เครือข่ายเสมือน


ปัจจุบันนักเรียนคุ้นเคยกับคอมพิวเตอร์และรู้จักที่จะใช้เวลาทั้งวันไปกับการเล่นเกมสนุกๆที่มีอยู่ในคอมพิวเตอร์มีเดีย โดยไม่สนใจที่จะศึกษาเล่าเรียนในโรงเรียนเหมือนแต่ก่อนจากประสบการณ์ของผู้เขียนพบว่าเยาวชนเป็นจำนวนไม่น้อยในระดับมัธยม
ที่สอนอยู่ ใช้เวลาตลอดสัปดาห์เข้าไปนั่งเล่นเกมส์ในร้านไซเบอร์คาเฟ่ข้างโรงเรียนในเวลาเรียนได้ทั้งวัน โดยผู้ปกครองไม่ทราบ และครูได้เช็คขาดเรียนโดยเข้าใจผิดว่าป่วย ต่อเมื่อย่างเข้าสัปดาห์ต่อมา ครูได้ติดต่อไปยังผู้ปกครอง และร่วมกันสืบดูพฤติกรรม จึงได้ทราบว่าตลอดสัปดาห์ที่แต่งเครื่องแบบนักเรียนออกจากบ้าน มาโรงเรียนพร้อมกับผู้ปกครองทุกวันนั้น นักเรียนไม่ได้เข้าประตูโรงเรียน แต่เข้าประตูร้านไซเบอร์ที่อยู่ใกล้ๆโรงเรียนนั่นเอง ผู้เขียนได้ปรารภกับเพื่อนครูต่างโรงเรียนอีกหลายแห่ง ก็ได้พบปัญหาทำนองเดียวกัน จึงเกิดคำถามขึ้นว่า
-ทำไมเกมส์ในคอมพิวเตอร์จึงดึงดูดความสนใจของเยาวชนนักหนา
-เดี๋ยวนี้ การเรียนการสอนในห้องเรียนน่าสนใจน้อยกว่าเกมส์มาก จนกระทั่งนักเรียนหมดเยื่อใยที่จะเข้าเรียนได้อีกต่อไปแล้ว หรือไร
-ไม่มีใครเลยหรือที่จะแนะนำนักเรียนให้เรียนรู้วิธีการแสวงหาความรู้สนุกๆจากอินเทอร์เน็ตซึ่งมีอยู่มากมายมหาศาล และก็อยู่ในคอมพิวเตอร์ ที่นักเรียนเล่นแต่เกมส์นั่นแหละ
-หรือว่า แหล่งความรู้สนุกๆที่มีมากมายเหล่านั้นต้องใช้ระบบอินเทอร์เน็ตที่ยุ่งยากมากสำหรับสถานศึกษาที่ไม่พร้อม ในร้านไซเบอร์มีระบบพร้อมกว่า สะดวกกว่า เล่นเกมส์ทางอินเทอร์เน็ตก็ง่ายดาย
-หรือว่า อันที่จริงแล้ว เรายังขาดแคลนข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อเยาวชนของเรา นักเรียนพันธ์ใหม่พิจารณาเองได้ว่าเป็นแนวเก่า ไม่สมยุค จึงเบื่อเหลือเกิน
-หากเป็นไปได้ทุกคำถาม ครูที่ห่วงใยนักเรียน คงจะเพิกเฉยต่อพฤติกรรมระบาดนี้ไม่ได้
มีอะไรที่ครูจะทำได้บ้างในช่วงของการปฏิรูปการศึกษา ก็น่าจะลองช่วยๆกันดู
แนวคิดหนึ่งสำหรับครูที่พอจะมีความรู้ทางไอที (IT-Information Technology) อยู่บ้าง คือ
-การจัดหา และรวบรวมการนำเสนอความรู้สนุกๆ ที่น่าสนใจและมีสาระซึ่งมีอยู่มากมายมหาศาลทางอินเทอร์เน็ตนั้น มาหลอกล่อ และเรียกร้องความสนใจของนักเรียนบ้าง
-บอกวิธีการ ค้นหาและเลือกข้อมูลบนเครือข่ายให้นักเรียนเปิดหาสิ่งที่ตนต้องการได้ -แนะนำให้นักเรียนเปิดดูโฮมเพจจากเครื่องแม่ข่ายของโรงเรียน (server) บ้าง
-สำหรับบางสถานศึกษาที่กำลังรอความพร้อมของระบบอินเทอร์เน็ตอยู่ ครูอาจใช้การบันทึกความรู้ที่ค้นได้จากอินเทอร์เน็ตมาเก็บไว้ ในแผ่นซีดีรอมแล้วเปิดให้นักเรียนดูได้จากระบบออฟไลน์ที่มี โดยที่ทุกข้อมูลมีสภาพเหมือนกับเปิดบนอินเทอร์เน็ต ความรู้ที่นำมาบันทึกบนแผ่นซีดีรอมในลักษณะนี้ ดร.มธุรส จงชัยกิจ* เรียกว่า เครือข่ายเสมือน (Virtual Web) ซึ่งน่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยการเรียนการสอนได้ในยุคนี้







