การวิจัยเพื่อศึกษารูปแบบการเดินของมนุษย์
การเดินของอาซิโมถูกจำลองจากการเดินของมนุษย์
ในการศึกษาหลักการเดินแบบ 2 ขา ฮอนด้าได้ทำการวิจัยลักษณะการเดินของมนุษย์และการเดินในรูปแบบอื่นๆโดยทำการค้นคว้า ทดลองการเดินและเก็บข้อมูลอย่างมาก ผลงานวิจัยนี้ทำให้ฮอนด้าสามารถพัฒนาเทคโนโลยีการเดินของอาซิโมให้คล้ายมนุษย์มากขึ้น



1. การวางข้อต่อของขาอาซิโม
ลักษณะโครงสร้างของมนุษย์ถูกใช้อ้างอิงในการวางตำแหน่งข้อต่อบนขาของอาซิโม ข้อต่อนิ้วเท้ามีผลกระทบต่อการเดินของอาซิโม จุดที่เป็นข้อต่อของนิ้วเท้าและส้นเท้ามีความจำเป็นต่อการกำหนดว่าอาซิโมสามารถรองรับน้ำหนักตัวได้อย่างไร ความรู้สึกจากการสมผัสจากพื้นสามารภวัดได้จากข้อเท้า เนื่องจากข้อเท้าสามารถหมุนได้จากหน้าไปหลังและจากซ้ายไปขวา อาซิโมจึงสามารถรักษาสมดุลได้ขณะทำการเดินแบบปกติและในขณะทำการเดินบนพื้นผิวที่ไม่เรียบซึ่งสามารถรู้สึกได้จากการเอียงของข้อเท้า ข้อต่อหัวเข่าและข้อต่อบริเวณสะโพกถูกใช้ในการขึ้นลงบันได รวมถึงสมดุลด้วยขาข้างเดียว ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวทำให้อาซิโมจำเป็นต้องมีข้อต่อสะโพก หัวเข่าและข้อเท้า

2. ขอบเขตการเคลื่อนไหวของข้อต่อ
ได้มีการศึกษาวิเคราะห์ขอบเขตการเคลื่อนไหวของข้อต่อต่างๆ ในระหว่างการเดิน ได้ยึดหลักการเดินของมนุษย์ทั้งในแนวพื้นราบและในขณะขึ้นหรือลงบันได โดยมีการวัดการเคลื่อนไหวของข้อต่อ ซึ่งทำให้ทราบถึงขอบเขตการเคลื่อนไหวของข้อต่อแต่ละชิ้น

3. ขนาดของขา น้ำหนักและจุดศูนย์ถ่วงของอาซิโม
การหาตำแหน่งจุดศูนย์ถ่วงนั้นได้ยึดแบบมาจากลักษณะโครงสร้างของมนุษย์

4. การจ่ายแรงบิดไปที่ข้อต่อต่างๆ ในขณะที่อาซิโมทำการเดิน
ในการหาแรงบิดที่ต้องส่งไปยังข้อต่อได้ยึดหลักจากการวัดผลรวมของแรงบิดที่เกิดขึ้นระหว่างที่มนุษย์เดินในลักษณะต่างๆ

5. ตัวตรวจวัด (Sensors) สำหรับการเดิน
มนุษย์ใช้หลักการสัมผัสจากความรู้สึกอยู่ 3 แบบในการรักษาสมดุล คือ
     o ความรู้สึกของความเร็วเชิงเส้นในการเดินถูกวัดโดยระดับน้ำในหู
     o ความรู้สึกของความเร็วเชิงมุมขณะก้าวเดินถูกวัดโดยช่องครึ่งวงกลมของหูในส่วน Semicircular canals
     o ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากกล้ามเนื้อและผิวหนังซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งตำแหน่งและความเร็วของข้อต่อรวมถึงแรงปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นซึ่งสามารถรู้สึกได้จากฝ่าเท้าและการสัมผัสของผิวหนัง
เพื่อให้อาซิโมมีความสามารถในการรักษาสมดุลเหมือนมนุษย์ดังกล่าวอาซิโมจำเป็นต้องติดตั้งตัวตรวจวัด (Sensor) เข้าไปได้แก่ ตัวตรวจวัดมุมของข้อต่อ ตัวตรวจวัดแรงปฏิกิริยาขนาด 6 แกน ตัวตรวจวัดตำแหน่งและความเร็วเชิงเส้นของอาซิโม

