=+=+= เค้าสอนอะไรบ้าง =+=+=

:::::::: เค้าสอนอะไรบ้าง :::::::
 

พุทธศาสนานั้นมีคำสอนอยู่มากมาย แต่สิ่งที่เป็นความเชื่อของชาวไทยมาแต่โบราณมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน และมักจะมีคำพูดติดปากกันบ่อยๆว่า “เวรกรรม” เหล่านี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้รับอิทธิพลมาจากพุทธศาสนา นั่นก็คือจากคำสอนเรื่องกฎแห่งกรรมนั่นเอง

บางคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องงมงาย บางคนก็เชื่ออย่างไร้เหตุผลจนวันๆไม่ทำอะไร เฝ้าแต่รอผลบุญให้ตกมาถึง ซึ่งความคิดเหล่านี้ล้วนเป็นความคิดในทางที่ไม่สมควรทั้งสิ้น เราจึงควรทำความเข้าใจกับ “กรรม”เสียใหม่

ส่วนใหญ่ - - คนเราทั่วไปจะไม่ค่อยได้สนใจและเห็นความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้สักเท่าไร ตราบจนถึงวัยชรา ใกล้ตายแล้ว จึงค่อยมาสำนึกถึงกรรมต่างๆที่เคยทำไว้ และพยายามที่จะแก้ไขความผิดเหล่านั้น แต่หารู้ไม่ว่ากว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว

ดังนั้นเราจึงควรมาค้นหาว่าเท่าที่เราจำได้ กรรมที่เราได้กระทำลงไปเป็นกรรมในชนิดไหน และมีการให้ผลอย่างไร

ตามการจำแนกกรรมเป็นประเภทในพุทธศาสนาเพื่อนๆจะเห็นได้ว่าคนทำดี ย่อมมีบัญชีเป็นกุศลกรรมซึ่งเราจะสมมติให้เป็นบัญชีที่เป็นบวก ยังมีเงินอยู่ในบัญชี แต่คนที่ทำชั่วจะมีบัญชีเป็นอกุศลกรรมซึ่งเราสมมติให้เป็นการติดลบในบัญชี

แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอย่างไหนที่เราทำจะเป็นกรรมดี อย่างไหนที่เราทำจะเป็นกรรมชั่ว ดังที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสเอาไว้ว่า

“กรรมใดที่ทำแล้วก่อให้เกิดความเดือดร้อนภายหลัง กรรมนั้นถือเป็นกรรมชั่ว
กรรมใดที่ทำแล้วไม่เกิดความเดือดร้อนภายหลังกรรมนั้นถือเป็นกรรมดี”

ดังนั้นสิ่งที่เราเห็นอาจมิได้เป็นความจริงเสมอไป บางคนอาจทำชั่วแต่เราเห็นเค้าได้ดี แต่บางคนทำดีแต่กลับเห็นเค้าไม่ได้ดีเท่าคนอื่น เหมือนกับว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรม แต่นั่นอาจเป็นเพียงช่วงสั้นๆ อาจเป็นเพราะกรรมที่เค้าเคยทำมาเพิ่งมาให้ผลในตอนนี้ และเมื่อกรรมเก่าหมดไป กรรมที่เค้ากระทำอยู่ในตอนนี้ก็จะเริ่มให้ผลในระยะที่ยาวกว่า

สำหรับคนที่ทำชั่วเช่นทุจริตโกงกินบ้านเมือง อาจเห็นว่าตอนนี้เค้าเป็นอยู่สุขสบาย มีเงินให้ใช้จ่ายได้อย่างฟุ่มเฟือย ครอบครัวมีฐานะร่ำรวยมั่งคั่ง นั่นก็คือเค้าจะได้รับผลที่ดีในตอนแรก แต่ก็ไม่ถือว่าจะไม่ได้รับอกุศลกรรมเลย นั่นก็เพราะว่าในใจก็ยังมีความเดือดร้อน กลัวว่าผู้อื่นจะจับได้เป็นต้น แล้วต่อมาภายหลังในระยะยาวหากมีผู้จับได้ก็อาจต้องเข้าคุก ถูกยึดทรัพย์ หรือประหารชีวิต ก็ถือเป็นสิ่งที่ได้รับจากการกระทำซึ่งสามารถเห็นผลได้ชัดๆภายในชาตินี้ ไม่ต้องรอไปชาติหน้าชาติไหนเลย

แต่สำหรับคนที่ทำดีนั้น เช่นมีความซื่อสัตย์สุจริตขยันทำงาน ประหยัดและอดทน ในช่วงแรกเค้าอาจได้รับความเดือดร้อนว่าอาจมีฐานะการเงินที่ไม่ค่อยดี แต่อย่างน้อยจิตใจของเค้าก็ไม่ต้องไปกังวลกับการที่กลัวว่าใครจะมาจับผิด กลับจะมีแต่ความภาคภูมิใจว่าเราได้ปฏิบัติงานอย่างสุจริตต่างหาก นั่นคือผลที่จะได้เป็นอันดับแรก และเมื่อเวลาผ่านไป การประหยัดอดออมที่ว่า ก็จะทำให้เค้าสามารถสร้างฐานะขึ้นได้ และการทำงานอย่างสุจริตเมื่อมีผู้พบเห็นเข้าก็จะได้รับแต่การสรรเสริญยกย่อง ผิดกับผู้ที่ทำชั่ว ซึ่งจะได้ผลในทางตรงข้ามกัน

