ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ ต้านกระแส "กูเกิลครองเมือง"
"
หยาดพิรุณ นุตสถาปนา
จากสถิติค้นหาข้อมูลจากหน้าเวบกว่า
4 พันล้านหน้า ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที "กูเกิล"
จึงได้ชื่อว่าเป็นเครื่องมือสืบค้นข้อมูลอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่ครองใจชาวไซเบอร์ทั่วโลก
กระแสความนิยมกูเกิลนี้ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ขึ้นมาในหมู่นักเรียน นักศึกษา ชนิดที่เรียกว่า
"คิดไม่ออก บอกกูเกิล" ปรากฏการณ์ได้สร้างความอึดอัดใจให้กับบรรณารักษ์ห้องสมุดไม่ใช่น้อย
ถึงขนาดประกาศกลางเวทีการสัมมนาห้องสมุด ว่า "กูเกิล"
เป็นความท้าทายบทใหม่ที่ห้องสมุดในศตวรรษที่ 21 ต้อง "เผชิญ"
ปัจจุบันกูเกิลมีดัชนีหน้าเวบอยู่ในกำมือราว
4.28 พันล้านหน้า คลังรูปภาพอีกกว่า 880 ล้านภาพ
ชอนไชค้นหาข้อมูลในรูปเอกสารดิจิทัลได้หลากสกุล และมีแฟนๆ มาใช้บริการมากถึง 200 ล้านครั้งต่อวัน แซงหน้าคู่แข่ง อย่าง ยาฮู และเอ็มเอสเอ็น ชนิดไม่เห็นฝุ่น
แถมทำท่าจะเป็นภัย "คุกคาม" ห้องสมุดอีกต่างหาก
"น่ากังวลว่าต่อไปอาจไม่มีใครใช้สารสนเทศจากห้องสมุดอีก"
ประดิษฐา ศิริพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการสารสนเทศทางเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
(สวทช.) หนึ่งในสาวกกูเกิลให้ความเห็น
"จากการสอบถามวิทยากรที่บรรยายในการสัมมนาครั้งนี้ว่ายังใช้ข้อมูลจากห้องสมุดกันบ้างหรือเปล่า
หลายคนตอบว่าเลิกเข้าห้องสมุดมานานแล้ว เพราะใช้กูเกิลก็มีทุกอย่างที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากทั่วโลกและทันสมัยกว่าหนังสือของห้องสมุดเยอะ"
แม้แต่ อุไรวรรณ วิพุทธิกุล
รองผู้อำนวยการสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยมหิดล ยังยอมรับบอกว่า "กูเกิล" เป็นผู้ช่วยสำคัญเมื่อต้องค้นหาข้อมูลขณะอยู่บ้าน
"ไม่ต้องเสียเวลาเข้าห้องสมุด เราก็ได้ข้อมูลที่ต้องการ"
หรือกูเกิลจะกลายเป็นมหาอำนาจด้านการสืบค้นข้อมูลไปเสียแล้ว แม้แต่คนในแวดวงบรรณารักษ์ยังยอม
"ซูฮก" แถมมีสโลแกนพ่วงท้ายให้ด้วยว่า
"คิดไม่ออกบอกกูเกิล..!!"
รศ.ดร.วันชัย ริ้วไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา
(ยูนิเน็ต) สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา
(สกอ.) อธิบายถึงสาเหตุที่เครื่องมือสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
อย่าง กูเกิล ได้รับการต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เป็นเพราะค้นหาหัวข้อได้ "ตรงใจ" ผู้ใช้ "เวลาสืบค้นข้อมูลในห้องสมุดแต่ละที
ต้องใช้ชื่อหนังสือ หรือผู้แต่งเป็นหลัก แต่เสิร์ชเอ็นจิ้นสามารถค้นหาประเด็นที่ต้องการได้ทันที
เช่น ป้อนคำว่า 'ไข้หวัดนก' ก็จะรู้ได้เลยว่าคำๆ
นี้ปรากฏอยู่ในวารสารที่ไหนบ้าง ทำให้เราค้นหาองค์ความรู้ต่างๆ ได้เร็วขึ้น
แต่หากจะนำเสิร์ชเอ็นจิ้นมาประยุกต์ใช้ในห้องสมุดอาจยังไม่ดีพอ เพราะเอกสารทั้งหมดไม่ได้อยู่ในรูปอิเล็กทรอนิกส์
ที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเป็นการเอาหนังสือมาสแกน ก็จะเป็นแค่รูปหน้าหนังสือที่ไม่สามารถค้นหาคำได้"
แต่ใช่ว่าเสิร์ชเอ็นจิ้นจะเป็นพระเจ้า