6. แรงกระแทกที่เกิดขึ้นขณะทำการเดิน
มนุษย์มีโครงสร้าง เช่น ผิวที่นุ่ม ส้นเท้า รวมไปถึงนิ้วเท้า โดยโครงสร้างดังกล่าวจะติดอยู่กับอวัยวะที่ใช้ในการเดินเคลื่อนที่โครงสร้างเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญในการช่วยลดแรงกระแทกระหว่างเท้ากับพื้นขณะทำการเดินจากการทดลองพบว่ายิ่งก้าวเดินเร็วเท่าไหร่ ผลของแรงกระแทกก็จะเกิดขึ้นมากตามไปด้วย
      โดยปรกติถ้าเดินด้วยความเร็ว 2 ถึง 4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แรงกระแทกจะเกิดขึ้นประมาณ 1.2 ถึง 1.4 เท่าของน้ำหนักตัว และถ้าเดินด้วยความเร็ว 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แรงกระแทกก็จะเพิ่มขึ้นถึง 1.8 เท่าของน้ำหนักตัว
      สำหรับอาซิโมการลดแรงกระแทกสามารถทำได้โคยติดวัสดุกันกระแทกไว้ที่ส้นเท้าทั้ง 2 ข้าง นอกจากนั้นการควบคุมให้อาซิโมเกิดความยืดหยุ่นในตัวเองสามารถลดแรงกระแทกได้เช่นกัน

 
การเดินแบบอิสระ
พื้นฐานของการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์สองขานั้น ศึกษาได้โดยตรงจากการเคลื่อนที่บนพื้นผิวเรียบปกติ ลำดับขั้นต่อไปคือการพัฒนาไปสู่การเคลื่อนที่แบบอิสระ หรือกล่าวได้คร่าวๆคือบนพื้นลูกคลื่น, พื้นเอียง, ระดับขั้นบันได อย่างมีเสถียรภาพและโดยไม่เสี่ยงต่อการล้ม โดยเทคนิคที่จะกล่าวต่อไปสามารถสรุปได้เป็นหัวข้อดังนี้
      1. เทคนิคการวางเท้าของหุ่นยนต์ โดยจะคงสภาพแน่นอนไม่แปรเปลี่ยนไปตามลักษณะของพื้นผิว
      2. เทคนิคการปรับสภาพของหุ่นยนต์หากมีกรณีจะล้มเกิดขึ้น
      3. เทคนิคการปรับสภาพของหุ่นยนต์โดยให้ผลของการเคลื่อนที่ถูกต้องแม่นจำบนเป้าหมายที่ต้องการ โดยเทคนิคแต่ละขั้นตอนจะถูกพัฒนาเป็นส่วนๆก่อนที่จะถูกนำมารวมกัน
 
เทคนิคการเดินให้มีเสถียรภาพ
โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์มีการถ่ายโอนน้ำหนักในขณะที่เคลื่อนที่หรือยืนอยู่เฉยๆเพื่อรักษาสมดุลของท่าทางนั้นไว้ แต่หากการถ่ายโอนน้ำหนักนั้นไม่เกิดอย่างสมดุล ร่างกายเราก็ปรับสภาพโดยการเคลื่อนตำแหน่งของเท้าออกจากจุดยืนเดิมเพื่อรักษาสมดุลเอาไว้ ลักษณะดังกล่าวเกิดกับหุ่นยนต์เช่นเดียวกัน
เมื่อหุ่นยนต์เดิน ผมจากแรงเฉื่อยและผลจากแรงดึงดูดของโลกมีผลต่อการเพิ่มและลดความเร่งในการเดินของหุ่นยนต์ แรงเหล่านี้เรียกว่าแรงเฉื่อยรวมเมื่อเท้าหุ่นยนต์กระแทกกับพื้นมันจะได้รับผลกระทบนี้ เรียกว่าแรงปฏิกิริยาจากพื้น
การตัดกันระหว่างพื้นและแนวแรงเฉื่อยรวมตำแหน่งดังกล่าวมีโมเมนต์เท่ากับศูนย์ เรียกจุดนี้ว่าจุดโมเมนต์ศูนย์ (ZMP) จุดที่แรงปฏิกิริยาลงเรียกว่าจุดปฏิกิริยาที่พื้นพื้นฐาน ท่าทางการเดินของหุ่นยนต์จะถูกกำหนดจากคอมพิวเตอร์และถูกส่งให้กับข้อหมุนต่างๆของหุ่นยนต์โดยให้สอดคล้องกับแรงเฉื่อยรวมที่เกิดขึ้นจากการคำนวณเรียกว่าแรงเฉื่อยรวมเป้าหมายและ ZMP ที่ได้จากการคำนวณเรียกว่า ZMP เป้าหมาย เมื่อหุ่นยนต์เกิดสมดุลในขณะที่ทำการเดินได้อย่างสมบูรณ์ แกนของแรงเฉื่อยรวมเป้าหมายและแรงปฏิกิริยาที่พื้นจะเป็นตำแหน่งเดียวกัน เมื่อหุ่นยนต์เดินผ่านพื้นผิวที่ไม่เรียบตำแหน่งสองตำแหน่งดังกล่าวนี้จะหนีออกจากกัน ซึ่งจะส่งผลให้ความสมดุลลดลงแรงที่จะทำให้หุ่นล้มเกิดขึ้นมา
แรงที่ทำให้เกิดการล้มนี้เกิดจากความเหลื่อมล้ำระหว่าง ZMP เป้าหมายกับแรงปฏิกิริยารวมที่พื้น เพื่อพิจารณาดูแล้วพบว่านี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้ความไม่สมดุลเกิดขึ้น เมื่อหุ่นยนต์เสียสมดุลสามระบบที่จะป้องกันการล้มและทำให้หุ่นยนต์เดินต่อไปได้อย่างต่อเนื่องคือ ระบบควบคุมแรงปฏิกิริยา, ระบบควบคุม ZMP และระบบควบคุมการวางเท้า
 