จากเรื่องที่กล่าวมาแล้วหากเรามองแต่ในเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่วันไม่กี่ปี อาจทำให้เราไขว้เขวในสิ่งที่เราเห็นว่าความชั่วอาจเป็นความดี ความดีอาจเป็นความชั่วไป ทำให้เราเอาอย่างในทางที่ผิดๆได้

แต่ถึงแม้ว่าเราทำดีในตอนนี้ แต่เราคิดว่าเราทำดีแล้ว เราคงไม่ต้องทำอีก นั่งนอนอยู่เฉยดีกว่าเดี๋ยวกรรมดีก็มาสนองเราเองนั้นไม่ได้ เนื่องจากเราลองคิดดูก่อนว่าหากเราไม่ทำอะไรเลย ก็ย่อมจะไม่ได้รับอะไร ดังเช่นเราขยันอ่านหนังสือเมื่อใกล้สอบ แต่กลับไม่ไปเข้าห้องสอบ นอนอยู่กับบ้านคิดว่าเราขยันแล้วเป็นกุศลกรรมเดี๋ยวก็มีคะแนน เช่นนั้นก็ไม่ได้รับผลของกุศลกรรมที่ได้สะสมไว้จากการขยันอ่านหนังสือ

เนื่องจากนอกจากที่เราสะสมกุศลกรรมแล้วเรายังต้องขวนขวายเอาเองด้วย ไม่ใช่นอนรอผลของกรรมนั้น นั่นย่อมเป็นเรื่องจริง

แต่สำหรับคนทำชั่วนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะมีความชั่วติดตัวเรื่อยไป เราสามารถทำดีละลายความชั่วได้ ดังที่มีแก้วน้ำอยู่ใบหนึ่งมีน้ำสกปรกอยู่เต็มแก้ว แต่เราได้ใส่น้ำสะอาดบริสุทธิ์ลงไปทีละน้อยทุกวัน สักวันหนึ่งน้ำในแก้วนั้นก็จะใสสะอาด แต่เราไม่ได้เน้นว่าต้องทำดีให้มากๆ แต่เราจะเน้นว่าต้องทำอย่างสม่ำเสมอต่างหาก เช่นเดียวกับเมื่อเราเคยทำไม่ดีต่อผู้อื่นไว้ เราสำนึกได้และทำดีทดแทน แต่การทำความดีมากๆเพียงครั้งเดียวย่อมไม่เท่าการทำดีน้อยแต่ทำบ่อยๆ ซึ่งจะสามารถชนะใจผู้อื่นในด้านการมีความจริงใจอีกด้วย

หลักธรรมในข้อนี้ของพุทธศาสนาเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีการคอรัปชั่น การโกงต่างๆมากมายโดยที่ไม่เกรงกลัวต่อปาบกรรม ทำให้สังคมสับสนวุ่นวาย แต่การเข้าใจในเรื่องกรรมผิดๆก็เป็นผลเสียเช่นกัน ทำให้คนเราไม่ยอมทำงานโดยอ้างว่าทำดีแล้ว เดี๋ยวก็ต้องได้ผลดีตอบแทน เรื่องกรรมเหล่านี้หากเข้าใจในทางที่ถูกแล้ว ก็จะทำให้สังคมเกิดความสงบสุข โดยทึ่ผู้คนจะหันมาทำความดีกันมากขึ้น เห็นใจกันมากขึ้น ช่วยเหลือกันมากขึ้น และขยันขันแข็งกันมากขึ้น ทำให้สังคมเกิดความสงบสุข ทั้งสิ่งต่างๆก็จะเจริญไปพร้อมกับจิตใจของผู้คนที่เจริญขึ้น มิใช่เจริญเพียงวัตถุภายนอก

เอาล่ะ คราวนี้พวกเรามีข้อคิดข้อควรระวังในการทำความดีมาให้กับเพื่อนๆได้คิดใคร่ครวญก่อนทำว่า มันจะเป็นความดีที่แท้จริงหรือเปล่า ทำความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นในภายหลังหรือเปล่า ไปดูต่อกันเลย!!!

+++++ ทำความดีกันเถอะ +++++

 


หน้าหลัก
ทำไมจึงเรียนพระพุทธ
เค้าสอนอะไรบ้าง
ภาษิตมีไว้ทำไม
ทางแห่งชาวพุทธ
สมาธิ
สู่จุดหมาย
สรุปแล้ว...ได้อะไร