เพราะยังมีบางจุดที่ผู้ใช้แอบมาบ่นให้บรรณารักษ์ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง "ถามว่าข้อมูลบนเสิร์ชเอ็นจิ้นเชื่อถือได้แค่ไหน ตอบยากนะ เพราะบางคนอาจไม่สนใจแค่ขอให้ได้ในสิ่งที่ต้องการเป็นพอ
แต่ในแง่ของห้องสมุด การจะจัดหาอะไรเข้ามาสักชิ้น
จะต้องผ่านการวิเคราะห์ว่ามันมีคุณค่าไหม ไม่ใช่เลือกสุ่มๆ
ของที่มีในห้องสมุดต้องผ่านการคัดสรรก่อนจะให้บริการ" อุไรวรรณเผย ขณะที่ประดิษฐาเล่าให้ฟังว่าห้องสมุดมหาวิทยาลัยบีลเฟลด์
ในเยอรมนี ก็เป็นอีกแห่งที่โดนกูเกิลลอบโจมตี ทีมงานจึงแก้เกมด้วยการพัฒนา "เสิร์ชเอ็นจิ้น" เวอร์ชั่นเฉพาะตัวเพื่อต่อกรกับกูเกิลโดยตรง
"คลังข้อมูลทางวิชาการคือจุดเด่นที่ห้องสมุดมี ขณะที่กูเกิลกำลังเจอปัญหาข้อมูลล้นตัว
บางทีเรื่องเดียวกันก็แสดงผลออกมาเป็นสิบๆ ลิงค์ น่ารำคาญเหมือนกัน
หรือบางทีข้อมูลที่เคยค้นๆ เจอก็หายไป กลับมาค้นครั้งหลังก็ไม่เจอแล้ว"
อุไรวรรณ บอกว่าตอนนี้พฤติกรรมของผู้ใช้เปลี่ยนไปแล้ว ถ้ามัวชักช้าก็จะไม่มีใครมาใช้บริการห้องสมุด
ทุกสิ่งที่ลงทุนไปก็ย่อมจะ "สูญเปล่า"
"มันเป็นความท้าทายเหมือนกันนะที่เราต้องทำอะไรใหม่ๆ
ให้ทันเวลา แม้ตอนนี้จะเริ่มทำกันบ้างแล้ว
แต่ยังไม่พอต้องตื่นตัวและทำให้เร็วขึ้นกว่านี้ มัวแต่นั่งรอไม่ได้แล้ว
ต้องพยายามทำให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลให้ง่ายที่สุด ไม่เช่นนั้นห้องสมุดมีสิทธิถูกลืมได้เหมือนกัน"
ห้องสมุด "เปลี่ยนไป"
วิกฤติที่เกิดขึ้นทำให้ห้องสมุดของสถาบันอุดมศึกษาจึงเริ่มปรับตัวและมีท่าที "เปลี่ยนไป" จากห้องสมุดเก๋ากึ๊กที่มีเพียงตู้วางหนังสือ
ตู้บัตรรายการ โต๊ะ-เก้าอี้ขนาดเขื่อง
พร้อมด้วยบรรณารักษ์ที่แสนจะใจดีเหมือนเสือ (ยิ้มยาก)
กลายมาเป็นห้องสมุดสุดทันสมัย พร้อมอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศหลากชนิด
ไม่ว่าจะเป็น "ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ" ที่นำเอาคอมพิวเตอร์มาช่วยในการวิเคราะห์เลขหมู่หนังสือ บริการสืบค้น (WebOPAC)
และบริการยืม-คืนหนังสือด้วยตัวเอง
หรือจะเป็นบริการสืบค้นฐานข้อมูลออนไลน์ เช่น อีบุ๊ค อี-เจอร์นัล
(วารสารอิเล็กทรอนิกส์) ของห้องสมุดเองและศูนย์ข้อมูลต่างๆ
ทั้งในและต่างประเทศ ยังไม่นับรวมระบบบริการยืม-คืนระหว่างห้องสมุดโดยใช้อีเมลติดต่อระหว่างกันของบรรณารักษ์
และนำส่งหนังสือผ่านทางไปรษณีย์
หรืออาจใช้วิธีสแกนเอกสารและส่งไฟล์แนบมาพร้อมอีเมล รวมถึงการใช้เทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี
และระบบประตูอัตโนมัติตรวจสอบการเข้าออกห้องสมุด เป็นต้น
ล่าสุดประกาศวาง "เดิมพัน" ครั้งสำคัญ ขอเป็น "ห้องสมุดมีชีวิต" หรือ "ห้องสมุดเสมือน" (virtual library) ที่พร้อมให้บริการผู้ใช้ทุกที่ทุกเวลา
"สิ่งที่จะทำให้เกิดห้องสมุดเสมือนได้อย่างเต็มรูปแบบ หนีไม่พ้นการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วย
ทั้งกริดคอมพิวติ้ง เครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และเทคโนโลยีไร้สาย รวมถึงการให้บริการผ่านหน้าเวบในหลากรูปแบบ
นั่นทำให้ห้องสมุดอยู่ได้ทุกแห่งหน เป็นห้องสมุดเสมือนที่ผู้ใช้สามารถเข้าใช้บริการได้ทุกเมื่อที่ต้องการ"
ประดิษฐา กล่าว
และอินเทอร์เน็ตไร้สาย
