บทเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
หัวข้อเรื่อง สู่อวกาศ
จุดประสงค์ ให้นักเรียนสามารถที่จะ
- อธิบายการใช้ประโยชน์จากอวกาศ
- ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการส่งจรวดและดาวเทียมออกสู่วงโคจรของโลก
- อธิบายผลกระทบที่เกิดจากการใช้ประโยชน์จากอวกาศ
เนื้อหา
- การออกไปสำรวจอวกาศทำให้มนุษย์ได้ความรู้เกี่ยวกับโลกและดวงดาวต่างๆ ทราบถึงความเป็นมาของระบบสุริยะ และอนาคตของระบบสุริยะ
- ในระบบสุริยะ ดาวเคราะห์ทั้งหลายรวมทั้งโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ เพราะมีแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน ดาวดวงเล็กมีมวลน้อยกว่าจะโคจรรอบดาวที่มีมวลมากกว่า
- กฎแห่งความโน้มถ่วง กล่าวว่า วัตถุทุกชนิดล้วนมีแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน แรงดึงดูดนี้มีมากหรือน้อยขึ้นกับมวลของวัตถุและระยะห่างระหว่างวัตถุนั้น ซึ่งแรงดึงดูดจะแปรผกผันกับกำลังสองของระยะทางจากวัตถุทั้งสองนั้น
- แรงโน้มถ่วงของโลกจะดึงให้วัตถุตกลงสู่พื้นโลก เป็นแรงดึงดูดที่โลกมีต่อมวลของวัตถุ ขึ้นกับมวลของวัตถุและระยะห่างระหว่างจุดศูนย์กลางของโลกและวัตถุนั้น
- การเดินทางออกสู่อวกาศต้องส่งยานอวกาศออกไปนอกโลกให้พ้นแรงโน้มถ่วงของโลก ซึ่งยานอวกาศต้องเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่าความเร็วหลุดพ้น ประมาณ 11.2 กิโลเมตร/วินาที จึงจะพ้นอิทธิพลของแรงโน้มถ่วงโลกพอดี
- ถ้าต้องการส่งดาวเทียมให้โคจรอยู่รอบโลก โดยไม่ตกลงมาจะต้องให้ความเร็วสุดท้ายของดาวเทียมมีความเร็วมากพอที่จะโคจรรอบโลกได้ ซึ่งความเร็วนี้มีค่าแตกต่างตามระยะทางที่ห่างจากพื้นโลก
- การที่จรวดเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้เป็นไปตามกฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน ที่ว่า แรงกิริยาทุกแรงจะมีแรงปฏิกิริยาที่มีขนาดเท่ากันกระทำในทิศตรงข้ามเสมอ จรวดจะเคลื่อนที่ไปด้วยแรงขับดันของเชื้อเพลิงในทิศทางตรงกันข้าม
- หลักการส่งจรวดจะใช้เครื่องยนต์จรวดหลายๆ ท่อนต่อกัน โดยมีจรวดท่อนสุดท้ายติดดาวเทียมหรือยานอวกาศ จรวดท่อนใดใช้เชื้อเพลิงหมดจะถูกสลัดทิ้งไปจนเหลือแต่จรวดท่อนสุดท้ายกับดาวเทียมหรือยานอวกาศที่จะเคลื่อนที่ต่อไปตามจุดประสงค์ของการส่งดาวเทียมหรือยานอวกาศนั้นๆ โดยการกำหนดความเร็วของจรวดท่อนสุดท้าย
- ความเร็วโคจรรอบโลก เป็นความเร็วตามแนวราบที่ทำให้วัตถุเคลื่อนที่ไปรอบโลกโดยไม่ตกลงสู่พื้นโลก
- สภาพไร้น้ำหนัก เป็นสภาวะที่ มนุษย์อวกาศและวัตถุต่างๆ ในยานอวกาศไม่มีแรงดึงให้ตกลงบนพื้นที่รองรับ จึงเสมือนไม่มีน้ำหนัก เกิดขึ้นเมื่อขณะที่วัตถุเคลื่อนที่แรงโน้มถ่วงของโลกสมดุลกับแรงหนีศูนย์กลาง
