All reserved @ 2004 characterdisign,background,Story

นางนั้นเข้า เกิดนึกอยากจะได้ตัวนางกินรีไปถวายพระสุธน ซึ่งเป็นโอรสของท้าวอาทิตย์วงศ์กับนางจันท์เทวีมเหสีแห่งเมืองอุดรปัญจาล์ (พรานบุญก็เป็นชาวเมืองนี้)พรานบุญจึงปรึกษาพระฤาษีถึงวิธีจับนางกินรีพระฤาษีได้ห้ามไว้ทั้งให้เหตุผลว่านอกจากจะมีบ่วงนาคบาศของ
พระยานาคแล้วยากที่จะจับนางกินรีผู้มีปีกทางบินไปในอากาศอย่างนกได้คำอธิบายนี้ยังความยินดีแก่พรานบุญเป็นอย่างมากรีบเดินทางกลับ อุดรปัญจาล์ในทันที แล้วตรงไปยังสระที่อยู่ของพระยาจิตรชมภูนาคราช ซึ่งตนเคยช่วยชีวิตไว้ เพื่อขอยืมบ่วงนาคบาศ พระยานาคราช ทนคำอ้อนวอนของพรานบุญไม่ไหว จำใจให้ยืมบ่วงบาศแก่เขาจนได้ดังนั้นพรานบุญจึงเร่งเดินทางกลับมายังสระใหญ่กลางป่าหิมพานต์
์นั้นอีกหน คอยซุ่มอยู่ริมน้ำ รอโอกาสจับนางกินรีน้อยด้วยความกระตืนรือร้น ครั้นแล้ว วันปัณรสีก็เวียนมาถึงอีกครั้ง โหรได้ทำนายว่า
มโนราห์กำลังมีเคราะห์ร้าย พระนางจันทกินรีจึงห้ามธิดาน้อยไม่ให้ไปไหนแต่กินรีน้อยทั้ง 7 นางกลับไม่เชื่อฟัง หลบไปเล่นน้ำกันตามเคย
แล้วคราวเคราะห์ก็มาเยือนมโนราห์จริงๆ ดั่งคำทำนายพรานบุญเล็งตรงมาที่นางกินรีผู้อายุเยาว์ที่สุดและงดงามที่สุดพร้อมกับขว้างบ่วง
นาคบาศ เข้าใส่อย่างแม่นยำว่องไวบ่วงนาคบาศคล้องรัดร่างนางมโนราห์แนบแน่นไม่มีทางกระดิกกระเดี้ยเลยแม้แต่น้อยในขณะที่พวกพี่ๆ ไม่เกล้าเข้าใกล้เพราะกลัวบ่วงนาคบาศจับใจ ในที่สุด.....เมื่อเห็นว่ายากจะช่วยน้องได้อีก6นางจึงพากันสวมปีกบินหนีไปพรานบุญตรงเข้าไป เก็บปีกหางชุดที่เหลือของนางมโนราห์มายึดไว้ก่อน จึงยอมคลายบ่วงนาคบาศให้จากนั้นพานางเดินทางกลับอุดรปัญจาล์ทันที แต่ในระหว่าง
ทาง พระสุธนซึ่งทรงออกประพาสป่า มาพบเข้าเสียก่อน เพียงแรกเห็นนางมโนราห์พระสุธนก็ทรงประทับใจต่อรูปโฉมของนางจนรำพึงดังนี้

คือจันทรจากอำ- พรทิพพิมานงาม
ตัวต่ายไป่ตกตาม ดำหนิดังประไพยล
ฤาโฉมพระศรีศริ อภิลาสกามน
แปรจากกษิรชล ทิพอาสนเอองค์
ฤาโฉมอุมามา- ดรเทพแปลงปลง
ทิพลักษณบรรจง ยุพเรศให้ลาญ
ฤาอินทรอัปสร แลมล้างอสุรพาล
บันลายบุษป์แบ่งบาน อรองคเป็นองค์
เลอลักษณ์ประโลมไตร ภพพิศแลพิศวง
ใจเทพฤาคง ดำริราครุมทรวง

