ผลการสำรวจชี้ผู้บริโภคไม่ได้ใช้ Wi-Fi เพื่อธุรกิจเท่านั้น
บริษัท Wi-Fi Alliance ได้ทำการสำรวจชาวอเมริกันในพื้นที่แถบ Austin มลรัฐTexas ประมาณ 1,000 คนจากหลายๆ ชนชั้นผ่านทางเว็บไซต์ survey.com ผลการสำรวจ พบว่า ร้อยละ 65 ของผู้ใช้บริการเทคโนโลยี Wi-Fi* แสดงให้เห็นว่า พวกเขาไม่ได้ใช้ Wi-Fi เพียงเพื่อช่วยในการติดต่อทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังใช้ Wi-Fi สำหรับติดต่อกับเพื่อนและครอบครัวด้วยวิธีการต่างๆ เช่น Instant messaging และการใช้อีเมล์ (e-mail) อีกด้วย
Frank Hanzlik ผู้อำนวยการฝ่ายการจัดการของ Wi-Fi Alliance กล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้รับพบว่า Wi-Fi สามารถเปลี่ยนวิธีการทำงานและการดำรงชีวิตของกลุ่มผู้ตอบแบบ สอบถาม พวกเขาเห็นว่าเครือข่ายไร้สายสามารถช่วยให้ชีวิตประจำวันของพวกเขาดีขึ้น อีกทั้งในขณะที่ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่รองรับการใช้งาน Wi-Fi มีมากกว่าล้านชนิด และมีการใช้อย่างแพร่หลายทั้งในบ้าน แหล่งธุรกิจ และ จุดให้บริการ (hotspots) ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่การขยายตัวของ Wi-Fi กลายเป็นปรากฎการณ์ทางวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกล่าวคือ ในเวลาเพียง 6 ปีเท่านั้น "Wi-Fi" ได้ถูกเพิ่มเป็นคำศัพท์ใน Merrian Webster New Dictionary ไปเรียบร้อยแล้ว
ผลการสำรวจพบว่า ร้อยละ 68 ของผู้ตอบแบบ สอบถาม เห็นว่า เทคโนโลยี Wi-Fi ช่วยให้พวกเขามีความคุ้มค่าในการใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น สิ่งที่พวกเขาชอบทำก็คือ การซื้อของออนไลน์ และการทำธุรกรรมทางธนาคาร ในขณะที่ร้อยละ 61 ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่า เทคโนโลยี Wi-Fi ช่วยให้พวกเขาสามารถทำหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกันตามที่พวกเขาต้องการ และร้อยละ70 ของผู้ตอบแบบสอบถาม ให้เหตุผลว่า พวกเขาสามารถใช้ Wi-Fiกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค เมื่อเดินทางในช่วงวันหยุดพักผ่อน
ผลของการสำรวจยังพบอีกว่า ผู้ที่ต้องเดินทางมักใช้ Wi-Fi ช่วยในการหาที่ตั้งร้านอาหาร รวบรวมข้อมูล เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในท้องถิ่นนั้นๆ และค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหรือสถานที่น่าสนใจ นอกจากนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการส่ง อีเมล์ และภาพถ่ายดิจิทัลได้ทันที
นอกจากนี้ผลจากการสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า ร้อยละ 68 ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า Wi-Fi มีส่วนช่วยทำให้ชีวิตของพวกเขาง่ายขึ้น สะดวกขึ้น เช่น การจ่ายบิล การซื้อสินค้าออนไลน์และการวางแผนเดินทาง และร้อยละ 74 ของ ผู้ตอบแบบสอบถามที่ใช้ Wi-Fi เชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้ทุกที่ไม่เฉพาะแต่ที่บ้านเท่านั้น ผลสำรวจยังพบอีกว่า การเข้ามาใหม่ของเทคโนโลยีจะเป็น ไปอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มเติบโตขึ้น