หรือไวไฟ กลายเป็น "หมัดเด็ด" ที่สถาบันอุดมศึกษาหลายแห่งเริ่มนำมาใช้
ต่อยอดบริการเรียกดูข้อมูลห้องสมุดโดยตรงจากที่บ้าน เท่ากับว่าเอกสารฉบับเต็มของวารสารวิชาการต่างประเทศในทุกสาขา
บริการวิทยานิพนธ์เรื่องเต็ม และรายงานวิจัย สามารถแสดงผลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เพียงปลายนิ้วคลิก
แต่ด้วยข้อจำกัดที่เปิดบริการเฉพาะสมาชิก
ห้องสมุดที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน จึงอาจไม่นับว่าเป็น "ห้องสมุดเสมือน"
แม้แต่รองผู้อำนวยการสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยมหิดลเองก็ยังไม่แน่ใจว่ารูปแบบของห้องสมุดที่เป็นอยู่
ใช่ห้องสมุดเสมือนจริงๆ หรือไม่..? "ทุกอย่างในห้องสมุดเสมือนจะต้องอยู่ในรูปของอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด
สามารถเข้าถึงผ่านทางออนไลน์โดยไม่ต้องมาถึงห้องสมุด แต่ในความเป็นจริงเรายังมีเอกสารที่เป็นกระดาษอยู่อีกเยอะ
แม้แต่ในต่างประเทศเองก็ยังไม่รู้ว่าในอีกห้าปีข้างหน้าจะเป็นเวอร์ชวลไลบรารีได้หรือเปล่า"
อุไรวรรณ กล่าว แต่ยืนยันว่าทุกคนกำลังมุ่งไปในทิศทางนั้น
ก้าวสู่คลังข้อมูลดิจิทัลแห่งชาติ
จะเป็นไปได้หรือไม่...คงต้องวัดผลสำเร็จของ "โครงการพัฒนาเครือข่ายระบบห้องสมุดในประเทศไทย"
(Thai Library Integrated System : ThaiLIS) หนึ่งแนวคิดที่สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา
(สกอ.) ขอแจ้ง "เกิด"
รศ.ดร.วันชัย ผู้รับผิดชอบโครงการโดยตรง บอกว่า 'ไทยลิส' เป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายห้องสมุดมหาวิทยาลัยส่วนกลาง
(Thai Library Network - Metropolitan : Thailinet) เครือข่ายห้องสมุดมหาวิทยาลัยส่วนภูมิภาค
(Provincial University Library Network : Pulinet) และสำนักงานปลัดทบวงมหาวิทยาลัยเข้าด้วยกันบนครือข่ายยูนิเน็ต
และมีแผนขยายไปยังเครือข่ายห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษาต่างสังกัด และห้องสมุดประเภทอื่นๆ
ด้วยในอนาคต ภายใต้คอนเซปต์ 'ค้นครั้งเดียวได้ทุกแหล่ง'
"ปัจจุบันเชื่อมโยงเครือข่ายเพียง
24 แห่ง โดยเน้นไปที่สถาบันอุดมศึกษาของรัฐก่อน
การรวมตัวในลักษณะนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2540 เพื่อประโยชน์ในการใช้ทรัพยากรห้องสมุดร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่ง สกอ.จะเป็นผู้จัดซื้อฐานข้อมูลจากต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ต้องใช้ร่วมกัน
เพื่อลดต้นทุนไม่ต้องต่างคนต่างซื้อ" "อาวุธลับ"
ของโครงการประกอบด้วย "โครงการสหบรรณานุกรม"
(Union Catalog) ที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบรรณานุกรมทรัพยากรสารนิเทศทุกประเภทที่จัดเก็บไว้ในห้องสมุดสมาชิกทุกแห่งในรูปของห้องสมุดอัตโนมัติ
"โครงการสร้างฐานข้อมูลเพื่อการจัดเก็บเอกสารฉบับเต็มในรูปอิเล็กทรอนิกส์"
(Digital Collection) มุ่งพัฒนาฐานข้อมูล จัดเก็บ
และแสดงเอกสารฉบับเต็มพร้อมภาพ โดยเฉพาะข้อมูล วิทยานิพนธ์
งานวิจัยของห้องสมุดในประเทศ ตลอดจนให้บริการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างห้องสมุดของทุกมหาวิทยาลัย/สถาบัน และท้ายสุด "โครงการฐานข้อมูลอ้างอิง"
