แยกสปีชีส์ปู

        เมื่อคุณเดินลงไปในป่าชายเลนหรือตามริมคลองริมหาด คุณก็เห็นปูก้ามตามมากมายขึ้นมาอวดโฉมให้คุณเห็น หลายคนคงสงสัยว่าปูก้ามดาบสีสันสวยงามที่เห็นนั้น เขาเรียกว่าอะไร ทางกลุ่มของข้าพเจ้าก็มีความสงสัยเช่นเดียวกัน จึงหาข้อมูลต่างเพื่อจะแยกสปีชีย์ปู จนสามารถได้ข้อมูลทางอินเตอร์เน็ทบางส่วน และได้มีโอกาสไปเรียน
แยกสปีชีส์ปูก้ามดาบจาก ม.วิทยาลัยวลัยลักษณ์ โดยได้รับการสอนจาก ผศ.ดร.มัลลิกา เจริญสุธาสินี
และ อาจารย์อาวุธ แก่นเพชร ซึ่งทางกลุ่มพอจะมีความรู้ในการแยกปูดังต่อไปนี้

           เกณฑ์การแยกปูก้ามดาบอย่างง่าย ที่พบ 11 สปีชีย์ในประเทศไทย

1.ดูระยะห่างระหว่างก้านตา

ก้านตากว้าง

ลักษณะก้านตากว้าง

      เราสามารถพบปูก้ามดาบที่มีก้านตากว้างได้ 3สปีชีย์ คือ ลักษณะก้ามของปูก้ามดาบที่มีร่องตากว้างสามารถแยกปูก้ามดาบได้ดังนี้
     
1. Uca bengali      ก้ามไม่มีร่องก้ามปลายทั้งสองของก้าม คือส่วน pollex และ dactyl มีลักษณะแหลม นอกจากนั้นยังสังเกตจากก้ามข้างเล็กของปล้องที่2 จะเห็นตุ่มเรียงกัน
2. Uca lactea annulipes      ก้ามไม่มีร่องก้ามปลายทั้งสองของก้าม คือส่วน pollex จะมีหยักสองหยักและส่วนของ dactyl มีลักษณะปลายแหลม

3. Uca perplexa

     ก้ามไม่มีร่องก้ามปลายทั้งสองของก้าม คือส่วน pollex จะมีหบักสองหยักและส่วนของ dactyl มีลักษณะปลายแหลม ซึ่งลักษณะก้ามจะคล้ายกับUca lactea annulipes มากแต่จะมีขนาดใหญ่กว่า
             
ก้านตาแคบ เราสามารถพบปูก้ามดาบที่มีก้านตาแคบได้ 9 สปีชีย์ คือ ลักษณะก้ามของปูก้ามดาบที่มีร่องตาแคบสามารถแยกปูก้ามดาบได้ดังนี้
     
  
        1.ร่องที่อยู่บนก้ามด้านบน
             *ไม่มีร่องบนก้าม     
  1. Uca tetragonon      ก้ามไม่มีร่องก้ามปลายทั้งสองของก้าม คือส่วน pollex
และส่วนของ dactyl มีลักษณะปลายแหลม
ก้ามมีลักษณะกลมๆไม่แบน
2. Uca (vocan)hesperiae      ก้ามไม่มีร่องก้ามปลายทั้งสองของก้าม คือส่วน pollex จะมีหยักสองหยักและส่วนของ dactyl มีลักษณะปลายแหลม
ก้ามมีลักษณะแบน คล้ายกับ Uca (vocan)
vocans
3. Uca (vocan) vocans      ก้ามไม่มีร่องก้ามปลายทั้งสองของก้าม คือส่วน pollex จะมีหยักสองหยักและส่วนของ dactyl มีลักษณะปลายแหลม
ก้ามมีลักษณะแบน คล้ายกับ Uca (vocan)hesperiae
              *มีร่องบนก้าม1 ร่อง
4. Uca urvilei      ก้ามมีร่องก้าม 1 ร่อง ปลายทั้งสองของก้าม คือส่วน pollex
และส่วนของ dactyl มีลักษณะปลายแหลม
ก้ามมีลักษณะกลมๆไม่แบน
  5. Uca forcipata      ก้ามมีร่อง 1 ร่องก้ามปลายทั้งสองของก้าม คือส่วน pollex และส่วนของ dactyl จะมีหยักมาก
                 *มีร่องบนก้าม 2 ร่อง
6. Uca paradussumieri (Uca spinata)      ก้ามมีร่องก้าม 2 ร่อง ปลายทั้งสองของก้าม คือส่วน pollex
และส่วนของ dactyl มีลักษณะปลายแหลม
ก้ามมีลักษณะกลมๆไม่แบน
  7. Uca dussumieri      ก้ามมีร่องก้าม 2 ร่อง ปลายทั้งสองของก้าม คือส่วน pollex
และส่วนของ dactyl มีลักษณะปลายแหลม
ก้ามมีลักษณะกลมๆไม่แบน
  8. Uca rosea      ก้ามมีร่องก้าม 2 ร่อง ปลายทั้งสองของก้าม คือส่วน pollex
และส่วนของ dactyl จะมีหยักมาก