ดาวเคราะห์สีแดง


ในระบบสุริยะ ดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์ดวงที่ 4 นับจากดวงอาทิตย์ ดาวอังคารมีขนาดเล็กกว่าโลกมาก ลักษณะพื้นผิวคล้ายโลกคือ มีภูเขา ภูเขาไฟ ทะเลทราย หุบเขาสูงชัน ขั้วน้ำแข็ง เป็นต้น บรรยากาศบนดาวอังคารมีความหนาแน่นน้อยกว่าโลกมาก ส่วนมากเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ยังพบเมฆ พายุ ฝุ่น ไอน้ำ และผลึกน้ำแข็งบริเวณขั้วของดาวอังคาร สิ่งที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่าดาวอังคารน่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่คือ มีลักษณะพื้นผิวที่เหมือนคลองอยู่มากมาย
สำรวจดาวเคราะห์สีแดง
ความน่านใจของดาวอังคารนำไปสู่การส่งยานอวกาศไปสำรวจดาวอังคารหลายครั้ง เริ่มด้วยการส่งยานมารีเนอร์ 4 ไปโคจารอบดาวอังคารในปีพ.ศ. 2508 เพื่อส่งข้อมูลและภาพถ่ายเกี่ยวกับดาวอังคารกลับมายังโลก และหลังจากนั้นก็ส่งยานอวกาศอื่นๆอีกมากมาย ก่อนที่จะส่งยานไวกิ้งลงจอดบนพื้นผิวดาวอังคาร ยานไวกิ้ง 1 และ 2 ได้ลงจอดบนดาวอังารในปีพ.ศ. 2519 เพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิตแต่ผลที่ได้คือ ไม่มีอะไร ตั้งแต่นั้นมาคนส่วนใหญ่ก็สรุปว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่บนดาวอังคาร จนกระทั่งมีการค้นพบสิง่ที่คิดว่าน่าจะปเป้นซากสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วบนหินอุกกาบาตที่มาจากดาวอังคาร
ดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์ที่มีบรรยากาศคล้ายโลกแต่ว่าหนาวเย็นกว่า และสันนิษฐานว่าอาจมีสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร
ในปีพ.ศ. 2440 เฮท.จี.เวล์ลส์ นักเขียนนวนิยายได้เขียนเรื่อง “The War of World” เป็นครั้งแรก เป็นเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ดาวอังคารบุกโจมตีโลกของเรา
หลังจากยานแพทไฟเดอร์ลงสู่พื้นผิวดาวอังคารเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ.2540 ก็ได้ส่งภาพพื้นผิวดาวอังคารกลับมายังโลกจำนวนมาก ภาพด้านบนเป็นก้อนหินชื่อโยกิ มีผิว 2 สีต่างกันชัดเจน อาจเกิดจากฝุ่นสีน้ำตาลแดงปกคลุมก้อนหินซีกหนึ่ง หรืออาจเป็นชิ้นส่วนแตกมาจากหินก้อนใหญ่ ขณะครั้งเกิดน้ำท่วใพื้นที่บริเวณนี้