เครือข่ายเสมือน จึงเป็นข้อมูลที่ได้รับการเลือกสรรมาแล้วเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะของผู้จัดทำ เนื่องจากระบบอินเทอร์เน็ต ในบ้านเราเมืองเรายังขาดความพร้อมอยู่ไม่น้อย อีกทั้งผู้คนในยุคนี้มีเวลาจำกัดนักในการเปิดหาข้อมูลต่างๆ ต่อเมื่อค้นหาได้ข้อมูลที่คิดว่าน่าสนใจ เป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอน หากไม่บันทึกเก็บไว้ คิดรอที่จะเปิดดูใหม่ภายหลังอาจไม่พบข้อมูลนั้นอีก เพราะระบบอินเทอร์เน็ตขัดข้องบ้าง เจ้าของข้อมูลล้างข้อมูลออกแล้วบ้าง การเก็บบันทึกข้อมูลทันทีที่พบเห็นมาไว้ในแผ่นซีดีรอมตามสภาพที่เปิดใช้บนเครือข่าย (อินเทอร์เน็ต) เพื่อนำมาเปิดใช้ประโยชน์ภายหลังในเวลาใดก็ได้ที่ต้องการจะเปิด จึงช่วยให้ผู้ใช้เกิดการแสวงความรู้ได้โดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่
การพัฒนาเครือข่ายเสมือน
การพัฒนาเครือข่ายเสมือน ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพราะปัจจุบันครูมีความรู้เบื้องต้นในการใช้งานคอมพิวเตอร์ รู้ภาษาต่างประเทศ ใช้งานโปรแกรมอ่านข้อมูลเว็บ (the Use of Browser)ได้ เพียงเรียนรู้การพัฒนาข้อมูลเว็บในรูปของเว็บเพจ
(Wep Page Development) เพิ่มเติม ก็สามารถพัฒนาเครือข่ายเสมือนได้แล้ว

การจัดเก็บข้อมูลเว็บเพื่อนำมาใช้เป็นเครือข่ายเสมือนแบบออฟไลน์
โดยทั่วไป ข้อมูลเว็บแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะใหญ่ คือ
1. ข้อมูลแสดงผลแบบไม่มีกรอบ (Normal Page)
2. ข้อมูลแสดงผลแบบมีกรอบ Framed Page)
การจัดเก็บข้อมูลเว็บเพื่อนำมาใช้แบบออฟไลน์ควรใช้โปรแกรมประเภทบราวเซอร์ อย่าง Netscape Communicator Version 4 ขึ้นไป เพราะมีการช่วยเหลือจัดการหลายอย่างที่ Internet Explorer ไม่มี เช่น การรับ-ส่งเมล์ การช่วยสร้างเว็บ (Netscape Composer) ในการจัดเก็บแบบที่จะกล่าวถึงนี้ โปรแกรมจะช่วยดึงไฟล์ภาพมาเก็บรวมไว้กับไฟล์ HTML ตลอดจนการเชื่อมโยงสู่เว็บอื่นๆ (web Link) มาให้ทั้งหมด โดยไม่เกิดการขาดตอน