Mr. Hanzlik กล่าวว่า ได้มีการใช้ Wi-Fi กันอย่างแพร่หลายในช่วง 2-3 ปีนี้ และขณะนี้มีจุดปล่อยสัญญาณ Wi-Fi มากกว่า 100,000 จุด และครอบคลุมบ้านกว่า 1ล้านหลังทั่วโลก ซึ่งไม่น่าแปลกใจที่เห็นผู้คนนิยมที่จะเชื่อมต่อ Wi-Fi ในระหว่างการเดินทางทั้งเพื่อการทำงานและเพื่อความบันเทิง
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญได้ให้ความเห็นว่า Wi-Fi เป็นที่นิยมมากในการช่วยเพิ่มความบันเทิงให้กับนักท่องเที่ยว เพราะมันตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและง่ายกล่าวคือ สามารถแจ้งเปลี่ยนเที่ยวบิน การจองโรงแรม และจองรถเช่า หรือแม้ กระทั่งเมื่อต้องเปลี่ยนแปลงการเดินทางอย่างกระทันหัน ซึ่งบางครั้งต้องทำขณะอยู่บนเครื่องบิน ซึ่งอยู่สูงจากพื้นดินถึง 30,000 ฟุต
สำหรับความคืบหน้าของการใช้งานWi-Fi บนเครื่องบิน พบว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Federal Communications Commission (FCC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลด้าน การสื่อสารของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงการจัดสรรคลื่นความถี่ ได้เตรียมประกาศการเปิดใช้งานสเปกตรัมในการให้บริการบรอดแบนด์ Wi-Fi สำหรับผู้โดยสารบนเครื่องบิน ในขณะ ที่ เครื่องบินอยู่สูงกว่าพื้นดินกว่า 1,000 ฟุต (ในขณะนี้มีเพียงบางสายการบินเท่านั้นที่ให้บริการ Wi-Fi ในขณะเครื่องกำลังบิน)
Mr. Hanzlik กล่าวอีกว่า เทคโนโลยี Wi-Fi ได้ถูกพัฒนาให้ง่ายต่อการใช้งาน ซึ่งเป็นทางเลือกที่เพิ่มความมีอิสระในการใช้ชีวิต นอกจากนี้ Wi-Fi ยังถูกพัฒนาร่วมกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งคาดว่าอีกไม่นาน Wi-Fi จะปรากฎอยู่ทุกๆ ที่ เช่น Vonage ผู้ให้บริการโทรศัพท์บรอดแบนด์ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ประกาศว่าจะทำการรวม VoIP และWi-Fi ไว้ในโทรศัพท์ โดยบริษัทได้เตรียมที่จะร่วมกับบริษัท UTStarcom พัฒนาโทรศัพท์เคลื่อนที่ F1000 ซึ่งรวมบริการของ Vonage's VoIP ไว้ในโทรศัพท์เคลื่อนที่ดังกล่าวด้วย
* เทคโนโลยี Wi-Fi คือเทคโนโลยี Wireless Lan หรือระบบ Network แบบไร้สาย ภายใต้เทคโนโลยีการสื่อสารและมาตราฐาน IEEE 802.11
ที่มา: 3061: https://www.ecommercetimes.com/story/47825.html (วันที่สืบค้น 3 กุมภาพันธ์ 2549)
โรงแรมลอยฟ้า
Queen Marry2 เป็นอากาศยานสำหรับการท่องเที่ยวซึ่งแตกต่างไปจากการเดินทางโดยเครื่องบิน หรือการท่องเที่ยวด้วยบอลลูน เมื่อเสร็จสมบูรณ์ Queen Mary2 จะพาผู้โดยสารข้ามทวีปหรือมหาสมุทร ในขณะที่ผู้โดยสารกำลังเดินพักผ่อนรอบๆ พื้นที่โดยสารที่กว้างขวาง หรือพักอิริยาบทภายในห้องโถงซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา
