การเตรียมพร้อมและการบรรเทาทุกข์จากภัยพิบัติ
สถานการณ์ทั่วไป
- ปัจจุบันภัยจากการคุกคามด้านกำลังทหารภายนอกประเทศมีแนวโน้มลดลง ในขณะที่สาธารณภัยมีแนวโน้มที่จะทวีจำนวนความถี่และความรุนแรงเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสาธารณภัยที่เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หรือที่เกิดขึ้นจากการกระทำของมนุษย์ขณะเดียวกัน การพัฒนาและความเจริญก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรม ได้ยังผลให้ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นมีความหลากหลายและสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ภัยพิบัติมักก่อให้เกิดความเสียหายและผลกระทบในด้านต่าง ๆ อย่างมาก ซึ่งถือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศเป็นอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันและลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น การจัดทำหรือการปรับปรุงแผนป้องกันภัยจึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งทั้งนี้เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยให้สามารถปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีระบบ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด
- ในภาวะปกติ รัฐต้องเตรียมป้องกันภัยต่าง ๆ ด้วยการจัดเตรียมการให้พร้อมที่จะเผชิญกับภัยทุกรูปแบบเมื่อเกิดภัยขึ้นหรือใกล้จะเกิด ไม่ว่าภัยแบบใดแบบหนึ่งหรือเกิดหลายแบบพร้อม ๆ กัน หน่วยงานของรัฐจะต้องเข้าอำนวยการปฏิบัติในการป้องกัน บรรเทา และฟื้นฟูบูรณะอย่างมีเอกภาพ เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด
- กระทรวงกลาโหม เป็นองค์กรหนึ่งของรัฐที่มีหน้าที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยตาม พ.ร.บ.ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน พ.ศ.๒๕๒๒ และแผนป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนพ.ศ.๒๕๔๑ ของกระทรวงมหาดไทย จึงได้จัดตั้ง ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกลาโหม(ศบภ.กห.) ขึ้น ตามคำสั่ง กห. (เฉพาะ) ที่ ๗๐/๔๐ ลง ๒๕ มี.ค.๔๐ โดยมีหน้าที่อำนวยการประสานงาน สั่งการและกำกับดูแลการปฏิบัติของส่วนราชการใน กห. ในการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยทั้งปวง ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ในส่วนของกองทัพอากาศ ได้จัดตั้ง ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ (ศบภ.ทอ.) ขึ้นรองรับภารกิจให้การช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ตามนโยบายของ กห. เมื่อได้รับการร้องขอจากหน่วยงานของรัฐ และ/หรือ เอกชน และ/หรือ ศบภ.กห. โดยมี ผช.เสธ.ทอ.ฝขว. เป็น ผอ.ศูนย์ ฯ จก.ยก.ทอ. เป็นรอง ผอ.ศูนย์ ฯ และ ผอ.กกร.ยก.ทอ. เป็นเลขาฯ ศูนย์ฯ
---------------------------------------------------------------------------
ภารกิจ
เตรียมและดำเนินการป้องกันบรรเทาและลดอันตรายที่เกิดขึ้นแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและของรัฐ อันเนื่องมาจากสาธารณภัย เมื่อได้รับการร้องขอจากศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กห. (ศบภ.กห.) และ/หรือ ฝ่ายพลเรือน
---------------------------------------------------------------------------
การปฏิบัติ
- แนวความคิดในการปฏิบัติ
- เพื่อให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบสาธารณภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกันนโยบาย กห., บก.ทหารสูงสุด และการปฏิบัติของเหล่าทัพอื่น ทอ. จะจัดตั้ง ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ มีคำย่อว่า ศบภ.ทอ. ขึ้นที่ กกร.ยก.ทอ.เพื่อเตรียมปฏิบัติภารกิจตลอด ๒๔ ชั่วโมง ตั้งแต่ยามปกติ โดยมี ผช.เสธ.ทอ.ฝขว. รับผิดชอบ ส่วนหน่วย ทอ. ณ ที่ตั้งต่างจังหวัด ได้แก่ รร.การบิน กองบิน และฝูงบินอิสระปฏิบัติราชการสนาม ให้จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยหน่วยขึ้น มีคำย่อว่า ศบภ.
เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยในพื้นที่ตั้งของหน่วย โดยมี ผบ.หน่วย เป็นผู้รับผิดชอบ
- ศบภ.ทอ. มี ผช.เสธ.ทอ.ฝขว. เป็นผู้อำนวยการศูนย์ ฯ (ผอ.ศบภ.ทอ.) จก.ยก.ทอ.เป็นรองผู้อำนวยการศูนย์ ฯ (รอง ผอ.ศบภ.ทอ.) รอง จก.ยก.ทอ.(๑) เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์ ฯ (ผช.ผอ.ศบภ.ทอ.) ผอ.กกร.ยก.ทอ. เป็นเลขานุการศูนย์ ฯ (เลขา ฯ ศบภ.ทอ.) และ รอง ผอ.กกร.ยก.ทอ. เป็นผู้ช่วยเลขานุการศูนย์ ฯ (ผช.เลขา ฯ ศบภ.ทอ.) โดยจัดให้มีกำลังพล อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ และยานพาหนะสำหรับปฏิบัติงานอย่างเพียงพอ สำหรับ ศบภ.รร.การบิน กองบิน และฝูงบินอิสระปฏิบัติราชการสนาม ให้ ผบ.หน่วย เป็นผู้อำนวยการศูนย์ ฯ
- ศบภ.ทอ. มีหน้าที่วางแผน อำนวยการ ประสานงาน สั่งการและควบคุม กำกับดูแลการปฏิบัติของหน่วย ทอ. ต่าง ๆ ทั้งในที่ตั้งส่วนกลางและต่างจังหวัด ในการให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบสาธารณภัยทั้งปวง รวมทั้งเป็นศูนย์กลางรับการบริจาคของ ทอ. เพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย และรวบรวมผลการปฏิบัตินำเรียนผู้บังคับบัญชาอย่างต่อเนื่อง
- ขั้นตอนการปฏิบัติการให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบสาธารณภัย ต้องกระทำอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาตั้งแต่ยามปกติ โดยแบ่งขั้นตอนการปฏิบัติออกเป็น ๓ ขั้นตอน ดังนี้
- ขั้นเตรียมการและป้องกัน คือ การจัดเตรียมและหาวิธีป้องกันมิให้ประสบภัยขึ้นหรือแก้ไขอุปสรรคไว้ล่วงหน้าก่อนที่ภัยจะเกิดขึ้น เพื่อลดผลกระทบที่เป็นอันตรายและการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ภาครัฐและเอกชน โดยปฏิบัติตั้งแต่ยามปกติ ดังนี้
- การเตรียมคนและวัสดุอุปกรณ์
- จัดเตรียม จนท. รับผิดชอบงาน ซักซ้อม ฝึกซ้อม อบรมและกำหนดวิธีการปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนต่าง ๆ ให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ประสานการเตรียมการกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการจัดเตรียมคน วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมทั้งจัดหางบประมาณสนับสนุนตามความจำเป็นและเหมาะสม
- จัดเตรียมกำลังพล สถานที่ วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้เพื่อสนับสนุนการป้องกันภัยต่าง ๆ
- การจัดระบบการปฏิบัติการ
- จัดให้มีการทำแผนการปฏิบัติของ จนท. และมีการซักซ้อมตั้งแต่ยามปกติ เพื่อให้พร้อมปฏิบัติการได้ทันทีเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น
- การสำรวจพื้นที่เสี่ยงภัย
- สำรวจวิเคราะห์พื้นที่ที่มักเกิดภัยขึ้นเป็นประจำ หรือเป็นพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดภัยทุกรูปแบบ และจัดทำบัญชีเป้าหมายการป้องกันภัยต่าง ๆ โดยแยกประเภทของภัยจัดลำดับความเร่งด่วนในการปฏิบัติในการเผชิญภัยคุกคามที่เกิดขึ้น
- ขั้นการปฏิบัติเมื่อเกิดภัย คือ การขจัดหรือลดความรุนแรงของภัย รวมทั้งการรักษาขวัญและความเป็นระเบียบให้คงไว้ เพื่อให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
- สงวนรักษาชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และทรัพย์สินของทางราชการ
- รักษาขวัญ กำลังใจ และความเป็นระเบียบในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และประชาชนให้คงไว้ระหว่างที่ภัยยังปรากฎอยู่
- ระงับภัยที่เกิดขึ้นให้ยุติโดยเร็ว
- ขั้นการฟื้นฟูบูรณะ คือ การดำเนินการทั้งปวงเพื่อช่วยเหลือบรรเทาอันตรายซ่อมแซมสิ่งชำรุดเสียหายให้กลับคืนสู่สภาพเดิม เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจของประชาชนให้กลับคืนสู่สภาพปกติ โดยยึดถือหลัก ๓ ประการ ดังนี้
- ให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ขั้นต้นแก่ประชาชนผู้ประสบภับ
- ให้การบรรเทาอันตรายอันเกิดต่อเนื่องมาจากภัยนั้น