การจัดเก็บข้อมูลที่แสดงผลแบบไม่มีกรอบ
เมื่อพบข้อมูลที่ต้องการให้คลิกเมนู File - Edit Page เมื่อข้อมูลมาครบ บนหน้าจอของโปรแกรมช่วยสร้าง (Composer) แล้ว คลิกเมนู File - Save as เพื่อจัดเก็บข้อมูล โดยใช้ชื่อที่มีมาให้แล้วในช่อง File Name ได้เลย ควรสร้าง Folder ขึ้นใหม่ในการจัดเก็บแต่ละครั้ง เพราะไฟล์ภาพต่างๆที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นหน้านั้น จะถูกดึงมาเก็บไว้ที่เดียวกัน ขอให้คลิกปิดกรอบโปรแกรม Composer ก่อนเริ่มการจัดเก็บครั้งต่อไป

การจัดเก็บข้อมูลที่แสดงผลแบบมีกรอบ
ผู้ใช้ควรศึกษาวิธีพัฒนา เว็บเพจแบบมีกรอบให้เข้าใจก่อนว่า การแสดงผลข้อมูลแบบมีกรอบเป็นการแสดงผล ที่เกิดจากการทำงานร่วมกันของไฟล์มากกว่า 1 ไฟล์ขึ้นไปโดยมีไฟล์หลักเป็นตัวแบ่งเนื้อที่ออกเป็นกรอบต่างๆและเรียกเนื้อหาจากไฟล์อื่นๆ มาแสดงผลในแต่ละกรอบนั้น ตัวอย่างเช่น จำนวนไฟล์เริ่มต้น คือ 3 เมื่อมีการแบ่งเป็น 2 กรอบ และ จำนวนไฟล์เริ่มต้น
คือ 4 เมื่อมีการแบ่งเป็น 3 กรอบ ในการจัดเก็บจึงต้องตามเก็บให้ครบ และเปิดดูข้อมูลเริ่มจากไฟล์หลักที่แบ่งกรอบเสมอ โดยเมื่อเข้าสู่หน้าจอที่แบ่งเป็นกรอบ ให้ใช้คำสั่ง Edit Page-Save As เพื่อจัดเก็บไฟล์หลัก โดยสังเกตว่าหน้าจอที่ปรากฏบนโปรแกรม Composer จะว่างเปล่า คลิกบนพื้นที่ของกรอบที่ต้องการทีละกรอบ ก่อนคลิกเมนูมาครบ ใช้ชื่อที่ให้มาในการจัดเก็บแต่ละครั้งได้เลย โดยคลิก Save ข้อมูลไฟล์อาจต้องนำมาจัดการใหม่ในการเชื่อมโยง (Link) เพื่อให้ใช้งานได้แบบ Off Line

การออกแบบเว็บไซต์ทางการศึกษา
การออกแบบสามารถคำนึงถึงการใช้งานเป็นหลักเพื่อกำหนดองค์ประกอบภายในเวป เช่น ออกแบบให้มีทั้งเนื้อหาสาระความรู้ กิจกรรมและแบบทดสอบต่างๆ ตลอดจนแผนการสอน หน่วยการเรียน สาระความรู้สำหรับครู ผู้เรียน ผู้ปกครอง เพื่อเสริมหลักสูตรการเรียนการสอน หรือออกแบบเพื่อการค้นคว้า ขยายวงความรู้ให้กว้างขวางออกไป ด้วยการค้นหาแหล่งความรู้เว็บไซต์ที่น่าสนใจต่างๆ มาจัดนำเสนอแบบพร้อมใช้ คือเป็นข้อมูลตำแหน่งเว็บไซต์ (Location) ที่เพียงคลิกแบบข้อความ ก็ส่งไปยังเว็บไซต์ที่ต้องการได้เลย
ไม่ว่าจะออกแบบอย่างไร ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสร้างเว็บเพจเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งปัจจุบันสามารถทำได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความรู้ทางการเขียนโปรแกรมภาษาHTML อย่างแต่ก่อน เพียงเรียนรู้หลักเบื้องต้นบ้างเล็กน้อย ก็เพียงพอที่จะพัฒนาเวบเพจได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว โปรแกรมที่ช่วยพัฒนาเว็บตัวหนึ่งที่หาใช้ได้ง่าย และมีกันโดยทั่วไป ได้แก่ Netscape Composer และ Notepad ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้ง่าย ถูกออกแบบมาให้ช่วยพัฒนาเว็บ ส่วน Notepad เป็นเอดิเตอร์ คือโปรแกรมช่วยเขียนคำสั่งใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไปที่นำมาประยุกต์ใช้ได้ ทำให้ไม่ต้องพึ่งโปรแกรมเฉพาะทางอย่าง HTML Pro 3 ได้เลยเพราะมีมากับโปรแกรม Windows อยู่แล้ว

