เยือนดาวเคราะห์น้อย gaspra
เมื่อราว 225 ปีมาแล้ว ได้มีนักดาราศาสตร์ชาวเยอรมันผู้หนึ่งชื่อ Titius ท่านผู้นี้ได้คาดคิดว่า สุริยจักรวาลของเราน่าจะมีดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่ง โคจรอยู่ระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี
แต่เมื่อ G. Piazzi แห่งอิตาลี ได้ใช้กล้องโทรทรรศน์ส่องฟ้าหาดาวดวงนั้น เขากลับได้เห็นดาวเล็กๆ จำนวนมากมาย ดาวเหล่านี้มีขนาดจิ๋วกว่าดาวเคราะห์ทั่วไป William Hershel แห่งอังกฤษจึงเรียกดาวเคราะห์ขนาดเล็กๆ เหล่านี้ว่า ดาวเคราะห์น้อย (asteroid)
ตราบเท่าทุกวันนี้ นักดาราศาสตร์ได้แล้วพบว่า สุริยจักรวาลมีดาวเคราะห์น้อย จำนวนนับ 2 หมื่นดวง ที่กำลังโคจรอยู่ระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี ดาวน้อยๆ เหล่านี้ขนาดและชื่อต่างๆ กันเช่น Ceres, Ida, Juno และ Pallas เป็นต้น และถึงแม้จำนวนดาวเคราะห์น้อยจะมีมาก แต่ในหัวข้ออวกาศที่กว้างใหญ่ไพศาลการที่ดาวแต่ละดวงอยู่ห่างกันหลายล้านกิโลเมตร ทำให้โอกาสที่ดาวเหล่านี้จะชนกันเองแทบจะไม่มี
ดาวเคราะห์น้อยมาจากไหน
ในอดีตนักดาราศาสตร์เคยคิดกันว่า ดาวเคราะห์น้อยเป็นชิ้นส่วนของดาวเคราะห์ที่ถูกอุกกาบาตชนจนแตกสลาย แต่ในปัจจุบันนักดาราศาสตร์ส่วนมากคิดว่า ดาวเหล่านี้เป็นเพียงก้อนดินที่ไม่ประสบความสำเร็จในการเกาะรวมกันเป็นดาวเคราะห์เท่านั้นเอง นอกจากนี้นักดาราศาสตร์ยังพบอีกว่า ดาวเคราะห์น้อยบางดวงมีเส้นทางโคจรตัดกับเส้นทางโคจรของโลกอีกด้วย และนั่นก็หมายความว่า โอกาสที่ดาวเคราะห์น้อยจะชนโลกนั้นก็มีอยู่
เพราะเหตุว่าจากการที่ดาวเคราะห์น้อย มีขนาดเล็ก และอยู่ไกลจากโลกมาก การศึกษาดาวเหล่านี้จึงกระทำได้ยาก ขณะนี้นักดาราศาสตร์มีข้อมูลเกี่ยวกับดาวเคราะห์น้อยแล้วประมาณ 5,000 ดวงโดยได้ใช้กล้องโทรทรรศน์ส่องดูจากโลก แต่การได้ศึกษาดาวเคราะห์น้อยในระยะใกล้นั้นยังมิได้กระทำ NASA เองได้เคยคิดที่จะบังคับให้ยานอวกาศชื่อ Galileo โคจรผ่านดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดใหญ่ ชื่อ Amphitrite แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุกระสวยอวกาศ Challenger ระเบิด NASA จึงเปลี่ยนแผนโดยส่งยาน Galileo โคจรผ่านดาวเคราะห์น้อยอีกดวงหนึ่งชื่อ Gaspra แทน
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2536 ความฝันใฝ่ของนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายก็บรรลุความเป็นจริง เมื่อยาน Galileo ของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังมุ่งหน้าสู่ดาวพฤหัสบดี ได้โคจรผ่าน Gaspra ในระยะ "เผาขน" คือ1,597 กิโลเมตร กล้องถ่ายภาพบนยานได้บันทึกภาพของ Gaspra เป็นผลสำเร็จ ความสำเร็จครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จครั้งแรกในประวัติศาสตร์การสำรวจสวรรค์ของมนุษย์ ที่ได้เห็นดาวเคราะห์น้อยที่ระยะใกล้
ภาพถ่ายที่บันทึกได้ แสดงให้เรารู้ว่า Gaspra มีขนาด 10 กม. X 18 กม. มีรูปร่างเหมือนหัวปลาฉลาม และหมุนรอบตัวเอง 1 รอบโดยใช้เวลา 7 วัน ที่ผิวดาวมีหลุมอุกกาบาตเล็กๆ และส่วนประกอบของดาวส่วนใหญ่เป็นหินชนิด Olivine และ Pyroxene
ในต้นคริสต์วรรษที่ 21 นี้ NASA มีโครงการจะศึกษาดาวเคราะห์น้อยอื่นๆ อีกหลายดวง ข้อมูลทั้งหลายทั้งปวงที่ได้จะเพิ่ม เสริมความรู้และความเข้าใจของมนุษย์ในเรื่องกำเนิดของสุริยจักรวาล
และเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบ 200 ปี แห่งการค้นพบดาวเคราะห์น้อยดวงแรกชื่อ Ceres โดย Piazzi ด้วย

ที่มา : ดร.สุทัศน์ ยกส้าน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)