การพัฒนาหุ่นยนต์สองขา
ในการพัฒนาหุ่นยนต์สองขานั้นมี 3 องค์ประกอบที่ต้องคำนึงถึง กล่าวคือ
   1. ความเร็วในการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์
   2. ส่วนต่อเติมในระดับถัดไป อาทิเช่น แขนและมือ
   3. ความสามารถในการเคลื่อนที่ขึ้น-ลงบันได
การพัฒนาของโปรแกรมในขั้นต้นจะเป็นการเดินแบบสถิตย์ (เป็นการเคลื่อนที่โดยจุดศูนย์ถ่วงจะอยู่ภายในพื้นที่ครอบคลุมของขา) จากนั้นจึงพัฒนาไปสู่การเดินแบบจลน์ (จุดศูนย์ถ่วงจะอยู่นอกพื้นที่ครอบคลุมของขาซึ่งเป็นการเดินแบบมนุษย์) โดยลำดับขั้นของการพัฒนาจะเป็นไปตามข้อมูลที่ได้จากการเคลื่อนที่จริงของมนุษย์
 
การเดินอย่างฉลาด - ฉับพลัน - ปรับเปลี่ยนได้
การควบคุมการเคลื่อนที่ด้วยวิธีคาดการณ์ของการเดินแบบ i-WALK ได้ถูกเพิ่มเติมเข้าไปในการควบคุมการเดินแบบเดิม ทำให้หุ่นยนต์เดินสองขาตัวใหม่มีความหลากหลายในรูปแบบของการเดินมากขึ้น ผลที่เห็นก็คือ อาซิโม สามารถเดินได้อย่างนิ่มนวลและเป็นธรรมชาติ


การสร้างการควบคุมแบบทำนาย

ในขณะที่มนุษย์เดินตรงไปข้างหน้าและเริ่มที่จะทำการเลี้ยว ซึ่งก่อนที่จะทำการเลี้ยวเขาจะต้องย้ายจุดศูนย์รวมมวลไปในทิศทางด้านในของวงเลี้ยว ต้องขอบคุณเทคโนโลยี i-Walk ที่ทำให้อาซิโมสามารถทำนายการเคลื่อนที่ครั้งต่อไปแบบทันทีทันใด และทำการย้าย จุดศูนย์รวมมวลโดยการคาดการณ์ล่วงหน้า

      1. การเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องโดยปราศจากการหยุด

 
  เพราะว่าการเดินต่อเนื่องแบบปรับเปลี่ยนได้สามารถทำได้ ดังนั้น อาซิโมจึงมีความหมายในการเคลื่อนที่และเดินได้อย่างรวดเร็วและนิ่มนวลตลอดเวลา

   2. นอกจากการเปลี่ยนตำแหน่งการวางเท้าและการเลี้ยวแล้ว ระยะก้าวสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างอิสระ
หุ่นยนต์สองขาตั้งแต่ตัวแรกจนถึง P3 เลี้ยวได้โดยการจดจำรูปแบบการเดินไว้ สำหรับอาซิโมนั้นสามารถสร้างรูปแบบการเดินได้ทันทีและสามารถเปลี่ยนตำแหน่งการวางเท้าและมุมในการเลี้ยวได้ดี ซึ่งเป็นผลทำให้มันสามารถเดินได้อย่างนิ่มนวลในหลายทิศทาง นอกจากนั้นแล้วความสามารถในการเปลี่ยนระยะก้าวได้อย่างอิสระทำให้การเคลื่อนที่ของอาซิโมใกล้เคียงธรรมชาติยิ่งขึ้น

ต้องขอบคุณเทคโนโลยี i-WALK ที่ทำให้อาซิโม สามารถเดินได้อย่างต่อเนื่องและนิ่มนวลได้ตลอดเวลา I-WALK เทคโนโลยี ทำให้หุ่นยนต์สามารถอยู่ร่วมในสภาวะความเป็นอยู่ของมนุษย์ได้ง่ายขึ้น การพัฒนาเทคโนโลยีนี้จะทำให้หุ่นยนต์ในอนาคตสามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

 
ขยายรัศมีการทำงานของแขน
  เพียงแต่เพิ่มมุมของข้อต่อที่บ่าของอาซิโม เพียง 20 องศา สามารถทำให้ข้อศอกกวาดมุมได้ 105 องศาและเพิ่มขีดความสามารถได้มากขึ้น
 
ส่วนของการพูด
เราได้นำส่วนนี้มาใส่ไว้ในตัวหุ่นยนต์เพื่อเพิ่มความเหมือนจริงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:
     - ความสามารถในการจดจำและโต้ตอบ 50 รูปแบบเสียงที่แตกต่างกันในภาษาญี่ปุ่น
     - ความสามารถในการเคลื่อนไหวของลำตัวและแขนเพื่อตอบสนอง 30 รูปแบบการกระทำที่ต่างกัน