Index

  สรุปผลการสำรวจปี 2546
  สรุปผลการสำรวจปี 2545

 

สรุปผลการสำรวจปี 2544
  ข้อมูลเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตใน
ประเทศไทย
   
   
   

Links

  IT Policy (กลับหน้าแรก)
  NSTDA
  NECTEC
  NITC
 

Staffs

  เจ้าหน้าที่โครงการวิจัยนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศ
 

รายงานกรณีศึกษาเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย

โดย International Telecommunication Union ของสหประชาชาติ
 

ใน พ.ศ. 2544 ITU ได้จัดให้มีการจัดทำรายงานกรณีศึกษาเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตในประเทศสมาชิกอาเซียน 7 ประเทศ (มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม) โดยรายงานการศึกษาได้รับการจัดพิมพ์เผยแพร่เมื่อมีนาคม 2545

ข้อมูลสถิติต่างๆ ในรายงาน จัดได้ว่าเป็นการรวบรวมที่ครบถ้วน โดยมี บทที่ 1 กล่าวถึงสถานภาพทั่วไปของประเทศไทย ปัญหาการลดค่าเงินบาท ภาวะทางเศรษฐกิจ การพัฒนาคนในประเทศไทย  บทที่ 2 กล่าวถึงสถานภาพด้านโทรคมนาคมและสื่อสารมวลชนในประเทศไทย
บทที่ 3 กล่าวถึงประวัติและสถานภาพของ อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย บทที่ 4 กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา ICT ของประเทศ และภาวะของตลาดซึ่งมีการนำอินเทอร์เน็ตไปใช้งานในด้านต่างๆ และ บทที่ 5 เป็นการสรุปภาวะความพร้อมของประเทศไทย
 
กล่าวโดยรวมแล้ว ถือว่ารายงานฉบับนี้เป็นการรวบรวมข้อมูล สถิติต่างๆ ด้านโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตของประเทศไทยได้อย่างครบดีเยี่ยม โดยมีความทันสมัยถึงประมาณต้นปี 2545 โดยคณะผู้ศึกษาได้ติดต่อประสานงานด้านการสัมภาษณ์และขอข้อมูลจากแหล่งต่างๆ 14 แหล่ง และจากข้อมูลในอินเทอร์เน็ต

ในการรวบรวมจัดได้ว่า ITU ได้ทำรายงานที่มีคุณภาพสูง ข้อมูลเจาะลึกละเอียดได้พอสมควร ทันสมัย (ถึงประเด็นการวิเคราะห์โครงการเกี่ยวกับการใช้ ICT เพื่อสนับสนุน SME และชุมชน รวมไปถึงโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์)
ในบทสรุปรายงานฉบับนี้ได้ให้คะแนนสภาพของอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย 15.5 คะแนน จากคะแนนเต็ม 24 คะแนน ใน 6 ด้านๆ ละ 4 คะแนน (ประกอบด้วย ความกว้างขวางในการใช้งาน 3 คะแนน, ความทั่วถึงทางภูมิศาสตร์ 3.5 คะแนน, การนำไปใช้ในแขนงต่างๆ 2.5 คะแนน, โครงสร้างของการเชื่อมต่อ 2.5 คะแนน, สภาวะขององค์กรบริการ และตลาด 2 คะแนน และระดับความสลับซับซ้อนในการใช้งาน 2 คะแนน) หากจะเปรียบเทียบกับกรณีของมาเลเซีย เขาได้ 18.5 คะแนน
 
ข้อเสนอที่ ITU เสนอกับประเทศไทย
มี 4 ประเด็นดังนี้

1. การกำกับดูแลและนโยบายการพัฒนาอินเทอร์เน็ตที่ไม่ชัดเจน เป็นอุปสรรคทำให้ ISP ต่างๆ ทำหน้าที่เป็นเพียง “ผู้ขายส่ง” ที่ทำงานให้กับผู้มีอำนาจผูกขาดในการกำกับดูแลตลาดอินเทอร์เน็ต (กสท.) นอกจากนี้ความล่าช้าของการจัดตั้งองค์กรกำกับดูแล (กทช.) ทำให้เกิดการหยุดชะงักในการขยายตัวของตลาดอินเทอร์เน็ต

2. การที่ประเทศไทยมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 5% ของประชากร (3.5 ล้านคนในพ.ศ. 2544) จะช่วยทำให้ประเทศไทยมีโอกาสก้าวหน้าทางด้านการทำให้ประเทศไทย online ไปไกลพอควร ถ้าอุปสรรคตามข้อ 1 ได้ลดลง

3. การหยุดชะงักของการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจทำให้ Economic Intelligence Unit (EIU) ปรับลดลำดับของประเทศไทยในด้านความพร้อม (readiness) จากอันดับที่ 28 จาก 60 ในปี 2543 ลงไปเป็นอันดับที่ 46 ในปี 2544

