ์ โมกราชินี หมาก และพันธุ์ไม้
อื่นอีกมากมาย
|
|
| ในเวลาเช้าสุนทรภู่ไปนมัสการพระพุทธบาท
บรรยายทัศนียภาพรอบ ๆ บริเวณพระพุทธบาทว่า |
| |
| มีร่มโพธิ์ที่รุกขังเป็นรังรื่น |
|
พิกุลขึ้นช่อบังสุริยฉาย
|
| แสนรโหโอฬารน่าสบาย |
|
ทั้งหญิงชายกลาดกลุ้มประชุมกัน |
| ทวาราที่ตรงหน้าบันไดนาค
|
|
มีรูปรากษสสองอสูรขยัน |
| ปสยะโอษฐ์ปากอ้าสองตามัน
|
|
ยืนยิงฟันแยกเขี้ยวอยู่อย่างเป็น |
| บันไดนาคนาคในบันไดนั้น
|
|
ดูผกผันเพียงจะเลื้อยออกโลดเล่น |
| ขย้ำเขี้ยวขบปากเหมือนนาคเป็น
|
|
ตาเขม้นมองมุ่งสะดุ้งกาย |
| มีต้นกัลปพฤกษ์ทานในลานวัด
|
|
ลูกหมากยัดเงินทิ้งอุทิศถวาย |
| คนประชุมกลุ้มจริงทั้งหญิงชาย
|
|
บ้างกอกทรายเบี้ยโปรยอยู่โกรยกราว |
| ทิศประจมริมฐานมณฑปนั้น
|
|
มีดาบสรูปบั้นยิงฟันขาว |
| บุ่งหนังพยัคฆราชฎายาว
|
|
ครั่งเคราคราวหนวดแซมสองแก้มคาง |
| ขั้นบันไดจะขึ้นไปมณฑปนั้น
|
|
สิงโตตันสองตัวกระหนาบข้าง |
|
|
บริเวณประตูด้านหน้าทางเข้าพระพุทธบาทมียักษ์
2 ตนเฝ้าประตูเข้าลานพระพุทธบาท
ยักษ์สองตนหน้าตาจะไม่เหมือนกันและเป็นยักษ์ที่สร้างซ่อมขึ้นมาใหม่ตามรูปเดิมที่มีมา
|
|
| |
|
ปสยะโอษฐ์ปากอ้าสองตามัน
ยืนยิงฟันแยกเขี้ยวอยู่อย่างเป็น
|
|
|
| |