การออกแบบเว็บและโฮมเพจ
การออกแบบเว็บและโฮมเพจต้องอาศัยความเข้าใจเบื้องต้น ได้แก่
1. รูปแบบความเชื่อมโยงที่นิยมกันในการพัฒนาเว็บ (Link) ซึ่งได้แก่
-การเชื่อมโยงภายในไฟล์เดียวกัน
-การเชื่อมโยงระหว่างไฟล์ HTML และไฟล์ HTML ด้วยกัน
-การเชื่อมโยงจากไฟล์ HTML ไปยังเว็บไซต์อื่นๆ

2. การจัดทำภาพข้อความ เพื่อนำเสนอในรูปแบบตั้งแต่เบื้องต้น จนถึงระดับที่สวยงามเร้าใจ
-ภาพทีใช้ควรอยู่ในสกุล jpg -gif แต่ปัจจุบัน โปรแกรม Netscape Composer มีความสามารถแปลงไฟล์ให้ได้จากหลายสกุล
-การใช้ข้อความควรคำนึงถึง ฟอนต์ (Font) ซึ่งถ้าต้องการความสวยงาม ขนาดคงที่และแน่ใจว่าผู้ใช้จะเห็นอย่างนั้นแน่นอน ควรจัดทำเป็น Image Text (ข้อความที่แปลงเป็นภาพ) เสียก่อนที่จะนำมาเสนอบนเว็บ จะช่วยได้มาก

3. การออกแบบไฟล์เริ่มต้นของ Homepage ในชื่อ index.htm หรือ .html และเก็บไฟล์เป็นชุดหมวดหมู่เพื่อเรียกใช้งานง่ายและไม่เกิดปัญหาในการหาไฟล์ภาพไม่พบ แล้วแสดงผลผิดพลาด

4. การจัดทำเฟรม (Frame) ปัจจุบันโปรแกรม Netscape Composer มีความสามารถสูงมากในการช่วยเขียนเว็บ แต่การจัดทำเฟรม ยังพึ่งการเขียนคำสั่งภาษาHTML โดยเอดิเตอร์ต่าง ๆ เช่น Notepad เป็นต้น การจัดทำเฟรมเป็นการคำนึงถึงผู้ใช้ จึงออกแบบให้เกิดการใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น คือ
-ลดการคลิกเลื่อนจอภาพ (Scrolling) เพื่ออ่านข้อมูลยาวๆในหน้าจอได้
-จัดแบ่งพื้นที่บนจอทำให้เกิดระเบียบสวยงามน่าใช้ และเป็นสัดส่วนอิสระจากกัน

ทั้งนี้ ไม่ว่าผู้พัฒนาเครือข่ายเสมือนจะจัดสรรเนื้อหาสาระที่ได้มาจากการสืบค้น เพื่อนำไปสู่จุดประสงค์ใดของการเรียนการสอน หรือในกลุ่มวิชาใดก็ตาม ผู้เรียนล้วนสามารถศึกษาและใช้งานสื่อเหล่านี้ได้ตามต้องการ ตลอดเวลาและเป็นรายบุคคล ส่วนครูผู้สอนสามารถนำมาจัดกิจกรรมเสริมการเรียนการสอนโดยออกแบบกิจกรรมและแผนการสอนให้ใช้ได้ในสถานการณ์ทั้งในและนอกห้องเรียน

เครือข่ายเสมือนจึงเป็นอีกนวัตกรรมหนึ่งที่ช่วยการเรียนการสอนในระยะปฏิรูปการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี.




โดย : นาง พรรณี ชุติวัฒนธาดา, โรงเรียนศรีพฤฒา, วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2545