พระสุธนสนใจมโนราห ์ที่เห็นเดินตามพรานบุญอยู่ต้อยๆ จึงให้หาพรานบุญมาถาม พรานบุญทูลตามความจริง แล้วถวายนางให้พระสุธน พร้อมกับปีกหางของนางที่ถูกยึดไว้ก็เลยได้รับบำเหน็จรางวัลจากพระองค์มากมายพระสุธนได้ไต่ถามนางมโนราห์ ได้ความว่า นางเป็นธิดา
ท้าวประทุม จึงรับมาอยู่ที่ตำหนักในสวนก่อน แล้วกราบทูลความทั้งหมดต่อพระบิดาพระมารดา ท้าวอาทิตยวงศ์กับพระนางจันท์เทวี ีรับรู้เรื่องราวนี้ด้วยความยินดีพร้อมทั้งทำการอภิเษกให้แล้วรับพระสุธน กับนางมโนราห์กลับเข้าพระนครทั้งสองจึงได้ครองรักกันอย่างเป็น
สุขเสมอมา จนกระทั่งเกิดต้นเหตุแห่งเภทภัยขึ้นในวันหนึ่งวันนั้น พระสุธนทรงสกากับลูกอำมาตย์ผู้หนึ่งเขาผู้นั้นทูลขอพรว่า หากพระสุธนครองราชย์เมื่อใด ขอให้ตนได้เป็นปุโรหิต ซึ่งพระสุธนได้ทรงประทานให้

ตามที่ขอ
ลูกปุโรหิต (คนปัจุบัน) ได้ยิน จึงนำไปเล่าให้บิดาฟัง ทำให้ปุโรหิตเกิดจิตคิดปองร้ายต่อพระสุธนด้วยไม่พอใจที่ลูกของตนพลาดตำแหน่งปุโรหิต ในอนาคตอย่างแน่นอนแล้วประจวบกับในเวลาต่อมาไม่นานนัก มีข้าศึกยกพลล่วงแดนจะเข้าตีอดรปัญจาล์ พระสุธนจึงยกกองทัพออกไปปราบปราม
ในวันที่พระสุธนได้ชัยชนะ ท้าวอาทิตยวงศ์ทรงพระสุบินว่าไส้ของพระองค์ออกมาโอบเอาจักรวาลไว้ เมื่อตื่นบรรทมจึงให้หาปุโรหิตมาทำนาย
ปุโรหิตรู้ว่าพระสุบินเป็นมงคล แต่ด้วยความอาฆาตที่มีต่อพระสุธน จึงแกล้งทูลว่าเป็นความร้างแรงมาก จะเกิดัยพิบัติอย่างใหญ่หลวงขึ้น นอกเสียจากว่าจะทำพิธีบูชายัญเพื่อแก้ไขความอัปมงคลนี้เสีย และในระหว่างเวลาทำพิธี ๓ วันนั้น จะให้ผู้ใดเข้าเฝ้าไม่ได้

ท้าวอาทิตยวงศ์ทรงอณุญาติตามนั้น ดังนั้น พอจัดเตรียมพร้อมแล้ว อันมีของที่จะฆ่าบูชายัญคือ สัตว์สี่เท้า ๑๐๐ ตัว สัตว์สองเท้า ๑๐๐ ตัว
มนุษย์ ๑๐๐ คน ปุโรหิตก็ทูลท้าวอาทิตยวงศ์ว่า ยังขาดแต่คนธรรพ์อย่างเดียวเท่านั้นจึงจะเป็นผลตามพิธีท้าวอาทิตยวงศ์ ์ทรงจนปัญญา ที่จะหาคนธรรพ์มาเข้าพิธีได้ ทำให้ปุโรหิตได้ช่องแนะว่า ควรนำนางโนห์รามาใช้แทน ด้วยกินรีกับคนธรรพ์ต่างก็เป็นชาวหิมพานต์เช่นเดียวกัน

