อนาคตโทรคมนาคมโลก

เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อใกล้สิ้นปี บรรดานักคิด นักทำนาย ก็เริ่มจับเข่าคุยกันถึงปีหน้าว่า จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง วงการสื่อสารโทรคมนาคมเองก็ไม่ได้น้อยหน้าวงการอื่นๆ มีการตั้งคำถามว่า จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในปีหน้า หรืออีก 5 - 20 ปีข้างหน้า        คำทำนายของ Royal Institute of Technology ประเทศสวีเดนกันบ้าง ซึ่งคาดการณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านโทรคมนาคม คอมพิวเตอร์ และสารสนเทศไว้อย่างน่าสนใจว่า เทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้ มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้ในปีต่างๆ ดังนี้ ค.ศ. 2001 วิดีโอโฟนไร้สาย (ไวร์เลส วิดีโอโฟน) ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีเวบแคม (Webcam) กับโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งใช้งานร่วมกับเครื่องปาล์ม (Palm type) เป็นผลให้สามารถเข้าถึงเวบได้อย่างรวดเร็ว ค.ศ. 2002 เป็นปีที่จะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นหลายอย่าง เช่น - การจดจำเสียงพูด (Voice recognition) - โทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 (hird-generation Mobile : 3G) ซึ่งในยุคนี้โครงข่ายสื่อประสมเคลื่อนที่ หรือมัลติมีเดียจะกลายเป็นเรื่องธรรมดามาก และสามารถสื่อสารข้อมูลด้วยอัตรา 2 เมกะบิตต่อวินาที ขณะที่เครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นใหม่ๆ ทุกเครื่องสามารถใช้งานเวบได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแวพ (WAP) เรื่อยไปจนถึงการสื่อสารข้อมูลด้วยความเร็วที่สูงมากๆ ค.ศ. 2003 เวอร์ช่วล เรตินา ดิสเพลย์ (Virtual retinal displays) เป็นเทคโนโลยีที่จะใช้เครื่องฉาย (projector) ขนาดเล็กติดตั้งไว้ที่กรอบแว่นตา เพื่อฉายภาพไปบนเยื่อลูกตา หรือเรตินาของผู้ใช้โดยตรง ซึ่งจะช่วยให้สามารถรับทราบ หรือเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ แม้ในขณะที่เดินอยู่ หรือกำลังปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอยู่ ค.ศ. 2005 มาตรฐานแลนไร้สาย (ไวร์เลส แลน) ในปีนี้คาดว่าเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆ ทุกเครื่อง จะมีการติดตั้งอุปกรณ์ต่อเชื่อมระบบแลนไร้สาย (wireless LAN) ไว้พร้อมภายในตัวเครื่อง เพื่อความสะดวกของผู้ใช้งาน และถือเป็นอุปกรณ์พื้นฐาน ค.ศ. 2006 มีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่มากกว่าโทรศัพท์พื้นฐาน โดยราคาและค่าใช้จ่ายของเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ จะไม่แตกต่างจากโทรศัพท์พื้นฐานหรือโทรศัพท์ประจำที่มากนัก ประกอบกับบรรดาผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มีการแข่งขันกันมาก รวมทั้งมุ่งเน้นไปที่การสรรหาบริการเสริม หรือวิธีการส่งเสริมการขายต่างๆ มาหลอกล่อหาเงินจากผู้ใช้บริการ ขณะที่ผู้ใช้ต้องการความสะดวกสบายในขณะใช้งาน ที่สามารถเคลื่อนที่ หรือเดินทางได้พร้อมๆ กัน ค.ศ. 2007 สนทนากับคอมพิวเตอร์ได้ ระบบจดจำเสียงพูด (voice recognition) ที่มีการปรับปรุงให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ช่วยให้ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถตอบโต้กับเครื่องได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้แผงคีย์บอร์ดอีกต่อไป รวมทั้งเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ สามารถเชื่อมโยงคนเราเข้ากับคอมพิวเตอร์แปลภาษา ทำให้สามารถสื่อสารพูดคุยได้อย่างคล่องแคล่วทุกภาษาที่ต้องการ ค.ศ. 2008 อินเทอร์เน็ตบนดาวอังคาร มีการส่งกลุ่มดาวเทียมสื่อสารขึ้นไปโคจรรอบดาวอังคาร โดยดาวเทียมทุกดวงจะใช้เกณฑ์วิธี หรือโปรโตคอลมาตรฐานเช่นเดียวกับอินเทอร์เน็ต ค.