กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม
1. กฎหมายเกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ (Nature Conservation Act) กฎหมายและข้อบังคับประเภทนี้ประกอบด้วย พ.ร.บ. คุ้มครองและรักษาสัตว์ป่า พ.ศ. 2535, พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 และพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งพ.ร.บ.ทั้ง 3 ฉบับนี้ พื้นที่ครอบคลุมทั้งส่วนพื้นดินและพื้นน้ำ โดยเฉพาะพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาตินั้นได้ให้ความหมายว่า ส่วนพื้นที่ ในที่นี้รวมถึงส่วนพื้นน้ำในเขตอุทยานแห่งชาติด้วยให้กรมป่าไม้เป็นหน่วยงานที่ใช้กฎหมายฉบับนี้
2. กฎหมายว่าด้วยการสำรวจและใช้ประโยชน์ทรัพยากร (Natural Resources Exploitation Act) กฎหมายประเภทนี้มีหลายฉบับ เช่น พ.ร.บ.ป่าไม้ ปี 2484 เป็นกฎหมายที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ในการคุ้มครองและจัดการป่าไม้ของประเทศไทย พ.ร.บ.ประมง ปี 2490 เป็นกฎหมายที่ควบคุมและจัดการใช้ประโยชน์ทรัพยากรประมง กรมประมงเป็นผู้ใช้กฎหมายฉบับนี้ พ.ร.บ.แร่ ปี 2510 เป็นกฎหมายที่ให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่ของกรมทรัพยากรธรณีอนุญาตการทำเหมืองรวมทั้งควบคุมการผลิตและการจำหน่ายแร่ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ปี 2511 เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดการสำรวจและผลิตน้ำมันและแก๊ส ซึ่งการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยเป็นผู้ใช้กฎหมายฉบับนี้และ พ.ร.บ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยปี 2522 เป็นกฎหมายที่ให้อำนาจแก่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในการสำรวจ วางแผน และพัฒนาการท่องเที่ยว
3. กฎหมายว่าด้วยการป้องกันสิ่งแวดล้อม (Environmental Protection Act) กฎหมายว่าด้วยการป้องกันสิ่งแวดล้อมได้แก่ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ปี 2535 เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศ รวมทั้งการควบคุมผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากโครงการพัฒนาต่าง ๆ พ.ร.บ. ดังกล่าวมี 3 หน่วยงาน คือ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ และสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบและดำเนินการตามกฎหมาย
4. กฎหมายว่าด้วยการใช้ประโยชน์ดินและน้ำ กฎหมายที่เกี่ยวกับที่ดินในประเทศไทยนั้นมีความสลัลซับซ้อน แต่เมื่อพิจารณาถึงตัวบทกฎหมายที่อยู่ในกลุ่มนี้แล้ว ประกอบด้วย 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ กฎหมายการถือครองที่ดิน และกฎหมายการวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน สำหรับกฎหมายที่ว่าด้วยการถือครองที่ดินประกอบด้วยกฎหมายว่าด้วยกฎหมายที่ดินของประเทศไทย ปี 2497 และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิการถือครองที่ดินซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายอื่น ๆ ที่าำคัญได้แก่ พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ ปี 2521 และพ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม ปี 2518 สำหรับกฎหมายในกลุ่มของการวางแผนการใช้ที่ดินนั้นประกอบด้วย พ.ร.บ.ผังเมือง ปี 2535 พ.ร.บ.จัดประเภทการใช้ที่ดินเพื่อการเกษตร ปี 2457 พ.ร.บ.พัฒนาที่ดิน ปี 2526 กฎหมายดังกล่าวนี้จะเป็นกรอบในการวางแผนการใช้ที่ดินทั้งในเมืองและชนบท และผนวกกับกฎหมายการแบ่งเขตที่ดิน ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบันทั้งเก่าและใหม่ เช่น พ.ร.บ. ควบคุมการก่อสร้างอาคาร ปี 2522
ส่วนกฎหมายที่เกี่ยวกับพื้นที่น้ำ ได้แก่ พ.ร.บ.การเดินเรือในเขตน่านน้ำไทย ปี 2456 ซึ่งเป็นกฎหมายที่เก่าแก่ที่สุด ครอบคุมทั้งการเดินเรือในทะเลและลำน้ำภายใน โดยในส่วนที่ 7 ของพ.ร.บ. ดังกล่าวได้ให้ความหมายของคำว่า "น่านน้ำไทย" หมายรวมถึง "เขตน่าน้ำไทยทั้งหมด ท่าเรือ ที่จอดเรือ แม่น้ำ และลำคลองทั้งหมดในราชอาณาจักรไทย" ส่วนหนึ่งของข้อตกลงเจนีวาปี 2505 ที่เกี่ยวกับกฎหมายทะเล และตามข้อตกลงของกฎหมายทางทะเลของสหประชาชาติ ปี 2525 ซึ่งประเทศไทยในคู่สัญญาด้วยเขตน่านน้ำไทยครอบคลุมพื้นที่ในระยะ 12 ไมล์ทะเล และ 24 ไมล์ทะเลสำหรับเขต Contiguous ซึ่งวัดจากเส้นฐานตั้งแต่ปี 2509 เป็นต้นมา และในปี 2512 รัฐบาลไทยได้ประกาศการครอบครองทรัพยากรธรรมชาติบริเวณไหล่ทวีป ทั้งที่อยู่ในน้ำและที่อยู่ใต้ดิน ทั้งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ขณะเดียวกันในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2524 ประเทศไทยก็ได้ประกาศขยายอาฯาเขตเศรษฐกิจจำเพาะออกไปเป็น 200 ไมล์ทะเล อย่างไรก็ดีในความหมายของคำว่า "ชายฝั่งทะเล" นั้น ยังไม่มีข้อกำหนดทางกฎหมายและในเอกสารอื่น ๆ
นอกจากนี้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือในเขตน่านน้ำไทยดังกล่าวแล้วยังมีกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์พื้นที่น้ำ เช่น พ.ร.บ. รักษาเส้นทางเดินเรือ ปี 2446 พ.ร.บ.การชลประทาน ปี 2485 พ.ร.บ. คลองส่งน้ำ ปี 2526 เป็นต้น อย่างไรก็ดีกฎหมายดังกล่าวนี้มีความสำคัญน้อยกว่าการจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเล เพราะความเกี่ยวข้องของกฏหมายเหล่านี้มีเฉพาะส่วนพื้นน้ำภายในมากกว่าพื้นน้ำบริเวณชายฝั่งทะเล |