การสำรวจดาวอังคาร
พ.ศ. 2148 โจฮันเนส เคปเลอร์ สำรวจวงโคจรของดาวอังคาร และพบว่ามีวงโคจรเป็นรูปวงรี
พ.ศ. 2179 เป็นครั้งแรกที่มีการร่างภาพพื้นผิวดาวอังคาร
พ.ศ. 2199-2202 มีการสังเกตพื้นผิวดาวอังคาร และพบว่าการโคจร 1 รอบใช้เวลา 24 ชั่วโมง
พ.ศ. 2209 คาสสินี วัดวงโคจรได้ 24 ชั่วโมง 40 นาที
พ.ศ. 2247-2320 วิลเลียม เฮอร์สเคล พบว่าขั้วของดาวอังคารเป็นชั้นหนาของน้ำแข็ง
พ.ศ. 2437 เพอร์ซิวอล โลเลลล์ สร้างหอดูดาว Flagstsff ที่อาริโซนา สหรัฐอเมริกา เพื่อใช้ สังเกตดาวอังคารเป็นหลัก ทำให้สามารถผลิตแผนที่พื้นผิวดาวอังคารเพิ่มเติมได้
พ.ศ. 2508 ยานมารีเนอร์ 4 ส่งภาพพื้นผิวดาวอังคารกลับโลก 21 ภาพ
พ.ศ. 2514-2515 ยานมารีเนอร์ 9 ส่งภาพพื้นผิวดาวอังคารกลับโลก 7,329 ภาพ
พ.ศ. 2519 ยานไวกิ้ง 1 ลงดาวอังคารเมื่อ 20 กรกฎาคม ตามด้วยยานไวกิ้ง 2 เมื่อ 3 กันยายน ยานไวกิ้งได้ถ่ายภาพพื้นผิวดาวอังคารจำนวนมากและยังค้นหาร่องรอยของสิ่งมีชีวิตด้วย
พ.ศ. 2540 ยานแพทไฟเดอร์ลงสำรวจพื้นผิวดาวอังคาร
ตรวจหาสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร
อุกกาบาต ALH84001 ได้ตกลงบนโลกเมื่อประมาณ 13,000 ปีก่อนในช่วงระยะเวลานั้นมนุษย์ยังอลู่ในยุคหิน ชิ้นส่วนของอุกกาบาตยังคงอยู่ที่นั่นถูกพบเมื่อพ.ศ.2527 แต่ไม่มีใครสนใจมากนักเป็นเวลานาน จนกระทั่งมันได้ถูกกำหนดว่าเป็นอุกกาบาตที่มาจากดาวอังคาร การศึกษาอุกกาบาตจึงได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2539 นักวิทยาศาสตร์ได้ประกาศว่าพบร่องรอยของสิ่งมีชีวิตในยุคโบราณจากดาวอังคาร
หลักฐานเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต
อุกกาบาต ALH84001 มีขนาดเท่ามันฝรั่งขนาดใหญ่ มีอายุประมาณ 4.5 ล้านล้านปี ประมาณช่วงที่ดาวอังคารเกิด และเชื่อวาประมาณ 3.6 ล้านล้านปีมาแล้ว น้ำที่เต็มไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งมาจากบรรยากาศของดาวอังคารได้ซึมเข้าไปในรอยแยกของหินทำให้เกิดคาร์บอเนตก้อนกลมๆอยู่ตามรอยแตกของหิน และเชื่อต่อไปอีกว่า เมื่อก้อนกลมขยายใหญ่ขึ้นจะดักพวกสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมากๆเอาไว้ แล้วกลายเป็นซากในรอยแตกของหินนั้น
ใช่…สิ่งมีชีวิตแน่หรือ น่าสงสัยจัง
ดร.เดวิด เมคเคย์ นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์อวกาศองค์การนาซาซึ่งเป็นหัวหน้าโครงการนี้กล่าวว่า “จริงๆแล้วเป็นการแปลของเราเองว่าสิ่งเหล่านี้คือรูปร่างของซากสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วจากดาวอังคาร” ผลการตรวจหาอนุภาคของแมกนีไทท์และเหล็กซัลไฟด์ในก้อนกลมคาร์บอเนต พบว่า อนุภาคเหล่านี้มีลักษณธคล้ายแบสิ่งที่แบคทีเรียชนิดที่ไม่ต้องใช้ออกซิเจนหายใจ และพวกสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วอื่นๆบนโลกผลิตออกมา คณะทำงานของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ค้นพบสาร Polycyclie Aromatic HydrocarbonS (PAH) ในบริเวณที่ตรวจได้ง่ายๆในอุกกาบาต ALH84001 โดยเฉพาะในบริเวณก้อนกลมคาร์บอเนต ดร.ริชาร์ด ซาร์หัวหน้าคณะทางเคมีของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดชี้ให้เห็นว่ามี PAHs ภายในหินที่อยู่ลึกเข้าไปข้างในมากกว่าอยู่ใกล้ผิวหน้า เขาจึงเชื่อว่า PAHs ไม่ใช่สิ่งปนเปื้อนจากพื้นดินแต่แทรกซึมอยู่ในหิน เพราะถ้าไม่อย่างนั้นแล้วจะพบปริมาณของ PAHs ที่ผิวมากกว่าภายในหิน
โรเบรต์ เคลย์ตัน นักเคมีทางธรณีจากมหาวิทยาลัยชิคาโก ได้ชี้ให้เห็นว่า PAHs เป็นสารประกอบที่มีได้มากมาย และไม่ควรใช้ตรวจสอบสิ่งมีชีวิต
นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นพ้องว่า อุกกาบาต ALH84001 มาจากดาวอังคาร แต่ยังมีข้อน่าสงสัย
วิลเลียม สคอพฟ์ นักชีววิทยาเกี่ยวกับซากดึกดำบรรพ์ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ได้ชี้ให้เห็นว่าซากดึกดำบบรรพ์ขนาดจิ๋วที่ค้นพบนั้นมีขนาดเล็กเป็น 100 เท่าที่พบบนโลก นอกจากรูปร่างแล้วยังไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับช่องว่างภายในซากดึกดำบรรพ์ขนาดจิ๋วหรือหลักฐานอื่นๆของวงจรสิ่งมีชีวิต หรือการแบ่งเซลล์ เขาจึงคิดว่ามันอาจเป็นสิ่งไม่มีชีวิต



โดย : นาย อภิเดช ลีนานนท์, โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย, วันที่ 25 พฤศจิกายน 2544