ศ. 2010 เครื่องใช้ในครัวเรือนติดต่อกับอินเทอร์เน็ต บรรดาเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตู้เย็น เครื่องล้างจาน และอื่นๆ จะมีการติดตั้งอุปกรณ์เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตพร้อมภายใน เพื่อให้สามารถต่อเชื่อมอินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา เช่น เมื่อคุณแม่บ้านคิดจะทำต้มยำกุ้งสำหรับอาหารมื้อเย็น ระบบตรวจสอบซึ่งเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต จะแจ้งให้ทราบว่า คุณมีเครื่องปรุงต่างๆ ที่จำเป็นพร้อมหรือไม่ และถ้าตรวจพบว่าขาดสิ่งใด ระบบจะติดต่อไปยังร้านจำหน่าย เพื่อสั่งซื้อและนำสินค้าที่ขาดมาส่งให้ ค.ศ. 2011 โทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 4 (Fourth generation : 4G) ปีนี้คาดกันว่า ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่จะพัฒนาไปสู่ยุคที่ 4 ได้ และเป็นระบบในลักษณะบรอดแบรนด์ด้วย รวมทั้งสามารถสื่อสารข้อมูลด้วยความเร็วสูงถึง 100 เมกะบิตต่อวินาทีทีเดียว ค.ศ. 2015 รีโมท-คอนโทรล คาร์ (Remote-controlled cars) ท้องถนนจะมีความปลอดภัยมากขึ้น เมื่อมีการนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาควบคุมการจราจรอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปบังคับรถยนต์แทน ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุต่างๆ และกำหนดเส้นทางที่เหมาะสมให้กับรถยนต์ทุกคันโดยอัตโนมัติ (ถ้าพัฒนาได้แล้ว น่าจะมาลองประสิทธิภาพในเมืองไทยดูก่อน เผื่อบางทีพบกับสภาพการใช้รถใช้ถนนบ้านเราแล้ว อาจต้องนำกลับไปพัฒนาใหม่อีกก็เป็นได้) ค.ศ. 2020 โฮโลโฟน (Holophone) โดยเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่จะสามารถฉาย หรือแสดงภาพการเคลื่อนไหวของผู้คน หรือสิ่งของในแบบสามมิติได้ ค.ศ. 2025 เครื่องอ่านใจ (Mind Reading) ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีการจดจำ จะกลายเป็นของธรรมดาแล้วกว่าจะมาถึงปีนี้ รวมทั้งได้มีการนำเทคนิคการอ่านใจหรือเดาใจนี้ ไปใส่ในเครื่องเล่นเกมมาตั้งนานนมแล้วก็ตาม แต่จะมีการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งๆ ขึ้น โดยเครื่องอุปกรณ์จะทำหน้าที่เป็นเสมือนส่วนพ่วงของร่างกายผู้ใช้งาน เช่น รู้ใจเจ้าของว่าต้องการโทรศัพท์ไปเลขหมายนั้นๆ ก็จะทำการต่อให้โดยไม่ต้องสั่งด้วยเสียงให้เป็นที่รบกวนผู้อื่น ค.ศ. 2030 มนุษย์แฟรงเก้นสไตน์ อีกราว 30 ปีข้างหน้า คาดกันว่าผู้คนที่ยังมีชีวิตถึงตอนนั้นจะเริ่มสบายมากขึ้น ซึ่งไม่รู้ว่าจะสบายจริงหรือเปล่า หรือเพี้ยนไปเลยก็เป็นได้ เพราะเขาคิดกันว่าจะเริ่มมีการนำอุปกรณ์สื่อสารข้อมูลไร้สายขนาดเล็ก ต่อเชื่อมเข้าไปที่สมองมนุษย์ ทำให้สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว โดยการเรียนหนังสืออาจจะไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะด้วยโครงข่ายความเร็วสูงจะช่วยให้มนุษย์สามารถดึง หรือเก็บรวบรวมความรู้ต่างๆใส่ไว้ในสมองได้อย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมใช้งาน ตัวอย่างเช่น หากคุณไม่มีความรู้เรื่องภาษาญี่ปุ่นเลย แต่ต้องการพูดและเข้าใจภาษาญี่ปุ่น คุณก็เพียงดาวน์โหลดข้อมูลภาษาญี่ปุ่นในระดับต่างๆ ที่คุณต้องการใส่ไว้ในสมองของคุณ เท่านั้นเองคุณก็สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้อย่างสบาย หรืออาจเป็นภาษา และวิชาต่างๆ ก็ยังได้ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดการณ์ มีทั้งที่อาจเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ อย่าคาดหวังหรือวิตกกันจนเกินไป

แหล่งอ้างอิง : พันธ์ศักดิ์ ศรีทรัพย์.\"อนาคตโทรคมนาคมโลก\"[online]avaible.URL:http://www.thaitelecom.com/News/Techfocus/Techfocus-Generate.pl?2544/10/31-05-58-0001

โดย : นางสาว นิศา นวลขำ, รภ.เพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ฯ, วันที่ 15 สิงหาคม 2545