- ให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือ การฟื้นฟูสภาพของประชาชนผู้ประสบภัยให้สามารถดำรงชีวิตกลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว
- พื้นที่รับผิดชอบ
- ในเขตพื้นที่กรุงเทพ ฯ และปริมณฑล ศบภ.ทอ. รับผิดชอบการปฏิบัติ
- ในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด ให้ ศบภ.รร.การบิน, กองบิน และฝูงบินอิสระปฏิบัติราชการสนาม รับผิดชอบการปฏิบัติ โดยพิจารณาจังหวัดใกล้เคียงและจังหวัดรอบที่ตั้งหน่วยเป็นหลัก
- ขอบเขตการปฏิบัติและอำนาจสั่งการ
- ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบสาธารณภัย อันเกิดจากภัยธรรมชาติและอุบัติภัยเท่านั้น
- ใช้วัสดุ อุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์ และกำลังพลที่มีอยู่ใน ทอ. โดยประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานฝ่ายพลเรือน และประชาชนในพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติ
- หลีกเลี่ยงการปฏิบัติการใด ๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของฝ่ายพลเรือนหรือของรัฐ โดยให้ประสานการปฏิบัติซึ่งกันและกัน
- ผอ.ศบภ.ทอ. มีอำนาจสั่งใช้วัสดุ อุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์ และกำลังพล รวมทั้งอากาศยานของ ทอ. ในการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย
- ผอ.ศบภ.รร.การบิน, กองบิน และฝูงบินอิสระปฏิบัติราชการสนาม สามารถสั่งการใช้วัสดุ อุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์ และกำลังพล รวมทั้งอากาศยาน ที่อยู่ในบังคับบัญชา ให้การช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยได้ทันทีเมื่อได้รับการร้องขอ แล้วรายงานให้ ศบภ.ทอ. ทราบทุกระยะ
- การให้ความช่วยเหลือ ตามข้อข้างบน หากเกินขีดความสามารถของหน่วยให้ขอรับการสนับสนุนจากหน่วย ทอ. ข้างเคียง และ/หรือ ศบภ.ทอ.
---------------------------------------------------------------------------
ตัวอย่างการช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์อันเนื่องมาจากภัยพิบัติที่ผ่านมา
ในกรณีภาคใต้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๐ สาเหตุจากพายุโซนร้อน ซีต้า ได้พัดผ่านพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย ส่งผลให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก โดยเฉพาะที่จังหวัดชุมพรและจังหวัดระนอง ประชาชนไม่สามารถออกจากพื้นที่น้ำท่วมได้ เกิดภาวะขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม
กองทัพ ได้ร่วมกันให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยอย่างเร่งด่วน โดย ทอ. ได้ใช้อากาศยานขนส่งกำลังพล เครื่องอุปโภคบริโภค น้ำดื่ม ยารักษาโรค พร้อมวัสดุอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ของ ทร. จากสนามบินดอนเมือง ไปส่งยังสนามบินจังหวัดระนอง และจังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังจากนั้น ทบ. และ ทร. จัดรถยนต์บรรทุกขนย้ายวัสดุอุปกรณ์ดังกล่าว จากสนามบินไปส่งให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่
ในการนี้ ทอ. ได้ใช้ บ.ล.๘ (C 130) ขนส่งเครื่องอุปโภคบริโภคจากโครงการอาสา เพื่อนพึ่ง (ภา ฯ) ยามยาก เรือท้องแบนจาก ทร. รวมทั้งยารักษาโรค มีน้ำหนักบรรทุกโดยรวม ๙๙๕,๙๐๐ ปอนด์ จากสนามบินดอนเมือง ไปยังสนามบินสุราษฎร์ธานี และสนามบินระนอง ใช้เที่ยวบินทั้งสิ้น ๓๘ เที่ยวบิน ๑๐๑.๙ ชั่วโมงบิน สำหรับการขนย้ายวัสดุอุปกรณ์ดังกล่าวไปให้ประชาชนที่ติดอยู่ในพื้นที่ประสบภัย ทอ. ได้ใช้ ฮ.๔ ก ในการขนย้ายทั้งสิ้น ๓๗ เที่ยวบิน ๕๑.๕ ชั่วโมงบิน พร้อมทั้งได้จัดกำลังพลจาก กองบิน ๗ (สุราษฎร์ธานี) และ กองบิน ๕๓ (ประจวบคีรีขันธ์) ร่วมปฏิบัติงานกับทางจังหวัดในพื้นที่ด้วย
---------------------------------------------------------------------------
|