ที่สมาชิกสามารถสืบค้นบรรณานุกรม (Bibliographic) สาระสังเขปบทความ (Abstract) หรือเอกสารฉบับเต็ม (Fulltext)
จากแหล่งข้อมูลต่างประเทศหลากหลายสาขาวิชา ได้แก่ ACM
Digital Library ฐานข้อมูลสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์
เทคโนโลยีสารสนเทศ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ในรูปรายการบรรณานุกรม สาระสังเขป
และเอกสารฉบับเต็มของวารสาร และรายงานการประชุมทางวิชาการ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1947 - ปัจจุบัน
ProQuest Digital Dissertations ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทและปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยทั่วโลก ครอบคลุมทุกสาขาวิชา
ให้รายการบรรณานุกรมตั้งแต่ปี ค.ศ.1861
ให้สาระสังเขปตั้งแต่ปี ค.ศ.1981
และให้ข้อมูล 24 หน้าแรกตั้งแต่ปี ค.ศ.1997
- ปัจจุบัน H.W.Wilson ฐานข้อมูลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ ศิลปศาสตร์ ชีววิทยาและเกษตรศาสตร์
บรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ ธุรกิจ กฎหมาย และวิทยาศาสตร์ทั่วไป IEEE Xplore ฐานข้อมูลวิศวกรรมไฟฟ้าที่ให้ข้อมูลฉบับเต็มมากกว่า
1,200 รายการ ให้ข้อมูลตั้งแต่ ค.ศ.1950
- ปัจจุบัน LexisNexis ฐานข้อมูลข่าวและหนังสือพิมพ์
นิตยสาร วิทยุ โทรทัศน์ ที่มีเนื้อหาครอบคลุมด้าน กฎหมาย ธุรกิจการเงิน ข้อมูลบริษัท
วิจัยการตลาด การแพทย์ และ ScienceDirect ฐานข้อมูลวารสารสาขาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
วิทยาศาสตร์สุขภาพ สังคมศาสตร์ และ มนุษยศาสตร์ มีข้อมูลตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995 - ปัจจุบัน ให้ข้อมูลบรรณานุกรม สืบค้นสาระสังเขปของบทความวารสารได้
5,500 ชื่อ และวารสารอิเล็กทรอนิกส์ฉบับเต็ม 1,500 ชื่อ
"แทนที่จะต้องเข้าไปค้นทีละห้องสมุด
โครงการนี้จะรวมศูนย์ข้อมูลของสถาบันอุดมศึกษาทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียว ค้นหาครั้งเดียวรู้เลยว่าอยู่ที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยไหนบ้าง
สามารถสั่งยืมได้ทันที ส่วนในเรื่องการพัฒนาไปสู่มาตรฐานของเสิร์ชเอ็นจิ้นนั้น
คงต้องใช้เวลาสักระยะ เพราะการจะใช้งานได้เต็มรูปแบบนั้น ต้องแปลงกระดาษที่มีอยู่ในห้องสมุดทั้งหมดให้เป็นอิเล็กทรอนิกส์เสียก่อน
" ผอ.ยูนิเน็ต กล่าว
และว่าโอกาสที่ประชาชนทั่วไป (ที่ไม่ใช่สมาชิก) จะเข้าถึงบริการในรูปแบบดังกล่าวมีความเป็นไปได้สูง เหมือนกับที่สนามกีฬาภายในมหาวิทยาลัยเปิดกว้างให้ประชาชนเข้าใช้ได้อย่างอิสระในขณะนี้
"ชุมชนต้องเข้ามามีส่วนร่วม เป็นการเปลี่ยนมุมมองห้องสมุดที่เปิดกว้างให้ประชาชนเข้าถึงได้
เชื่อว่าในที่สุดห้องสมุดมหาวิทยาลัยก็จะต้องกลายไปเป็นห้องสมุดของประชาชน ไม่ได้จำกัดเฉพาะบุคลากรของมหาวิทยาลัยอีกต่อไป
เพียงแต่ยังบอกเวลาที่แน่นอนไม่ได้"
แม้ว่าจะต้องร้องเพลงรอไปก่อน
แต่ใช่ว่าความหวังของ "ห้องสมุด" ที่จะเทียบชั้น
"กูเกิล" จะหมดไป เพราะไม่แน่
เราอาจได้เห็น "ห้องสมุด" ในมุมที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้
ที่มา
: กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวันที่ 11 พฤศจิกายน 2547
|