นร.ขอหลักสูตรใหม่

นร.ขอหลักสูตรใหม่เนื้อหาทันสมัยการบ้านน้อยดีสุด
เผยสำรวจความต้องการนักเรียนโรงเรียนดังหลายแห่ง ต้องการหลักสูตรใหม่ที่มีเนื้อหาทันสมัย การบ้านน้อย มีเวลาทำกิจกรรมที่คลายเครียด ชี้ที่ผ่านมาต้องแบกกระเป๋าใบโตแถมเรียนหนัก เวลาเรียนก็เครียดกลัวสู้เพื่อนไม่ได้ จนต้องพึ่งสถาบันติวทั้งวันหยุดและปิดเทอม จนไม่มีเวลาพักผ่อนระบุหากรัฐต้องการปฏิรูบการศึกษาจริงต้องเอาคนเก่งมาเป็นครู และทำให้โรงเรียนทุกแห่งมีคุณภาพเท่ากันไม่อย่างนั้นเด็กไทยต้องผจญชะตากรรมแบบเดิมไปจนตาย
“อยากให้ครูสอนวิชาการน้อยลง แต่เนื้อหาหนังสือต้องทันสมัยแข่งขันต่างประเทศได้ เวลาสอนควรเปิดโอกาสให้เด็กร่วมคิดร่วมทำ และมีวเลาช่วงพักคลายเครียดเหมือนสถาบันติวสอนและการฝึกอบรมของสถาบันต่างๆเด็กจะได้ไม่เบื่อ และครูควรเอาการเรียนแบบเก่าและใหม่มาผสมผสานในการสอน ไม่ใช่ให้เด็กไปค้นคว้าเองในห้องสมุดด้วยการให้การบ้านเยอะๆ แล้วบอกว่าเป็นการสอนแบบใหม่แล้วเน้เด็กเป็นศุนย์กลางแบบนั้นไม่ถูกถือว่าเป็นการเพิ่มความเครียดให้เด็ก” ธันยพร ปวุฒิยาพงศ์ นักเรียนชั้นม.4 สตรีศรีสุริโยทัย กล่าว
พร้อมทั้งเสนอว่าถ้าเป็นไปได้ครูควรให้การบ้านน้อยลงจากปัจจุบัน เพราะการให้การบ้านนักเรียนมาก จะทำให้นักเรียนเครียด ทำไม่ทัน และเรียนไม่ทันเพื่อน ทำให้หลายคนต้องไปพึ่งสถาบันติวในช่วงวันหยุดและช่วงปิดเทอม จนกลายเป็นว่า นักเรียนหลายคนในห้องเรียนกับครูน้อยกว่าเรียนกับติวเตอร์หรืออาจารย์พิเศษด้วยซ้ำไป
สอดคล้องกับความต้องการของ ”แนบภู ไชยวิสุทธิกุล” นักเรียนชั้นม.5 ศึกษานารี ว่าเนื้อหาที่ดีถูกต้องและทันสมัยของหนังสือ คือสิ่งจำเป็นที่สุดของหลักสูตรในแต่ระดับชั้น เพราะหากเนื้อหาล้าแล้วจะส่งผลกระทบไปถึงไปถึงคุณภาพของผู้เรียนทันที รวมทั้งวิธีสอนของครูผู้สอนต้องปรับให้ทันสมัยและเน้นให้นักเรียนทำกิจกรรม ทัศนศึกษาของจริงและหัดทำแบบฝึกหัด ลองผิดลองถูกด้วยตัวเองจะให้เกิดการเรียนรู้ไม่ใช่ให้เรียนแต่หนังสือจบแล้วทำอะไรไม่เป็น
“ที่สำคัญครูผู้สอนต้องเป็นคนเก่ง มีความรู้ในเนื้อหาที่จะสอนอย่างถ่องแท้ ไม่ใช่เอาคนที่สอบอะไรไม่ได้มาเป็นครูเหมือนอย่างปัจจุบันทำให้ผลิตนักเรียนที่เก่งๆเป็นไปได้ยาก ทำให้นักเรียนหลายคนต้องพึ่งสถาบันติว”
แนบภู เสนอว่าถ้ากระทรวงศึกษาธิการอยากปฏิรูปการศึกษาให้เกิดประโยชน์ต่อนักเรียนและประเทศชาติอย่างแท้จริง จะต้องทำให้โรงเรียนทุกแห่งมีคุณภาพการศึกษาอย่างเท่าเทียมกันและเอาคนที่เก่งมาเป็นครูและกำหนดให้นักเรียนห้องหนึ่งมีเพียง 30 คน จะได้ดูแลอย่างทั่วถึง
“ตราบใดที่มีนักเรียน 50-60 คนต่อครู 1 คนปรัชญาปฏิรูปการศึกษาที่เน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง และเน้นให้นักเรียนร่วมคิดร่วมทำกิจกรรมคงเกิดได้ยาก ทำได้มากก็แค่ครูสั่งการบ้านมากขึ้นและให้นักเรียนไปค้นเองซึ่งก็เข้าอีหรอบเดิมคือนักเรียนเป็นฝ่ายถูกกระทำไปตลอดชาติ”
ขณะที่ “กนิยะ อิสริยะประภา” นักเรียนชั้นม.4 บดินทรเดชา (สิงห์ เสนี)หนึ่งในนักเรียนโครงการเด็กปัญญาเลิศภาษาอังกฤษ เสนอว่าหลักสูตรที่ดีไม่ควรเน้นการบ้านมากและให้นักเรียนไปค้นคว้าในห้องสมุดมากเกินไป เพราะจะทำให้เด็กที่เรียนอ่อนมัปัญหาเรียนไม่ทันเพื่อนหลักสูตรควรเป็นเนื้อหาที่ดีทันสมัยให้นักเรียนทุกคนเรียนรู้ได้เท่าเทียมกัน และเปิดช่องให้ครูผู้สอนเอาความรู้ใหม่ๆมาสอนเพิ่มเติมได้
“การเรียนการสอนที่ดีหลักสูตรไม่ควรกำหนดให้ครูยึดเนื้อหาในตำราเรียนมากเกินไป ควรเปิดช่องให้ครูพลิกเพลงวิธีสอน วิธีประเมินใหม่ๆ เข้ามาด้วย ที่สำคัญกระทรวงศึกษาธิการควรปรับวิธการประเมินทุกระดับด้วย เพราะตราบใดที่ปรับแนวการสอนและประเมินยังคงใช้แบบเดิมเน้นแต่เนื้อหาวิชาการก็ไม่ถือว่าเป็นการปฏิรูปการศึกษา เพราะทุกอย่างยังเหมือนเดิม”
อย่างไรก็ตาม การปฏิรูปการเรียนรู้และหลักสูตรใหม่ที่กระทรวงศึกษาธิการ จะประกาศออกมาใช้ในเร็ววันนี้ จะสนองแนวคิดการจัดทำหลักสูตรที่ว่า เด็กไทยต้องเป็นคนที่สมบูรณ์ทั้งด้านความดี มีปัญญา มีความสุขและมีศักยภาพทั้งในการเรียนต่อและประกอบอาชีพ หรือๆไม่ต้องติดตาม

ที่มา หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ฉบับวันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2544


โดย : นาย คงคา แจ้งจบ, โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย, วันที่ 13 พฤศจิกายน 2544