ชื่อผู้เขียน: แสงเพชร (203.113.33.---)
วันที่: 04-14-04 13:59
ชั่วระยะหลายวันมานี้ มีทั้งข่าวและบทความเกี่ยวกับการสอบ Entrance ในปีนี้ว่ามีข้อสอบรั่ว มีข่าวผู้ปกครองคนนั้น คนนี้โทรมาว่า มีสำนักติวที่นั่น ที่นี่รู้ข้อสอบ แล้ว รายละเอียดว่าเด็กคนนั้น เด็กคนนี้ได้คะแนนเพิ่มขึ้น
แต่ทั้งหมดไร้หลักฐาน เอาแต่ความรู้สึก หรือข่าวที่มไม่ยืนยัน หากจะรั่ว น่าจะรั่วตรงผลสอบ เพราะมีการนำคะแนนเด็กบางคนมาเขียนอย่างสนุกในหน้าหนังสือพิมพ์ ทำนองรู้ล่วงหน้า ว่าเพิ่มเท่านั้นคะแนน เท่านนี้คะแนน อาจรู้ก่อนเจ้าตัวจะรู้เสียอีก
ข้อสอบรั่วหรือไม่
ตรงนี้ คงต้องรอหลักฐาน หรือใครมีหลักฐานว่าข้อสอบ มันตรงกันกับที่มีการสอบก่อน นำมาแสดง หากต้องการความเป็นธรรมในสังคมจริงๆ จะได้สืบสวนหาสาเหตุว่ามันไปมาอย่างไร และจะได้ป้องกันได้ถูก ไม่ใช่มีแต่ข่าว ไร้หลักฐาน ไร้ตัวตนคนยืนยัน
หากรั่วมันจะรั่วอย่างไร
ในกระบวนการสอบ มีคนออกข้อสอบ อาจคนเดียว หรือหลายคน อกมาแบ่งเนื้อหา จำนวนข้อ ออกเสร็จ เอาไปให้คนเลือกว่าจะเอาข้อไหนไปออกบ้าง แล้วก็เอาไปพิมพ์ กระบวนการพิมพ์ การเตรียมต้นฉบับพิมพ์คอมพิวเตอร์ แม่แบบพิมพ์ ออกมาเป็นกระดาษ ตัดเป็นแผ่น เย็บชุด เข้าห่อ เก็บไว้ ใช้คนกี่คนในแต่ละขั้นตอน เศษขยะการพิมพ์ทำลายอย่างไร ก่อนที่จะไปถึงมือคนเก็บขยะ เอาไปชั่งขาย
แล้วขั้นตอนส่งจากที่พิมพ์ไปเก็บไว้ ก่อนที่จะถึงวันสอบ มันมีรายละเอียดอีกเยอะ พอถึงวันสอบ กรรมการควบคุมสอบ จนถึงเมือเด็กเข้าสอบ มีโอกาสจะทุจริต หรือว่าบกพร่องทำให้เกิดการรั่วได้ทั้งนั้น ทั้งเรื่องขั้นตอน และเรื่องคนหรือเจตนา ดังนั้นการคิดว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันคิดกันได้เป็นร้อย ดังนั้นการเสนอหลักฐานอย่างมีเหตุมีผล น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าการวิ่งเต้นเรียกร้อง อย่างนั้นอย่างนี้เอาความรู้สึก หรือเพราะได้ยินว่าอย่างนั้นอย่างนี้ มีคนโทรศัพท์มา(มักจะเป็นลักษณะการหาข่าวแบบไทยๆ)
วันก่อนผมได้อ่านบทความในหนังสือพิมพ์ คนเขียนเป็นนักวิชาการเกี่ยวกับการวัดผลของมหาวิทยาลัยแล้วยิ่งดูไร้สาระ กับตรรกะที่คิดออกมา แล้วเอาคะแนนเด็กบางคนมาประกอบ(ไม่ทราบว่ารู้ก่อนได้อย่างไร) จุดที่น่ากังขากับคะแนนคือ เอาคะแนนบางคนที่ว่าได้เพิ่ม มาเป็นสาระหลักในการขับเคลื่อนความคิด ของความเป็นนักวิชาการ แต่ไร้หลักวิชาการ
การสอบที่มีครั้งที่ 1 และ 2 ด้วยความคิดว่าจะให้มีการตื่นตัว และมีการปรับปรุงตนเองและสนใจการเรียนเสมอ จริงอยู่ คนที่สอบตอนแรกได้น้อย หากมีการปรับปรุงตนเอง ไปอ่านหนังสือ ไปติวเพิ่ม ขวนขวายหาความรู้ คะแนนได้เพิ่มมากขึ้น นี่สิเรื่องธรรมดา หรือบางคนได้มากแล้ว ไม่ขยันมากขึ้นสอบครั้งที่ 2 อาจได้น้อยกว่าเดิม ดังนั้นการสอบในคนจำนวนหลักหมื่นหลักแสน ย่อมมีทั้งคนได้คะแนนมากขึ้น และน้อยลง การเพ่งเล็งคะแนนเด็กบางคน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจงใจกันอย่างไร้สาระ
และที่หนักหนาสาหัสสำหรับนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยดังๆ (ส่วนหนึ่ง) บางคนที่บอกว่า ข้อสอบครั้ง 1 และ 2 คะแนนจะไม่แตกต่างกัน คงใช่สำหรับบางคน หากไม่มีความแตกต่างกัน หรือไม่ศรัทธาในการสอบ หลายครั้ง น่าจะขอให้ยกเลิกการสอบ ครั้งที่ 2 เพราะไม่มีประโยชน์ สอบไปแล้วก็ไม่มีผล ไม่แตกต่าง เอาแค่การสอบครั้งเดียวก็พอ เพราะการสอบนั้นมันเป็นเรื่องการเตรียมตัว การใช้จ่ายทั้งเงินและเวลา ทั้งคนสอบและญาติพี่น้องลองคิดดูค่ารถ ค่าเดินทาง ค่าอุปกรณ์ กระดาษข้อสอบ ตำหรับตำรา ของคนหลักหมื่นหลักแสนเป็นเงินเท่าไหร่ แต่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นบรรดานักวิชาการเหล่านี้ออกมาแสดงความเห็นคัดค้านด้วยเหตุและผลอื่นๆ ใด
