เมื่อดาวหาง Wild-2 ผ่าน "ใกล้" โลกในระยะ 420 ล้านกิโลเมตร ในเดือนธันวาคมของปี พ.ศ. 2546 องค์การบินและอวกาศของสหรัฐ ฯ (NASA) จะส่งยานอวกาศชื่อ Stardust ไปเก็บฝุ่นและสะเก็ดน้ำแข็งจากบริเวณส่วนหางของ Wild-2 มาวิเคราะห์ในห้องทดลองบนโลก
Stardust มีกำหนดเดินทางในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 โดยจะใช้เวลานาน 4 ปี ในการเดินทางสู่ Wild-2 โครงการนี้เป็นครั้งแรกที่มนุษย์คิดจะนำส่วนประกอบของดาวหางในวิเคราะห์บนโลก คำตอบที่ได้อาจจะไขปัญหาลึกลับเกี่ยวกับกำเนิดของสุริยจักรวาลและสิ่งมีชีวิตบนโลกได้
ทั้งนี้เพราะนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์รวมทั้งดาวหางบางดวงได้ถือกำเนิดมาพร้อมๆ กัน เมื่อประมาณ 4,500 ล้านปีก่อนนี้ และเหตุผลที่ดาวเคราะห์วงนอกอันได้แก่ดาวพฤหัสบดี เสาร์ ยูเรนัส และเนปจูน มีขนาดมโหฬารนั้น เพราะดาวเคราะห์กลุ่มนี้ถูกดาวหางจำนวนมากพุ่งชนและฝังตัว ดังนั้นดาวเคราะห์ยักษ์กลุมนี้จึงน่าจะมีองค์ประกอบเช่นเดียวกับดาวหาง แต่สำหรับดาวเคราะห์วงใน เช่น โลก ดาวอังคาร พุธ และศุกร์ เมื่อถูกดาวหางชน ทำให้ความร้อนจากดวงอาทิตย์ น้ำแข็งและสารแข็งต่างๆ บนดาวหางระเหยและระเหิดไปหมด
การวิเคราะห์ฝุ่นและสะเก็ดน้ำแข็งของ Wild-2 จะทำให้นักวิทยาศาสตร์ล่วงรู้เหตุการณ์ เมื่อสุริยจักรวาลเริ่มถือกำเนิดใหม่ๆ ได้ เพราะองค์ประกอบต่างๆ ของดาวหางตั้งแต่เมื่อดาวหางเริ่มอุบัติจากกลุ่มแก๊สร้อน จนกระทั่งถึงปัจจุบันจะไม่เปลี่ยนแปลงมาก และหากมีการตรวจพบอินทรีย์โมเลกุลในผงฝุ่น นั่นก็แสดงว่า เวลาดาวหางพุ่งผ่านโลก โมเลกุลชีวิตที่