ในอดีตแม่น้ำลำคลองมีคุณประโยชน์ต่อเรามากมาย ทั้งในเรื่องการใช้อาบ ใช้กิน หรือจะใช้ซักล้าง ไม่ใช่แต่ในอดีตเท่านั้นในปัจจุบันนี้น้ำก็มีส่วนในการดำรงชีวิตทั้งพืชและสัตว์
รวมถึงมนุษย์เราไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ทว่าในปัจจุบันนี้สายน้ำสายธารที่เราเคยใช้อาบใช้กินกำลังถูกคุกคาม
โดยผู้ที่ใช้ประโยชน์จากมันนั่นเอง
ตัวการสำคัญนั่นคือ มนุษย์
จากการที่มนุษย์ได้ใช้ชีวิตประจำวันนั้น
ก็ได้ปล่อยของเสียลงในแม่น้ำด้วย
จากแม่น้ำที่เคยใสสะอาดจึงขุ่นมัวลงในพริบตา
จนในที่สุดก็ดำสนิทแถมยังส่งกลิ่นเหม็นชวนรำคาญมาตามลมอีกด้วย เป็นที่เดือดร้อนของผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง ไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่เดือดร้อน แต่สิ่งมีชีวิตในน้ำก็มีความเดือดร้อนไม่แพ้กัน จากมลพิษต่างๆที่ถูกปล่อยลงไปในน้ำ
ได้ทำให้ก๊าซออกซิเจนในน้ำนั้นลดน้อยลง
จนสิ่งมีชีวิตในน้ำนั้นไม่มีอากาศหายใจจนอยู่ไม่ได้และตายในที่สุด ผลจากน้ำเสียไม่ได้มีแค่นี้ที่รุนแรงกว่านี้มีอยู่มากอย่างเช่น
โรคมินามาตะ ในปี ค.ศ.1959 เป็นภาวะมลพิษที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งชื่อ โรคมินามาตะ มาจากชื่อของหมู่บ้านเล็กๆบนเกาะทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นชาวประมง แต่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตปุ๋ยเคมี และสารเคมีชื่อว่า บริษัทนิปปอนชิมโสะ คนในหมู่บ้านส่วนหนึ่งทำงานอยู่ในโรงงานนี้ ต่อมาเกิดโรคประหลาดขึ้นกับคนในหมู่บ้านแห่งนี้จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เมื่อมีผู้ป่วยมาพบแพทย์ด้วยอาการเดิน เซ ไม่สามารถยืนได้ด้วยด้วยเอง ชาตามแขนขา หูตึง มองเห็นภาพแคบลง พูดไม่ชัด มือสั่น กลืนอาหารลำบาก บางครั้งจะแสดงอาการคลุ้มคลั่ง และมักจะส่งเสียงดังตะโกนคล้ายคนบ้าตลอดเวลา มีอาการนอนไม่หลับ ชักบ่อยๆ
แขนขาบิดเบี้ยวคล้ายคนพิการ เพราะกล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกายทำงานไม่ประสานกัน อาการทุกอย่างจะรุนแรงขึ้นและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งแพทย์ไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าเป็นโรคอะไร และจากการสังเกตเห็นความผิดปกติของสัตว์บริเวณนั้น คือ ปลาว่ายน้ำแบบนอนหงายท้องขึ้นและว่ายน้ำช้าลงจนสามารถจับได้ด้วยมือเปล่า นกทะเลว่ายน้ำจะบินดิ่งหัวตกทะเล แมวซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านก็มีอาการเซ น้ำลายไหล ชัก และตายในเวลาต่อมาจึงเรียกอาการดังกล่าวว่า "โรคแมวเต้น"
