เมื่อกาลิเลโอมีอายุได้
69 ปี คณะตุลาการศาสนาของประเทศอิตาลีได้มีมติบังคับให้กาลิเลโอถอนคำพูดของเขาที่ว่า
"โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์"
เขาถูกผู้คนประณามหยามเหยียดว่าเป็นพวกนอกรีต
และถูกทรมานจองจำ จนในบั้นปลายของชีวิต
ตาทั้งสองข้างของเขาบอดสนิท
และเขาได้ตายจากโลก โดยมีคำสาปแช่งของศาสนาติดตัวตามไป
แต่เมื่อเดือนพฤศจิกายน
พ.ศ. 2534 นี้เอง สันตะปาปา John
Paul ที่ 2 แห่งสำนักวาติกันได้ทรงทำพิธีถ่ายบาปให้กาลิเลโอ
โดยองค์สันตะปาปาแถลงว่า
คำวินิจฉัยของคณะตุลาการศาสนาที่ได้ตัดสินไปเมื่อ
359 ปี ก่อนโน้นนั้น ผิด
เพราะยุโรปในสมัยนั้นยึดถือในปรัชญาคำสั่งสอนของ
Aristotle มากและเชื่อคำสอนด้านดาราศาสตร์ของ
Ptolemy ซึ่งวิชาทั้งสองนี้อิงอาศัยความรู้สึกและสามัญสำนึกเป็นสำคัญ
Ptolemy ได้สอนคนในสมัยนั้นว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
โดยดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์
และดาวต่างๆ โคจรรอบโลก
ส่วนAristotle นั้นได้แบ่งจักรวาลออกเป็นสองภาค
คือ ภาคสวรรค์ และภาคพื้นดิน
โดยสรรพสิ่งทั้งหลายที่ลอยอยู่บนสวรรค์นั้นสวย
สมบูรณ์และอมตะถาวร
ส่วนสรรพสิ่งทั้งปวงที่กองอยู่บนดินนั้นมีสภาพอปกติ
และจะเปลี่ยนแปลงชั่วนิจนิรันดร์
เมื่อกาลิเลโอมีอายุได้
25 ปี ความเป็นอัจฉริยะ ก็เริ่มฉายแสง
โดยเขาได้ล้มล้างทฤษฎี
Aristotle ที่ผู้คนยึดถือกันมานานร่วม
2,000 ปีที่ว่า วัตถุหนักจะตกถึงพื้นเร็วกว่าวัตถุเบา
โดยเขาได้ขึ้นไปบนหอคอยเอียงแห่งเมือง
Pisa แล้วปล่อยวัตถุ