ปลา

ปลาทับทิม เป็นปลาที่ได้รับการปรับปรุงสายพันธุ์ทางด้านคุณภาพให้ดีขึ้น ลักษณะของปลา ทับทิม เนื้อผนังช่องท้องสีขาวสะอาด ต่างจากเนื้อปลาชนิดอื่น โดยทั่วไปจะมีผนังช่องท้องเป็นสี เทาดำ โดยมีเกล็ดและผิวหนังเป็นสีแดงซึ่งถือเป็นสีมงคล

เหมาะกับการจัดเลี้ยงเทศกาลต่าง ๆ ซึ่งตรงกับความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะการส่งออกยังต่างประเทศ เช่น ยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น ทั้งในรูปของแช่แข็งทั้งตัวและฟิลเลต (Fillet) > กว่าจะมาเป็นปลาทับทิม เนื่องจากปลาทะเลจากการจับตามธรรมชาติ ได้ลดปริมาณลงทุกปีและมีคุณภาพเมื่อถึงมือ ผู้บริโภคไม่คงที่ ประกอบกับกระแสความนิยมบริโภคเนื้อปลาคุณภาพ เพื่อรักษาสุขภาพมีมากขึ้น เครือเจริญโภคภัณฑ์ จึงได้ทุ่มเทงบประมาณและเวลาด้านการศึกษาพัฒนาสายพันธุ์ปลาเนื้อ จนได้สายพันธุ์ปลาเนื้อเศรษฐกิจตัวใหม่ ในชื่อพระราชทานว่า " ปลาทับทิม "โดยใช้เทคโนโลย ในการเลี้ยงในน้ำทะเล ใช้อาหารสำเร็จรูปคุณภาพสูง มีการควบคุมคุณภาพน้ำให้เหมาะสมตลอด การเลี้ยง เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ ปลาทับทิม มีคุณสมบัติพิเศษที่จะเป็นปลาเนื้อ เศรษฐกิจคือ หัวเล็ก สันหนา มีปริมาณเนื้อมากถึง 40 % ของน้ำหนัก เติบโตเร็วเนื้อขาวแน่นละเอียด รสชาติดีมากและมีโภชนาการสูง>

คลิกเพื่อเพิ่มข้อความ

ปลาทับทิมดีอย่างไร ? " สด " จับจากฟาร์มสู่ตลาดทุกวัน " สะอาด " จากการเลี้ยงที่ถูกสุขลักษณะ " รสชาติดี " เนื้อแน่น หวานหอม อร่อย " มีโภชนาการสูง " อุดมด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว เนื่องจากในปัจจุบัน การบริโภคอาหารที่มีคุณภาพต่ำมากเกินไป เช่น ไขมันอิ่มตัวจากสัตว์บก อาจก่อให้เกิดการสะสมของไขมัน ซึ่งเป็นสาเหตุให้หลอดเลือดหัวใจตีบตัน โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดและเป็นอันตรายถึงชีวิตเนื้อสัตว์น้ำโดยเฉพาะเนื้อปลา เป็นเนื้อสัตว์ที่มี กรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ทำให้ไม่เกิดการสะสมในผนังหลอดเลือด ลดความเสี่ยงจากโรคเกี่ยวกับ หัวใจ โรคความดันโลหิตนอกจากนี้ ปลาทับทิม ที่เลี้ยงด้วยอาหารเม็ดสำเร็จรูป คุณภาพสูงจะมี ปริมาณกรดไขมันไม่อิ่มตัว ชนิดโอเมก้า-3 สูงกว่าปลาน้ำจืด ปลาน้ำกร่อย ตามธรรมชาติทั่วไป ถึง 4 เท่าอีกด้วย > โอเมก้า-3 คือ กรดไขมันที่จำเป็นประเภทไม่อิ่มตัว ซึ่งมีผลดีมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย สรรพคุณของน้ำมันปลา (จากส่วนหัวและเนื้อปลา , ไม่ใช่น้ำมันตับปลา) คือ

1. ช่วยลดโคเลสเตอรอลในเส้นเลือด ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดอุดตัน

2. ช่วยบำรุงสมองเสริมสร้างความจำ

3. ช่วยบรรเทาอาการปวดบวมของโรคข้ออักเสบ

4. ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน ดังนั้นการบริโภคปลาหรือน้ำมันปลาเป็นประจำ จึงมีผลดีต่อสุขภาพอย่างยิ่ง


คลิกเพื่อเพิ่มข้อความ

ที่มา : http://www.pramong2000.com/pahsah1.htm
[ถัดไป>>] 

โดย : นาย อภิชาต สุขเศรษฐ์, โรงเรียนราชสีมายาลัย, วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2547