ดังนั้นจึงสันนิษฐานกันว่าโรคนี้น่าจะเกิดจากสารเคมี ที่สะสมอยู่ในสัตว์ทะเล และเมื่อคนรับประทานอาหารทะเลเข้าไป ก็จะส่งผลกับร่างกาย หลังจากได้มีการทดลองกับสัตว์และคน ผลที่ได้สามารถสรุปได้ตามที่สันนิษฐานไว้ ในเวลาต่อมาได้มีการนำดินจากบริเวณที่ทิ้งน้ำเสียของโรงงานมาตรวจ พบว่ามีสารปรอทอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งตรงกับการตรวจพบสารปรอทในอวัยวะส่วนต่างๆ ของผู้ป่วยที่ตายจึงสามารถสรุปได้ว่า โรคมินามาตะ เกิดจากผู้ป่วยได้รับสารปรอทอินทรีย์ที่เกิดจากโรงงานปล่อยน้ำเสียที่มีสารปรอทปนเปื้อนดังที่กล่าวมา โรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากสารปรอทได้เข้าทำลายระบบประสาท และสมอง นอกจากนี้ยังมีผลต่อทารกที่อยู่ในครรภ์มารดา กล่าวคือ มารดาที่รับประทานอาหารทะเลที่ปนเปื้อนสารปรอทเข้าไปแล้ว สารปรอทจะผ่านไปทางรกเข้าสู่สมองเด็ก ทำให้เด็กที่เกิดมามีอาการพิการทางสมองตั้งแต่เกิด
เด็กจะมีอาการปัญญาอ่อน
่ความ
มักง่ายของผู้ประกอบการทำให้ผู้ล้มตายมีจำนวนมากถือได้ว่าร้ายแรงมากทีเดียว
และในการที่น้ำเป็นพิษนี้
ก็ทำให้เราใช้น้ำในการดำรงชีวิตในปัจจุบันไม่ได้ดีดังเดิมเราจะไม่มีน้ำอาบ/ใช้ ไม่มีน้ำกิน รวมทั้งไม่มีน้ำในการประกอบอาชีพจึงทำให้เราไม่มีรายได้ ไม่มีเงินมาเลี้ยงตนเองและครอบครัว และถ้าเกิดได้ดื่มกินน้ำจากลำธารที่มีสารเป็นพิษเข้าไปก็จะทำให้เจ็บป่วย ถ้าสารพิษนั้นรุนแรงมากก็อาจถึงตายได้
ดังนั้นเราต้องมีการบำบัดน้ำเสีย ทำน้ำเสียให้กลับเป็นน้ำใสบำบัดซึ่งถือว่าเป็นการแก้ แล้วเราก็ควรจะกันเอาไว้ด้วย โดยการที่ไม่ทิ้งขยะ และสิ่งปฏิกูลหรือน้ำจากซักล้างลงในแม่น้ำ คอยสอดส่องดูแลไม่ให้การกระทำนี้เกิดขึ้น ประชาสัมพันธ์ให้ความร่วมมือในการช่วยในการอนุรักษ์น้ำ และโรงงานอุตสาหกรรมก็ควรที่จะบำบัดน้ำให้ดีก่อนที่จะปล่อยออกมา และเราก็ไม่ควรที่จะใช้สารเคมี เช่น ยาปราบศัตรูพืชที่ใช้ในการเกษตร เพราะเวลาที่เรารดน้ำ น้ำก็จะชะล้างสารพิษต่างๆเหล่านี้ลงสู่แม่น้ำลำคลอง และที่สำคัญเราควรที่จะร่วมมือกันทุกคน ช่วยกันอนุรักษ์น้ำ อนุรักษ์โลกของเรา
การที่น้ำเน่าเสียนั้นก็ทำให้คนเราไม่มีน้ำน้ำ น้ำกิน น้ำใช้ และจากปัญหาเหล่านี้ ก็ได้เกิดเป็นปัญหาสังคมเล็กๆ จนก่อตัวขึ้นเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศ จนประเทศต้องนำเข้าน้ำจืดจากต่างประเทศ เป็นการเพิ่มรายจ่ายให้กับประเทศ สร้างผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ทำให้ระบบเศรษฐกิจนั้นตกต่ำลง
|