ในสภาพปกติฮีเลียม (helium) เปนแกสที่หนักกวา ไฮโดรเจนแตเบากวาอากาศ จากการมีคุณสมบัติที่
เบากวาอากาศและที่ไมสามารถติดไฟลุกไหมได ทํ าใหวิศวกรในอดีตนิยมใชฮีเลียมบรรจุในบอลลูน เรือเหาะ
และลูกโป่ง
อาจจะเปนเรื่องแปลกที่ ถึงแมวาจักรวาลของเราจะมีฮีเลียมอุดมสมบูรณ เปนอันดับสองรองจาก
ไฮโดรเจนก็ตาม แตมนุษยก็เพิ่งพบฮีเลียมเมื่อ 100 ปมานี้เอง สาเหตุที่เปนเชนนี้เพราะฮีเลียมเปนแกสเฉื่อยที่ไม
กระตือรือรนในการทําปฏิกิริยากับธาตุใดๆ ดังนั้นสารประกอบที่มีฮีเลียมเปนองคประกอบในธรรมชาติจึงมีนอย
สวนเหตุผลอีกประการหนึ่งก็คือ เวลาธาตุกัมมันตรังสีปลดปลอยฮีเลียมออกมา มันจะลอยละลิ่วขึ้นเบื้องบน และ
หายไปในที่สุด
ในป พ.ศ. 2411 J. Janssen นักดาราศาสตรชาวฝรั่งเศสไดเห็นสเปกตรัม (spectrum) เสนสีเหลือง
ขณะที่เขากําลังสังเกตดูสุริยุปราคาเต็มดวงในประเทศอินเดีย เขาแถลงวา สเปกตรัมเสนที่เขาเห็นมาจากการแผรังสีของธาตุ
บนดวงอาทิตย ซึ่งธาตุนั้นยังไมมีใครพบเห็นบนโลกเลย ผลการสังเกตของเขาไดรับการยืนยันจาก J.N. Lockyer เมื่อวัน
ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2411 Lockyer จึงเสนอใหมีการตั้งชื่อธาตุใหมวา helium ซึ่งเปนคํ าที่มีรากศัพทมาจากคํ าวา
helios ในภาษากรีก ที่แปลวา ดวงอาทิตย์
อีก 27 ปตอมา W. Ramsay นักเคมีชาวสก็อตไดพบฮีเลียมบนโลกวาเปนธาตุที่ไดจากการสลายตัวของ
ยูเรเนียมในแร clevite ในเวลาตอมาก็ไดมีการพบแกสฮีเลียมในบอนํ้ ามันหลายแหงในประเทศสหรัฐอเมริกาและ
แคนาดา Ramsay จึงไดรับการยกยองวาเปนผูพบฮีเลียม การคนพบแกสนี้ และแกสเฉื่อยอื่นๆ เชน neon,
krypton และ xenon ทํ าให Ramsay ไดรับรางวัลโนเบลสาขาเคมีในป พ.ศ. 2447
ฮีเลียมเปนแกสชนิดสุดทายที่มนุษยสามารถทําใหมันกลั่นตัว เปนของเหลว ทั้งนี้เพราะจุดเดือดของมัน
ตํ่ ามากถึง -271 องศา เซลเซียส ฮีเลียมเหลวมีสภาพเปนของไหลยิ่งยวด (superfluid) เพราะมันสามารถจะไหล
ผานรูแคบเล็กหรือไหลขึ้นตามผนังภาชนะไดโดยไมมีแรงหนืดใดๆ ตอตานเลย นักฟสิกสเชื่อวาไมมีฮีเลียมแข็งใน
จักรวาล ปจจุบันฮีเลียมมีความสํ าคัญมาก นักวิทยาศาสตรนิยมใชฮีเลียมเหลวเปนสารหลอเลี้ยงใหไฮโดรเจน
และออกซิเจนคงสภาพเปนของเหลวเพื่อใชในการขับเคลื่อนจรวด วิศวกรใชฮีเลียมเหลวในเตาปฏิกรณปรมาณู
แพทยใชฮีเลียมเหลวในอุปกรณถายภาพอวัยวะภายในรางกาย ชางใชฮีเลียมเหลว