E = V + Ir หรือ E = IR + Ir
E = I(R + r)
เมื่อ E เป็นแรงเคลื่อนไฟฟ้า
เมื่อ V เป็นความต่างศักดิ์ไฟฟ้า มีค่าเท่ากับ IR
เมื่อ I เป็นกระแสไฟฟ้า
เมื่อ R เป็นความต้านภายในของถ่านไฟฉาย
เมื่อ r เป็นความต้านภายในของถ่านไฟฉาย
เนื่องจากโวลต์มิเตอร์ดึงกระแสไฟฟ้าออกจากถ่านไฟฉายน้อยมาก ดังนั้นค่า Ir จึงมีค่าน้อย ทำให้ค่า V ที่อ่านได้จากโวลต์มิเตอร์ใกล้เคียงกับค่าแรงเคลื่อนไฟฟ้า E (ประมาณ 1.5 โวลต์) แต่เมื่อมีการใช้กระแสไฟฟ้ามากขึ้นเช่นต่อกับหลอดไฟฟ้า หรือมอเตอร์ไฟฟ้า ค่าของกระแสไฟฟ้า I ที่ออกจากถ่านไฟฉายจะมากขึ้น เป็นเหตุให้ค่า Ir มีค่ามากกว่าเดิม ทำให้ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าของถ่านไฟฉายมีค่าลดลง (น้อยกว่า 1.5 โวลต์)
สำหรับถ่านไฟฉายที่ใหม่ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าที่ลดลงจะไม่มากนัก เพราะว่าค่าความต้านทานภายใน r มีค่าไม่มาก แต่เมื่อถ่านนั้นมีการใช้พลังงานไฟฟ้าไปบ้างแล้ว ค่าความต้านทานภายใน r จะมีค่ามากขึ้น ทำให้ค่า Ir มีค่ามาก จึงทำให้ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าของถ่านไฟฉายลดลงมาก เป็นเหตุให้อุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น หลอดไฟฟ้า หรือมอเตอร์ไฟฟ้าไม่ทำงาน