เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 ได้เกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวงเหนือหอดูดาว
Mauna Kea ในหมู่เกาะฮาวาย เงามืดของดวงจันทร์เคลื่อนจากฮาวาย ผ่านประเทศเม็กซิโก จนกระทั่งถึงบราซิล
ท้องฟ้าเหนือเกาะฮาวายมืดตอนกลางวันนาน 7 นาที ซึ่งนับได้ว่า เป็นสุริยุปราคาที่นานที่สุด ครั้งหนึ่งในศตวรรษนี้ สุริยุปราคาเต็มดวง จะเกิดอีกครั้งหนึ่งในภูมิภาคนี้ในปี พ.ศ. 2675
มนุษย์ในสมัยโบราณให้ความยำเกรง และนับถือดวงอาทิตย์เสมอเหมือนเทพเจ้า เพราะดวงอาทิตย์
ให้ชีวิตแก่โลก และไม่มีดาวใด ในจักรวาลที่จะมีอิทธิพลต่อโลกเท่าดวงอาทิตย์ ดังนั้นเมื่อเห็นดวงอาทิตย์ถูก "ดับ"
ผู้คนจึงตระหนกตกใจและกลัวตายสุดๆ เมื่อ 42 ปีก่อนพุทธกาล ชนเผ่า Medes และ Hydians ถึงกับประกาศ
ยุติสงครามที่ได้สู้รบกันมาอย่างยืดเยื้อถึง 6 ปี ทันทีที่เกิดสุริยุปราคา และในปี พ.ศ. 1383 เมื่อโอรสของจักรพรรดิ
Charlemagne ได้ทอดพระเนตรเห็นสุริยุปราคา พระหทัยของพระองค์ ได้ทรงวายอย่างฉับพลันเพราะความกลัว
จักรพรรดิโรมันที่รุ่งเรือง ก็เริ่มสลายตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ในปี พ.ศ. 2462 Sir A. Eddington ได้ประสบ
ความสำเร็จในการใช้ปรากฏการณ์สุริยุปราคา ทดสอบทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ที่ว่า แสงจากดวงดาว
ขณะผ่านใกล้ดวงอาทิตย์จะเดินเป็นเส้นโค้ง ทำให้เราสามารถเห็นดาวที่อยู่เบื้องหลังดวงอาทิตย์ได้ นักดาราศาสตร์
ได้พบว่า
โดยเฉลี่ยแล้ว ในทุกๆ 1.5 ปี จะมีสุริยุปราคาเต็มดวงเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง และระยะเวลาในการเกิดจะ
นานบ้าง สั้นบ้าง ประมาณกันว่า ในชั่วชีวิตของคนหนึ่งๆ เขาจะมีโอกาสเฝ้าดูอุปราคาได้ อย่างมาก