ภาพแสดงรูปโฉมของ Queen Mary 2
ที่มา: https://edition.cnn.com/2006/TECH/02/16/aeroscraft/index.html
Queen Mary2 เป็นอากาศยานที่มีน้ำหนักมากกว่าอากาศ เพราะก๊าซฮีเลี่ยมจำนวน 14 ล้านลูกบาศก์ฟุต สามารถยกได้เพียง 2 ใน 3 ของน้ำหนักยานพาหนะ ตัวยานมีความทนทานและเคลื่อนที่ในอากาศได้ด้วยแรงขับเคลื่อนจากใบพัดขนาดใหญ่ที่อยู่ส่วนท้ายของเครื่อง โดยใบพัดถูกสร้างให้มีขนาดใหญ่พอที่จะยกสัตว์หรือสิ่งที่มีขนาดใหญ่ได้ อากาศยาน Queen N\Mary2 นี้สามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้ 400 ตัน (ขณะบินอยู่บนฟ้า) โดยมีเครื่องยนต์ไอพ่นที่มีใบพัดลมขนาดใหญ่ 6 ตัว ไว้เพื่อนำ Queen Mary2 ขึ้นสู่ท้องฟ้า นอกจากนี้อากาศยานนี้ยังถูกออกแบบ ให้สามารถลดระดับเพื่อลงจอดได้ง่ายขึ้น โดย ขึ้นและลงในแนวตั้งฉากจากพื้นโลกซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับเฮลิคอปเตอร์
Queen Mary2 เกิดจากแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์ ชื่อ Igor Pasternak ที่ต้องการประดิษฐ์อากาศยานที่มีความยาวสองสนามฟุตบอล ปัจจุบันการค้นคว้าวิจัยเรื่อง Queen Mary2 นี้ยังอยู่ในช่วงของการพัฒนาต้นแบบ โดยคาดหวังว่าอากาศยานต้นแบบจะแล้วเสร็จในปี 2010 (พ.ศ. 2553) Mr. Pasternak กล่าวว่าบริษัทเรือท่องเที่ยวหลายบริษัทได้แสดงความสนใจต่อโครงการนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจาก Queen Mary2 สามารถเดินทางได้เป็นระยะทางหลายพันไมล์ โดยสามารถเดินทางข้ามดินแดนสหรัฐอเมริกาได้ในเวลา 18 ชั่วโมง ด้วยความเร็วสูงสุดประมาณ 174 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระหว่างการเดินทางผู้โดยสารสามารถมองดูสถานที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้อย่างใกล้ชิด เนื่องจาก Queen Mary2 บินด้วยความสูงเพียง 8,000 ฟุตจากพื้นดิน จึงไม่ต้องปรับความดันอากาศในห้องโดยสาร หากผู้โดยสารไม่สนใจชมทัศนียภาพจากหน้าต่าง พวกเขาสามารถพักผ่อนภายในห้องโถงที่ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา พร้อมด้วยภัตตาคาร และคาสิโน
ผู้ออกแบบกล่าว่า อากาศยานนี้จะไม่มีเสียงดังรบกวนผู้โดยสารเนื่องจากพัดขนาดใหญ่ที่ถูกติดไว้ท้ายเครื่องเป็นระบบไฟฟ้าจึงไม่ทำให้เกิดเสียงดังรบกวน เชื้อเพลิงที่ใช้เป็นชนิดที่สามารถผลิตทดแทนได้ เช่น ก๊าซไฮโดรเจน นอกจากนี้ยังมีระบบจัดการทุ่นลอยเพื่อปรับสมดุลของอากาศยานแบบเดียวกับที่มีในเครื่องบิน ซึ่งตามหลักกลศาสตร์จะต้องปรับให้เกิดสมดุลในการบิน เพื่อทำให้เกิดความสมดุลกับเงื่อนไขภายนอกและการเคลื่อนไหวของผู้โดยสาร ระบบอัตโนมัติจะดูดอากาศจากภายนอกเข้าไปในส่วนต่างๆ ของเครื่องโดยตลอด และบีบอัดเพื่อไปจัดการปรับสมดุลของน้ำหนักอากาศยานระหว่างบิน
ภาพแสดงผู้โดยสารกำลังชมทิวทัศน์ในขณะที่ Queen Mary 2 กำลังบินอยู่เหนือมหาสมุทร
ที่มา: https://www.popsci.com/popsci/ whatsnew/18ac893302839010vgnvcm1000004eecbccdrcrd.html
ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทฯ ยังตั้งเป้าหมายว่า Queen Mary2 จะสามารถจัดส่งสินค้าคงคลังจากศูนย์กระจายสินค้าตรงไปยังลานจอดรถของวอลมาร์ทได้ เนื่องจากอากาศยานนี้สามารถจอดนิ่งอยู่กลางอากาศ และสามารถขึ้น-ลงจากพื้นดินในแนวดิ่งได้ จึงไม่ต้องการพื้นที่ในการนำเครื่องขึ้น-ลงมากนัก Mr. Pasternak กล่าวว่า "คุณสามารถลงจอดได้ทั้งบนบก บนหิมะ และบนน้ำ จึงอาจกล่าวได้ว่า Queen Mary2 เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของการเดินทางโดยอากาศยาน"
ภาพอาศยานใหม่เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งสามารถขึ้น-ลงแบบเดียวกับเฮลิคอปเตอร์
ที่มา: https://www.popsci.com/popsci/ whatsnew/18ac893302839010vgnvcm1000004eecbccdrcrd.html
คุณสมบัติของ Queen Mary 2 จุดประสงค์: ผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวระยะไกล
ขนาด: กว้าง 244 ยาว 647 และสูง 165 เมตร
ความเร็วสูงสุด: 174 เมตรต่อชั่วโมง
ระยะทางที่บินได้: 9,6000 กม.
ความจุ: สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 250 คน
ที่มา: https://www.popsci.com/popsci/whatsnew/18ac893302839010vgnvcm10! 00004eecbccdrcrd.html
https://www.scenta.co.uk/travel/news.cfm?cit_id=597250&FAArea1=customWidgets.content_view_ 1&us ecache=false (วันที่สืบค้น 21 กุมภาพันธ์ 2549)
Time Machine: เครื่องบอกเวลา
ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ปีคริสต์ศักราชใหม่เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมเวลาของทางราชการ จะทำการเพิ่มสิ่งที่เรียกว่า "วินาทีกระโดด" (leap second) เข้าไปเพื่อให้นาฬิกาบอกเวลาได้ตรงกับความเป็นจริงตามวัฏจักรของดวงอาทิตย์ ซึ่งการทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ นี้นับได้ว่าเป็นการโกงเวลาอย่างหนึ่ง ดังนั้นในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งได้พยายามที่จะสร้างนาฬิกาที่สามารถคำนวณเวลาได้อย่างเที่ยงตรงและสมบูรณ์แบบสำหรับบอกเวลา โดยให้สามารถทำงานได้เที่ยงตรงไปเป็นเวลานับหมื่นปีข้างหน้า
การจะกำหนดเวลาให้เที่ยงตรงแน่นอนนั้นเป็นเรื่องที่ยาก เนื่องจากความเร็วในการเดินทางของแสงและแรงโน้มถ่วงของโลกที่ส่งผลให้มันช้าลง การเคลื่อนตัวของแกนโลกทำก็มีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งวงโคจรของดาวเคราะห์ที่อยู่นอกโลกก็ส่งผลต่อเวลา เช่นกัน ดังนั้นการประดิษฐ์จะต้องให้ความสำคัญกับการสร้างเครื่องมือที่มีความเที่ยงตรงในการกำหนดเวลา โดยเริ่มตั้งแต่ในอดีตที่ชาวอียิปต์ได้สร้างนาฬิกาแดดเครื่องแรกของโลกขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ.1500 และในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ก็กลับมาศึกษาเครื่องมือ ดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง โดยพยายามที่จะสร้างนาฬิกาต้นแบบที่มีกลไกการทำงานแตกต่างไปจากนาฬิกาแบบต่างๆ ที่เคยสร้างมาก่อนในอดีต และสามารถที่จะทำงานได้เที่ยงตรงและสมบูรณ์ไปเป็นระยะเวลาถึงหนึ่งหมื่นปี