แต่ท้าวอาทิตยวงศ์ทรงลังเลพระทัยขึ้นมาปุโรหิตจึงรีบทูลว่า แต่ก่อนมาบ้านเมืองก็อยู่เย็นเป็นสูขดี แต่หลังจากพระสุธนได้นางมโนห์รา มาก็เกิดศึกและสุบินร้าย จึงเป็นที่ยืนยันว่า นางจะต้องเป็นตัวเสนียดจัญไรแน่นอน ท้าวอาทิตยวงศ์พระทัยเบาหลงเชื่อปุโรหิต จึงทรงอณุญาติให้นำนางมโนห์ราเข้าพิธีบูชายัญไปด้วยบังเอิญเรื่องนี้ถูกนางกำนัลที่รักใคร่นางมโนห์ราได้ยินเข้า จึงนำความไปเล่าแก่
นางกินรีน้อยมโนห์ราตกใจอย่างยิ่ง รีบเข้าเฝ้ากราบทูลพระนางจันท์ทวีทันที พระนางจันท์เทวีจะทูลทัดทานท้าวอาทิตยวงศ
์ ก็ถูกปุโรหิตขัดขวางไว้ จึงจนใจที่จะช่วยมโนห์ราอย่างไรได้ ในยามคับขันที่ชีวิตเหมือนกำลังแขวนบนเส้นด้าย มโนห์ราจึงนึกอุบายอย่างนึง.. .จึงทูลพระนางจันท์เทวีว่า ไหน ๆ ก็จะตายแล้วขึงขอให้ได้แต่งกายด้วยเครื่องประดับที่เคยใช้แต่ก่อนที่จะมาที่เมืองนี้ ให้งดงามที่สุดเสียก่อน
พระนางจันท์เทวีจึงหยิบเครื่องประดับเหล่านั้นของมโนห์ราออกมาให้นางแต่งตามใจ มโนห์ราจึงแต่งเครื่องประดับแล้วใส่ปีกหางอย่างกินรี ฟ้อนรำถวายพระนางจันท์เทวีอย่างงดงามเมื่อปุโรหิตเข้ามาจะคุมตัวนางมโนห์ราไปบูชายัญนางจึงได้บินหนีออกไปทางพระแกล

พอบินมาถึงป่าหิมพานต์ นางแวะลงไปหาพระฤาษี เล่าทุกอย่างให้ท่านฟัง จากนั้นขอร้องว่า หากพระสุธนตามมาให้ห้ามไว้อย่าได้ตามนางไป เนืองเพราะหนทางกันดารยิ่ง และมีภนันตรายรอบด้าน ขอให้กลับไป หานางกษัตริย์อื่นมาเป็นมเหสีเถิด อย่าได้อาลัยนึกถึงตนอีกแต่ถ้า พระฤาษีไม่สามารถห้ามพระสุธนได้แล้ว ก็จงแนะนำให้ไปทางทิศอุดร (ทิศเหนือ) และบอกสถานที่มีอันตรายต่างๆไว้กับพระฤาษีโดยละเอียด แล้วเพื่อป้องกันผลไม้พิษ ต้องจับเอาวานรตัวหนึ่งติดตามไปด้วย สิ่งใดที่มันกินได้จึงให้กินตามมันก่อนจากพระกุฎิพระฤาษีไป นางมโนห์ราได้ฝากภูษากับธำมรงค์และยาไว้ถวายพระสุธน เมื่อมโนห์รากลับถึงเมืองกินนรที่เขาไกรลาส