เอาอย่างไร สอบใหม่ดีไหม
มีการเรียกร้อง บอกเครือข่ายผู้ปกครอง และเด็กนักเรียน รวมทั้งให้การลงชื่อผ่านเวบ และรายชื่ออาจารย์มหาวิทยาลัยบางส่วน(ราว 60-70 คนคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นไม่ทราบ) เรียกร้องและจะบืนฎีกา ให้มีการทำการสอบสวน(น่าจะดี) หรือเลยไปให้มีการสอบใหม่(ชักจะไม่เข้าท่า) แต่จะลงเอยอย่างไรก็ตาม การสอบใหม่น่าจะเป็นทางเลือกสุดท้าย
การสอบใหม่เหมือนที่กล่าวมา คนเป็นแสน ค่าใช้จ่ายเฉพาะเรื่องการสอบ การจ้างคนควบคุม จัดทำใครจะเป็นคนออก ในเมื่อแค่สงสัยไร้หลักฐานแล้วค่าใช้จ่ายแผง นับแต่ค่ารถ ค่ากินอยู่ตอนไปสอบทั้งคนสอบและญาติพี่น้องจะว่าอย่างไร ตะคิดง่ายๆ ว่าเด็กทุกคนอยู่ในกรุงเทพ สอบใหม่ แค่นั่งรถเมลย์ไปสอบ เสียเวลาอีกวันสองวัน แค่นี้ มันเป็นความคิดตื้นๆ คนต่างจังหวัดต่างเอาเภอสอบเสร็จ กลับบ้านไปแล้ว หรือไปถึงไหนใครจะเป็นคนตาม ตามไม่เจอจะยุติธรรมสำหรับเขาไหม เพราะชีวิตไม่ใช่มีแค่การสอบเข้ามหาวิทยลับส่วนเดียว ยังมีงานต้องทำ เด็กบางส่วนทำงานเก็บเงินไว้เป็นค่าเทอมแล้ว จะให้เขาลาออกเพื่อมาสอบเพราะนักวิชาการไม่กี่คนแค่สงสัย แค่นี้
หากมีการสงสัยสอบสวนเอาเฉพาะคนที่ทุจริตให้มีความผิดหรือปรับตก ส่วนคนเอาไปขาย ไปติวเอาเงินให้ติดคุก มีคดีอาญา ต้องอย่างนี้จะเป็นทางออก
บางคนเรื่อยเปลื่อยไปจะให้รัฐบาลรับผิดชอบ
หากทำตามความต้องการที่ไม่ค่อยมีขีดจำกัดของบรรดาท่านนักวิชาการที่นักข่าวไปสัมภาษณ์คงวุ่นวายกันไปหมด ไม่มีที่เรียน รัฐบาลก็ให้โอกาส ให้ทุนการศึกษา พยายามจัดเงินทุนแบบให้เปล่าก็เยอะ ให้ทุนแบบให้กู้ยิมจบแล้วได้งานทำก็มาก ส่วนที่เรียนมีเยอะ ประเทศไทยไม่ได้มีที่เรียนเฉพาะมหาวิทยาลัยเท่านั้น ที่อื่นๆ ก็มาก มีศักดิ์และสิทธิเท่ากัน จบมาสามารถสอบทำงานได้ เก่งไม่เก่ง หลายอย่างอยู่ที่ตัวผู้เรียน ไม่ใช่สถาบันหรือมหาวิทยาลัยเสกให้ ผู้เรียนขวนขวายอ่านตำรา ทำงานเพิ่มเติมความรู้ตามหลักสูตรให้มากที่สุด และเรียนได้มีวุฒิวิทยฐานะโดยที่ตนเองไม่เดือดร้อน ทางบ้านไม่เป็นหนี้หัวโตเพราะแค่การร่ำเรียนของลูกอย่างเดียว น่าจะเป็นทางเลือกมากกว่า
บทสรุป
ณ วันนี้ผมพยายามค้นหาหลักฐานเผื่อว่ามีมากกว่าที่เป้นข่าวที่ลือ ก็ได้แค่ข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/thairath1/2547/page1/mar/19/p1_2.php นอกจากนี้ก็เป็นความคิดเป็น ต่อจากข่าวโดยไม่มีหลักฐานอื่นเพิ่มเติม โดยส่วนตัวแล้วผมสนับสนุนจะให้เรื่องนี้มีความกระจ่างจะโดยวิธีใดก็ตาม แต่การสอบใหม่เพราะแค่สงสัย มันเป็นการทำลายเศรษฐกิจของคนยากคนจน ของบรรดานักวิชาการกระต่ายตื่นตูมมากเกินไป สังคมควรจะตระหนักเรื่องอื่นๆ มากกว่าเรื่องการสอบ Entrace นี้มากกว่า แต่อย่างไรก็ดี ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นมักมีคนได้ คนเสีย นักวิชาการอาจได้ชื่อเสียง คนเสียความรู้สึกคือคนอ่านข่าว คนที่ปล่อยข่าวอาจกำลังสนุกเพราะเรื่องวุ่นๆ กำลังจะไปยาว ส่วนผมเองรับรองไม่ได้อะไรกับเรื่องนี้
|
|
