ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการป้องกันผลกระทบทางรังสีแก่ประชาชน และสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการรั่ว ของสารกัมมันตรังสี การเลือกสถานที่ ตั้งที่เหมาะสม จะต้องพิจารณาปัญหาด้านความปลอดภัย ดังนี้
1. ผลกระทบจากเหตุการณ์ต่าง ๆ
ภายนอกที่จะมีผล ต่อความปลอดภัย ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
2. ลักษณะภูมิประเทศและสภาวะแวดล้อมในการแพร่ด้านธรณีวิทยา
สถานที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ควรมีฐานรากทางธรณีวิทยาที่มั่นคง หลีกเลี่ยงบริเวณ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการพังทลายของชั้นดินและหิน
การเกิดดินทรุด และแผ่นดินถล่มทั้งที่มีสาเหตุเกิดจากธรรมชาติ และกิจกรรมของมนุษย์
เช่น สภาพพื้นที่มีความลาดชันสูง ภายใต้เป็นชั้นหินปูน หรือเป็นโพรง
มีการเจาะอุโมงค์ทำเหมืองแร่ และการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำใต้ดินจากการใช้น้ำบาดาล เป็นต้น กระจาย สารกัมมันตภาพรังสีสู่ประชาชน
3. ความหนาแน่นและการกระจายของประชากร
โดยรอบสถานที่ตั้ง ซึ่งอาจได้รับผลกระทบทางรังสี
น้ำสำหรับถ่ายเทความร้อนออกจากเครื่องปฏิกรณ์
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จะต้องมีแหล่งน้ำเพียงพอแก่การถ่ายเทความร้อน ออกจากเครื่องปฏิกรณ์ทั้งในกรณีฉุกเฉิน
และในสภาวะปกติ
|
แผ่นดินไหว สถานที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ห่างจากแผ่นดินไหว รัศมีอย่างน้อย 150 กิโลเมตร และในกรณีพบรอยเลื่อนของผิวโลก ชนิดซึ่งมีโอกาสทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของผิวโลกอยู่ในบริเวณที่จะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ สถานที่ตั้งนั้นไม่เหมาะสมที่จะใช้เป็นสถานที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ |
การก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะต้องออกแบบระบบความปลอดภัยให้มีความทนทานต่อแผ่นดินไหว ซึ่งจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้รุนแรงที่สุดในบริเวณนั้น และหากผลการศึกษาพบว่า สถานที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่ไม่มีผลกระทบจากแผ่นดินไหว โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยังจำเป็นต้องออกแบบ เพื่อป้องกันอันตรายจากแผ่นดินไหว อย่างน้อยที่สุด ให้ทนทานต่อความรุนแรงของแผ่นดินไหว ในระดับที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วคนไม่สามารถทรงตัวยืนอยู่ได้(0.1g)
นอกจากนี้ สถานที่ตั้งบริเวณชายฝั่งทะเล จะต้องศึกษาผลกระทบของคลื่นใต้น้ำ เนื่องจากแผ่นดินไหวในทะเลเพื่อออกแบบป้องกันไม่ให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้รับอันตราย
อุทกภัย สถานที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่ควรอยู่ในบริเวณพื้นที่ลุ่ม ซึ่งมีระดับน้ำท่วมสูง และจะต้องศึกษาผลกระทบของน้ำท่วม เนื่องจากพายุฝน น้ำขึ้นน้ำลง การพังทลายของเขื่อน หรือมีสิ่งกีดขวางปิดกั้นต้นน้ำลำธาร
ตลอดจนคลื่นจากแผ่นดินไหวในทะเล เพื่อนำไปออกแบบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ให้สามารถป้องกันอันตรายดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้นได้
วาตภัย ในบริเวณที่ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากพายุใต้ฝุ่น
จำเป็นต้องออกแบบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้มีความทนทานต่อแรงลม และความกดดันที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งการปะทะของวัสดุที่ปลิวมากับพายุ
อัคคีภัย ในรัศมีประมาณ 1-2 กิโลเมตร โดยรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จะต้องสำรวจแหล่งที่เป็นเชื้อเพลิง
เช่น คลังเก็บสินค้า โรงงานอุตสาหกรรมประเภทพลาสติก และไม้
เพื่อนำไปประกอบการออกแบบระบบป้องกันอัคคีภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
การแพร่กระจายของสารกัมมันตภาพรังสีในอากาศและน้ำ
บริเวณที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในภาวะผลิตไฟฟ้าตามปกติและในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
โดยวิเคราะห์การแพร่กระจายของสารกัมมันตรังสีในอากาศและน้ำผิวดินตามลักษณะภูมิประเทศของสถานที่ตั้ง
การรั่วซึมของสารกัมมันตภาพรังสีสู่ชั้นของน้ำบาดาล ทั้งนี้เพื่อประเมินความเสี่ยงภัยของประชาชนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้น
หากลักษณะภูมิประเทศไม่เอื้ออำนวยต่อการลดผลกระทบดังกล่าว และไม่สามารถออกแบบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ชดเชยในส่วนของความปลอดภัยได้
สถานที่ตั้งนั้น ไม่เหมาะสมที่จะใช้เป็นสถานที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
ความหนาแน่นของประชากร
สถานที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ควรตั้งอยู่บริเวณที่มีประชากรไม่หนาแน่น
ทั้งนี้เพื่อป้องกันผลกระทบทางรังสีที่อาจเกิดขึ้น และสามารถดำเนินมาตรการแก้ไขสถานะการณ์ในภาวะฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบสายส่งไฟฟ้า สถานที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
ควรอยู่ใกล้กับระบบสายส่งไฟฟ้า เพื่อสะดวกแก่การก่อสร้าง สายส่งไฟฟ้าที่ผลิตได้ เข้าสู่ระบบและการจัดหาไฟฟ้าสำรองให้แก่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
น้ำระบายความร้อน นอกจากน้ำที่ใช้ถ่ายเทความร้อนแล้ว
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยังต้องการแหล่งน้ำเพื่อระบายความร้อนหลังจากผลิตไฟฟ้า
ฉะนั้นสถานที่ตั้งควรอยู่ใกล้แหล่งน้ำ โดยต้องคำนึงถึงคุณภาพน้ำ
ปริมาณ และระดับน้ำที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละฤดูด้วย
ด้านสิ่งแวดล้อม จะต้องศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากผลกระทบทางรังสี
เช่น ผลการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำระบายความร้อนต่อสัตว์น้ำ
การเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศวิทยา ทัศนียภาพ สถานที่ท่องเที่ยว
และวัฒนธรรมที่สำคัญ ผลกระทบทางเสียง และฝุ่นละอองระหว่างการก่อสร้าง
เป็นต้น