นายอเล็กซานเดอร์ โรส ผู้อำนวยการมูลนิธิลองนาว (Long Now Foundation) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร และเป็นหนึ่งในทีมผู้ออกแบบนาฬิกากล่าวว่า ได้ร่วมกับทีมของเขาสร้างนาฬิกาในรูปแบบใหม่ขึ้นและตั้งชื่อว่า "นาฬิกาของลองนาว" (Clock of the Long Now) ซึ่งอาจนับได้ว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่งมากกว่าจะเป็นความก้าวหน้าในการกำหนดเวลา แต่ก็เป็นสิ่งที่ต้องใช้ความสามารถอย่างมากในการสร้างกลไกในตัวของมัน
ในขณะที่นาฬิกาเกือบทั้งหมดทำงานในระบบเฟืองแบบอะนาล็อก นายแดนนี ฮิลล์ นักวิทยาศาสตร์ผู้พัฒนานาฬิกาลองนาวได้ประดิษฐ์และจดสิทธิบัตรการทำงานของนาฬิกาเป็นแบบวงจรที่ใช้การเพิ่มชุดของตัวเลข (serial-bit) หรือนาฬิกาที่ทำงานโดยใช้เลขฐานสองเหมือน ในคอมพิวเตอร์ได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งเป็นการใช้ระบบดิจิทัลร่วมกับการคำนวณทางกลศาสตร์มาช่วย (ซึ่งในนาฬิกาแบบดิจิทัลจะไม่มีการคำนวณนี้) ดังนั้นไม่ว่าเวลาจะเดินไปนานเท่าไหร่ก็ไม่เกิดการคลาดเคลื่อนเหมือนในเฟืองของระบบอะนาล็อก
ภาพแสดงนาฬิกาของลองนาว
ที่มา: sciencentral.com
การทำงานของนาฬิกาที่ใช้ระบบเลขฐานสองนี้ จะมีคันโยกโลหะทำหน้าที่ชี้ตำแหน่งของเลข 0 และ 1 เหมือนกับในเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเข็มที่ติดอยู่ที่คันโยกจะทำหน้าที่เทียบได้กับในระบบจันทรคติ ซึ่งมีข้างขึ้นข้างแรมเหมือนกับเลข 0 และ 1 ตัวเลื่อนจะทำหน้าที่ขยับให้เข็มและคันโยกเดินถอยหลังและเดินหน้า ขยับวงล้อเล็กๆ ให้เลขที่แสดงนั้นเปลี่ยนไป ขณะที่นาฬิกาเดินไปอยู่นั้น "สมการการเบี่ยงเบนของเวลา"(equation of time cam) จะช่วยปรับให้นาฬิกาเดินสอดคล้องกับการหมุนของโลก รวมทั้งการเอียงและโยกของแกนโลกด้วย ทั้งนี้ นาฬิกาของลองนาวนี้จะทำงานในเวลากลางวัน โดยเมื่อถึงเวลา12.00 น. ของแต่ละวัน มันจะทำการรีเซ็ทตัวเองกับ ดวงอาทิตย์ ดังนั้นเวลาจะดำเนินไปตามจังหวะของธรรมชาติ โดยนาฬิกาที่สร้างเสร็จแล้วนี้มีขนาดสูง 60 ฟุต และจะนำไปติดตั้งไว้ในถ้ำซึ่งติดกับสวนสาธารณะ Great Basin ในภาคตะวันออกของรัฐเนวาด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้ เวลาขับรถประมาณ 5 ชั่วโมงจากตัวเมือง ประชาชนสามารถ ไปเที่ยวชมและศึกษาการทำงานของมันได้
ที่มา: https://www.sciencentral.com/articles/view.php3?article_id=218392714&cat=3_all (วันที่สืบค้น 26 กุมภาพันธ์ 2549)
สงวนลิขสิทธิ์
โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ พรบ.ลิขสิทธิ์
พ.ศ.2537
112 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง
จังหวัดปทุมธานี 12120
โทร.02-564-6900 ต่อ 2346 - 2355