ทั้งท้าวประทุม นางจันทกินรี และกินรีพี่สาวอีก ๖ นาง ต่างรู้สึกตื่นเต้นยินดียิ่ง แต่เพื่อนให้นางมโนห์ราหมดกลิ่นอายของมนุษย์เสียก่อน จึงให้นากพักอยู่ที่ปราสาทนอกเมืองเป็นเวลา ๗ ปี ๗ เดือน และอีก ๗ วัน แล้วค่อยรับนางเข้าเมือง
พระสุธนหลักจากปราบปรามเรื่องที่ชายาเกือบถูกบูชายัญ ดีที่หนีไปได้เสียก่อน
พระองค์ทุกข์ใจเจียนคลั่ง จึงตัดสินพระทัยเพียงลำพัง ไม่ต้องการให้ผู้ใดตามเสด็จ ด้วยทราบดีถึงหนทางที่ทุรกันดาร
พระสุธนตรงไปหาพรานบุญก่อน ให้พรานบุญนำทางไปยังกุฏิพระฤาษีที่กลางป่าหิมพานต์ ก็เป็นอันหมดหน้าที่ของพรานบุญเพียงเท่านี้
พระฤาษีเมื่อห้ามพระสุธนไม่สำเร็จ ก็บอกทางและมอบของฝากของนางมโนห์ราให้
ดังนั้น หลังจากลาพระฤาษีแล้ว พระสุธนก็เริ่มเดินทางตามทิศทางที่ได้รู้ ต้องฝ่าภยันตรายนานา ต่างรอดพ้นไปได้ด้วยฤทธิ์ธนูคู่บารมี สติปัญญาและความเด็ดเดียวแห่งพระทัยก็คงตรงกับคำว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น.
ในที่สุด พระสุธนก็มาถึงเขาไกรลาสจนได้
วันนั้น สาวใช้ของนางมโนห์ราพากันมาตักน้ำในสระ พระสุธนได้นินพวกนางเอ่ยถึงชายาของพระองค์ จึงได้ถอดธำมรงค์ใส่ลงในหม้อน้ำของคนหลังสุด พร้อมทั้งอธิษฐานว่า นอกจากนางมโนห์ราแล้ว อย่าให้ผู้ใดได้ธำมรงค์นั้นไป
ด้วยคำอธิษฐาน พอนางมโนห์ราสรงน้ำ ธำมรงค์ก็เลื่อนลงมาสวมอยู่ที่นิ้วอย่างพอดิบพอดี นางจดจำได้ จึงสอบถามจากสาวใช้ ค่อยรู้ว่าพระสุธนได้ตามมาถึงแล้ว
ข่าวนี้ย่อมทำให้นางมโนราห์ปลาบปลื้มประโลมใจยิ่ง แต่ด้วยความเกรงพระทัย
พระบิดาจึงไม่กล้าออกไปพบพระสวามี เพียงจัดผ้าทรงและกระยาหารให้
สาวใช้นำไปถวายเท่านั้น แล้วรีบเข้าไปหาพระมารดานางจันทกินรี ทูลเรื่องราว
ทั้งหมดให้ทราบ
นางจันทกินรีจึงนำมโนราห์เข้าเฝ้าพระบิดาทันที
เมื่อรู้เรื่องโดยตลอด ท้าวประทุมอดไม่ได้ที่จะต้องรู้สึกนับถือในความสามารถ
ความกล้าหาญ และ ความพากเพียรมั่นคงยิ่งของพระสุธน ที่เป็นเพียงมนุษย์
สามัญคนหนึ่งเท่านั้น
แม้จะรู้สึกพึงพอพระทัยต่อพระสุธนมากแค่ไหน ท้าวประทุมก็ยังคงทดสอบ
ต่อผู้ที่เป็นเขย ด้วยความรอบคอบ นั่นคือ .... มีการประชุมเทวดาและคนธรรพ์
แล้วให้พระสุธนลองฤทธิ์ธนูให้ดู ยกศรประจำเมืองกินนรที่ต้องให้กำลัง
บุรุษพันหนึ่งจึงยกได้ และยกแท่งศิลาใหญ่อีกแท่งหนึ่ง ซึ่งทั้งหมดนี้พระสุธน
สามารถผ่านการทดสอบได้อย่างงดงาม
แต่ด่านทดสอบสุดท้ายกลับทำให้พระสุธนแทบสะอึกกึ๊ก เพราะท้าวประทุม
ให้ธิดาทั้งเจ็ด แต่งกายเหมือนกันแล้วให้พระสุธนชี้ว่าคนไหนคือชายาของตน
ต่อเมื่อชี้ถูกจึงจะอภิเษกให้ทั้งสองอยู่ด้วยกัน
พระสุธนแลดูแต่ไกลเห็นทั้งเจ็ดราวกับแกะออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน
ต้องลังเลอยู่นานสองนาน จนร้อนถึงพระอินทร์ต้องทรงแปลงเป็นแมลงวันทอง
มาจับที่ผมของมโนราห์
พระสุธนจึงตัดสินพระทัยชี้ตัวถูก นั้นแหละ..... พระสุธนกับนางมโนราห์ก็ถึงเวลา
ที่จะได้กลับสู่ความหวานชื่นใหม่อีกครั้ง
และทั้งหมดนี้ก็สำเร็จขึ้นเพราะความดีที่มั่นคงดั่งขุนเขาของพระสุธนเป็นหลักใหญ่