ทุกครั้งที่มีการพูดถึงกัมมันตรังสี คนสวนมากจะนึกถึงระเบิดปรมาณู หรือ
โรงงานไฟฟานิวเคลียร และมักจะคิดวาเมื่อประเทศเรายังไมถูกโจมตีดวยระเบิด
ปรมาณู และเรายังไมมีโรงงานไฟฟานิวเคลียร ภัยอันตรายจากกัมมันตรังสีก็ไมมี
แตในโลกของความเปนจริงนั้น รางกายไดรับกัมมันตรังสีตลอดเวลา
นักวิทยาศาสตรคาดคะเนวา 87 เปอรเซ็นตของรังสีที่รางกายไดรับมาจากกัมมันตรังสี
ที่มีในธรรมชาติ และอีก 13 เปอรเซ็นตที่เหลือมาจากสารกัมมันตรังสีที่มนุษยประดิษฐขึ้น
เมื่อโลกถือกําเนิดใหมๆ จากแกสที่กลั่นตัวเปนหินแข็ง โลกยังไมมีบรรยากาศ
และไมมีมหาสมุทร ภูเขาหรือทวีปใดๆ ผิวโลกเปนหินแข็ง และภายในหินมีสารกัมมันตรังสี เชน
ยูเรเนียมและทอเรียมแฝงอยู ธาตุเหลานี้สลายตัวโดยมีครึ่งชีวิต 14,000 ลานปและ
4,000 ลานปตามลํ าดับ (ครึ่งชีวิต คือเวลาที่สารกัมมันตรังสีใชในการสลายตัว ไปครึ่งหนึ่ง) ตามปกติในการสลายตัวนั้น จะมีความรอนเกิดขึ้นดวย ดังนั้นเมื่อหลายพันลานปกอนนี้
พลังงานความรอนจากการสลายตัว ของสารกัมมันตรังสีมีปริมาณมาก และเมื่อ
เวลาผานไปๆ พลังงานความรอนที่ถูกปลอยออกมาไดลดลงๆ จนถึงปจจุบันปริมาณความรอนที่เกิด
จากการสลายตัวของสาร กัมมันตรังสีภายในโลกมีคา 3 x 10 13 วัตต ซึ่งมากกวาปริมาณ
กระแสไฟฟาที่โลกผลิตในแตละปถึง 80 เทา สิ่งมีชีวิตตางๆ บนโลกไดใชพลังงาน
ความรอนนี้ในการดํารงชีพ จึงเปนเรื่องที่ไมผิด หากมีใครจะกลาววา ถาโลกไมมี
กัมมันตรังสี โลกก็จะไรซึ่งชีวิต
นอกจากกัมมันตรังสีจากใตโลกแลว เรายังไดรับกัมมันตรังสีจากแหลงตางๆ
บนโลกอีกดวย เชน จากจอโทรทัศน จากนาฬิกาเรืองแสง จากการทดลองระเบิดปรมาณู จาก
การตรวจรางกายดวยเอกซเรย หรือจากรังสีคอสมิก
นักวิทยาศาสตรไดพิสูจนใหเห็นแลววา กัมมันตรังสีเกิดจากการที่นิวเคลียสใน
อะตอมของธาตุอีกชนิดหนึ่งเปลี่ยนสภาพไปเปนนิวเคลียสของธาตุอีกชนิดหนึ่ง เชน จากยูเรเนียม
ไปเปนตะกั่วทั้งนี้ก็เพื่อวานิวเคลียสจะไดมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น และเราไดใชกัมมันตรังสีเหลานี้
ใหเปนประโยชนทั้ง