4. ข้อเสนอต่อประเทศไทยในการพัฒนาอินเทอร์เน็ต ได้แก่
 
4.1 การเปิดเสรีตลาดอินเทอร์เน็ต

4.2 การอนุญาตให้เปิดบริการ VoIP เพื่อให้เกิดการแข่งขันในการบริการด้าน voice จากผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตรายอื่นๆ

4.3 การพัฒนา ICT ในประเทศไทย ทำกันซ้ำซ้อนในหลายหน่วยงาน (กระทรวงคมนาคม, กรมไปรษณีย์โทรเลข, กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ, สวทช., เนคเทค) น่าที่จะพิจารณาให้มีหน่วยงานรับผิดชอบหลักเพียงหน่วยงานเดียว

4.4 แม้ว่าประเทศไทยมีราคาค่าอินเทอร์เน็ตแบบ dial-up ค่อนข้างต่ำ แต่เป็นประเทศที่ตั้งราคาค่าวงจรเช่า (leased line) ในอัตราที่แพงมากในภูมิภาค ทำให้ธุรกิจต่างๆ ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตได้อย่างเต็มที่ และเป็นเหตุหนึ่งทำให้การเริ่มใช้ broadband เกิดขึ้นช้าเกินควร สมควรที่จะเปิดตลาดวงจรเช่าให้แก่ผู้ประกอบการมากขึ้น และควรเตรียมการให้มีการกำกับดูแลการทำให้ผู้ให้บริการโครงข่ายพื้นฐานแบบเคเบิลโมเด็ม และ ADSL จัดบริการให้แก่ ISP ได้ในราคาที่ใกล้กับราคาทุน

4.5 ควรจัดทำเนื้อหาสาระที่เป็นภาษาไทยให้มากขึ้น เนื่องจากคนไทยใช้ภาษาอังกฤษกันน้อย โดยอาจจะให้การสนับสนุนเป็นแรงจูงใจด้านภาษีแก่ภาคเอกชนที่จัดทำเนื้อหาในอินเทอร์เน็ตเป็นภาษาไทย ทั้งนี้ อาจจะเน้นในด้านของเนื้อหาที่มีประโยชน์ต่อชุมชนในชนบท

4.6 ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งจำเป็นต่อการทำให้ประเทศไทยมีพลังในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เพื่อส่งออก ในการรับรองมาตรฐานวิชาชีพด้าน ICT ของไทยควรต้องมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับความรู้ภาษาอังกฤษด้วย

4.7 จำนวนโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย (3.4 ล้านเครื่องในเดือนธันวาคม 2543) มีมากกว่าจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ (2.3 ล้านเครื่อง) โทรศัพท์เคลื่อนที่จึงเป็นช่องทางสำคัญอีกทางหนึ่งที่จะใช้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ (เช่นผ่าน WAP, SMS) ประเทศไทยจึงควรที่จะพัฒนาการใช้ภาษาไทยกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ และทำให้ SMS มีบริการต่ำมากๆ และต้องพิจารณาถึงวิธีการที่จะอนุญาตให้เปิดบริการในยุค 3G โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ ต้องวางแผนในด้านกรรมวิธีอนุญาตและการจัดสรรผ่านความถี่ให้พอเพียง

4.8 ในปัจจุบันข้อมูลการตลาดอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยทำได้ค่อนข้างดี ทั้งนี้ เป็นผลจากการจัดทำรายงานการสำรวจ Internet User Profile ที่จัดขึ้นทุกปีโดยเนคเทค และการสำรวจครัวเรือนของสำนักงานสถิติแห่งชาติร่วมกับเนคเทค นอกเหนือไปจากสถิติด้านโทรศัพท์และโทรทัศน์แล้วข้อมูลตัวชี้วัดด้าน ICT อื่นๆ มีค่อนข้างน้อย ในอนาคตองค์กรกำกับดูแล (กรมไปรษณีย์โทรเลข ซึ่งจะกลายเป็นองค์กรใหม่) ควรรับผิดชอบในการสำรวจและประเมินสภาวะด้านโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มรูปแบบต่อไปเพื่อช่วยให้การกำกับดูแลเกิดขึ้นอย่างน่าเชื่อถือจริง ในทำนองเดียวกันกับที่องค์กรกำกับดูแลในสิงคโปร์และมาเลเซียดำเนินการอยู่
 

สรุปความจาก "Bits and Bahts: Thailand Internet Case Study" , ITU , March 2002
โดย ดร.ทวีศักดิ์  กออนันตกูล, ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ

 

หากสนใจรายงานฉบับเต็ม คลิกที่นี่

 

Comments & suggestions regarding IT policy Research please contact: sirintornc@nectec.or.th
For more information on NITC and its activities, please contact: info-nitc@nectec.or.th

..........................................................................................

National Information Technology Committee Secretariat (NITC)
Copyright ฉ 2000 NECTEC / NSTDA All Rights Reserved.

National Electronics and Computer Technology Center, National Science and Technology Development Agency.