อันที่จริงความนึกคิดเกี่ยวกับหลุมดำนี้ ถือกำเนิดมานานนับได้ 203 ปีแล้ว เมื่อ S. Laplace นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสได้คำนวณ พบว่าในกรณีที่ดาวฤกษ์มีมวลมหาศาล มันจะสามารถดึงดูดทุกสรรพสิ่ง (ไม่เว้นแม้แต่แสง) มิให้เล็ดลอดออกมาได้ แต่ก็ไม่มีใครให้ความสนใจ หรือให้น้ำหนักแก่ความคิดนี้เลย เพราะทุกคนคิดไปว่าความคิดของ Laplace เป็นเพียงเทพนิยาย จนกระทั่งถึงเมื่อ 68 ปีก่อนนี้เอง S. Chandrasekhar และ J. Oppenheimer ได้ใช้ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป (General Theory of Relativity) ของไอน์สไตน์ (Einstein) ทำนายว่า ในจักรวาลนี้มีหลุมดำมากมาย
ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปที่ไอน์สไตน์สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2459 เป็นทฤษฎีสำคัญ ที่ช่วยทำให้นักวิทยาศาสตร์ เข้าใจธรรมชาติของหลุมดำ ทฤษฎีนี้ได้เสนอวิธีการค้นหาหลุมดำ โดยให้หลักการว่าการที่หลุมดำ มีแรงดึงดูดแบบโน้มถ่วงที่มากมหาศาล จะทำให้ดาวต่างๆ ที่โคจรอยู่ใกล้หลุมดำมีสิทธิ์ถูกหลุมดำ ดึงดูดเข้าไป คือ "กลืน" ดาวทั้งดวงและทั้งเป็น และเมื่อหลุมดำ "กิน" ดาวเข้าไปแล้วขนาดและมวลของมันก็ จะมากขึ้น หลุมดำจะมีมวลมากเพียงใด ก็ขึ้นกับว่า มันได้ "บริโภค" ดาวเข้าไปมากน้อยเพียงใด ในธรรมชาติเราอาจจะพบหลุมดำ ที่มีมวลมากถึงพันล้านล้านเท่า ของดวงอาทิตย์ และหลุมดำอาจจะมีขนาดใหญ่ เท่าสุริยจักรวาลก็ได้เหมือนกัน
สำหรับขั้นตอนที่หลุมดำ กินดาวทั้งเป็นนั้น นักดารา