สุริยุปราคาเต็มดวง
คำว่า อุปราคา ตรงกับคำว่า eclipse ในภาษาอังกฤษ คำๆ นี้มีรากฐานมาจากคำในภาษากรีก ที่แปลว่าจับ หรือยึด คนไทยใช้คำว่าสุริยุปราคาบรรยายเหตุการณ์ ที่เรามองเห็นดวงจันทร์บดบังดวงอาทิตย์ เพราะดูเสมือนว่า ดวงอาทิตย์ถูกราหูจับกลืนทั้งดวง
นักดาราศาสตร์ชาวบาบิโลน ได้รับเกียรติว่าเป็นชนชาติแรกของโลก ที่สามารถทำนายปีและเดือนที่จะเกิดสุริยุปราคาได้อย่างถูกต้อง เมื่อ 2,500 ปีมาแล้ว แต่นักดูดาวชาวมายาก็เก่งยิ่งกว่า เพราะสามารถทำนายวันที่เกิดสุริยุปราคาได้อย่างไม่ผิดพลาด โหรหลวงประจำราชสำนักจีน หากถวายคำทำนายวันที่เกิดสุริยุปราคาต่อองค์จักรพรรดิ ผิดพลาดแม้แต่เพียงวันเดียว จะถูกตัดสินประหารชีวิตทันที
ทุกวันนี้เราเข้าใจธรรมชาติ ของเหตุการณ์นี้ดีขึ้นมาก เรารู้ว่าเวลาเรามองดูดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เราเห็นมันมีขนาดพอๆ กัน การที่เป็นเช่นนี้เพราะดวงอาทิตย์มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ยาวประมาณ 400 เท่าของดวงจันทร์ แต่ในขณะเดียวกันมันก็อยู่ห่างจากโลก มากกว่าดวงจันทร์ราว 400 เท่าด้วย ดังนั้นในบางเวลา ดวงจันทร์ที่มีขนาด "เท่า" ดวงอาทิตย์จะโคจรเข้าบดบังดวงอาทิตย์จนมิดหมด ทำให้เกิดสุริยุปราคาเต็มดวง
วันที่เราเห็นสุริยุปราคาเต็มดวงในประเทศไทย คือในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2538 นั้น เงามืดของดวงจันทร์ได้ทอดผ่านผิวโลกไปด้วยความเร็ว 12,000 กิโลเมตร/ชั่วโมง และเมื่อสุริยคราสเริ่มจับ ท้องฟ้าจะมืดลงๆ นกจะหยุดส่งเสียงร้อง ดอกไม้ที่ต้องการแสงแดดจะหุบกลีบ และอุณหภูมิของอากาศรอบๆ จะลดต่ำ ทันทีที่เกิดสุริยุปราคาเต็มดวง ดวงอาทิตย์จะปรากฏเป็นวงกลมมืดที่มีแสงสว่างจ้า กระจายโดยรอบ
ประวัติศาสตร์ได้จารึกไว้ว่า ทุกครั้งที่เกิด ปรากฏการณ์สุริยุปราคา นักวิทยาศาสตร์ได้พบความจริงที่เกี่ยวกับ ธรรมชาติของดวงอาทิตย์มากมาย เช่น 127 ปีก่อนนี้ ขณะสวรรค์กำลังมืด N. Lockyer ได้ เห็น" ธาตุฮีเลียม และในปี พ.ศ. 2462 A. Eddington ได้พบว่าแสงจากดาวขณะพุ่งใกล้ของดวงอาทิตย์ จะเบนเส้นทางเดินคือโค้งเข้าหาดวงอาทิตย์ ใกล้เคียงกับคำทำนายของ Einstein ยิ่งกว่าทฤษฎีของนิวตัน
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2538 H. Zinn แห่ง California institute of Technology ในสหรัฐอเมริกาได้สังเกตเห็นจุดดับจุดใหม่ ปรากฏที่ผิวดวงอาทิตย์ เหตุการณ์นี้ส่อแสดงให้เรารู้ว่า วัฎจักรการเกิดจุดดับจำนวนมากมายบนดวงอาทิตย์ ได้เริ่มต้นอีกครั้ง บริเวณที่เป็นจุดดับนี้ถึงแม้จะ มีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณอื่นๆ แต่ก็มีสนามแม่เหล็กความเข้มสูง นักวิทยาศาสตร์คาดว่าจำนวนจุดดับจะเพิ่มมากขึ้นๆ จนมีมากที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า แล้วค่อยๆ ดับสลายไปในอีก 5 ปีต่อมา
ในวารสาร Nature ฉบับเดือนกันยายน พ.ศ. 2538 นี้ J. Klimchuk แห่ง E.O Hulburt Center for Space Research ได้ รายงานว่า เขาได้ถ่ายภาพของดวงอาทิตย์ด้วยฟิล์ม ที่ไวต่อแสงเอกซเรย์ ภาพที่ได้แสดงให้เห็นเปลวแก๊สที่พุ่งสูง จากผิวเป็นเกลียว เปลวแก๊สนี้มีอุณหภูมิสูงถึง 3 ล้านองศา ซึ่งนับว่าร้อนกว่าอุณหภูมิของแก๊สทีผิวดวงอาทิตย์มาก เขาได้พบกฏแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความหนาแน่นของแก๊ส ความดัน และความยาวของเปลวแก๊ส แต่ถึงกระนั้นสำหรับสาเหตุที่เปลวแก๊ส มีอุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิที่ผิวมากนั้น ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนใด สามารถอธิบายได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ
ปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวง จะ เปิดโอกาสให้นักวิทยาศาสตร์ศึกษาปัญหานี้อีกครั้งหนึ่ง หากคราวนี้ยังไม่รู้ผล ก็เห็นจะต้องคอยอีก 2 ปี ที่ประเทศในแถบทะเล Caribbean และหากพลาดก็ต้องคอยอีกจนถึงปี 2552 ซึ่งจะเป็นเวลาที่เกิดสุริยุปราคาเต็มดวงในอเมริกาเหนือ
ทุกวันนี้ดวงจันทร์กำลังถดถอยออกไป จากโลกทุกขณะ ฉะนั้นในอีกล้านปีข้างหน้า มันจะอยู่ไกลจนบังดวงอาทิตย์ไม่หมด และสุริยุปราคาเต็มดวงก็คงไม่มีให้มนุษย์เราเห็นอีก รู้งี้แล้วก็รีบๆ ดูนะครับ

ที่มา : ดร.สุทัศน์ ยกส้าน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)