- สภาพไร้น้ำหนักมีผลต่อสภาพความเป็นอยู่ของมนุษย์อวกาศที่อยู่ในสภาพเช่นนี้เป็นเวลานาน กล้ามเนื้อจะลีบการหมุนเวียนของเลือดผิดปกติ
- มนุษย์อวกาศจะต้องสวมชุดอวกาศ เพื่อ ให้มีอากาศสำหรับหายใจ ปรับความดันให้ใกล้เคียงกับความดันบนพื้นโลก และป้องกันรังสีจากดวงอาทิตย์ พลังงานความร้อน ภาวะอื่นๆ ที่จะเป็นอันตรายอีกด้วย
- ดาวเทียมที่ส่งขึ้นไปโคจรรอบโลก แตกต่างกันทั้งรูปร่าง ขนาด รวมทั้งการทำงาน เช่น ดาวเทียมสื่อสาร ดาวเทียมพยากรณ์อากาศ ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น
- มนุษย์ได้สร้างสถานีอวกาศ เช่น ยานสกายแลบ เพื่อหาข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ ทำการทดลองบางอย่างที่ไม่สามารถทำบนพื้นโลกได้ เช่นการสังเคราะห์สารบริสุทธิ์ การผสมสารที่มีคุณสมบัติพิเศษ
- คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการควบคุมยานอวกาศ ดาวเทียม
กิจกรรมการใช้ชุดการสอน
- แบ่งนักเรียนออกเป็น 10 กลุ่มๆ ละ 4-5 คน
- นักเรียนชมภาพ โลก อภิปรายเกี่ยวกับภาพ จนได้ข้อสรุป ถึงองค์ประกอบของโลก พื้นดิน พื้นน้ำ อากาศ ให้นักเรียนสามารถบอกความแตกต่างระหว่างอากาศ และบรรยากาศ สุดเขตบรรยากาศ เลยออกไปเป็นอวกาศ ไม่มีอากาศ หรือเป็นสุญญากาศ
- นักเรียนชมภาพ ดาวเทียมไทคม และผลัดกันเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพ
- ครูสุ่มตัวแทนกลุ่มบอกในสิ่งที่เพื่อนได้พูดให้ฟัง อภิปรายไปสู่ดาวเทียมไทคมเป็นดาวเทียมของไทยเพื่อการสื่อสาร โคจรรอบโลกด้วยอัตราเร็วเชิงมุมของดาวเทียมเท่ากับโลก การส่งดาวเทียมต้องใช้จรวดเป็นพาหนะนำออกไปสู่วงโคจรของโลก
- อภิปรายการส่งจรวดออกสู่นอกโลก มีปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง เช่น
1) แรงโน้มถ่วงของโลก
2) แรงเสียดทาน
3) ความเร็วของจรวด
4) รูปทรงของจรวด
6. จัดให้นักเรียน ศึกษาศูนย์การเรียน 2 กลุ่ม ต่อ1 ศูนย์ และเป็นเจ้าของศูนย์
การเรียน จากศูนย์การเรียน 5 เรื่อง ดังนี้
1.1 แรงกิริยา-แรงปฏิกิริยา (การเคลื่อนที่ของลูกโป่ง )
1.2 ความเร็วโคจรรอบโลก (การเคลื่อนที่ของวัตถุในแนวราบ)
1.3 แรงโน้มถ่วง (มวลและแรงดึงดูดของโลก)
1.4 รูปทรงของจรวด
1.5 การเผาไหม้ของเชื้อเพลิง
1.6 ศูนย์สำรอง ใช้คอมพิวเตอร์เสนอข้อมูล ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับการส่งจรวด
ดาวเทียม และมนุษย์อวกาศ
7. นักเรียนขณะนี้มี 5 กลุ่ม หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันเข้าศึกษาแต่ละศูนย์การเรียนที่มี
วิทยากรประจำศูนย์ กลุ่มใดที่ศึกษาเสร็จและรอเข้าศูนย์ต่อไปให้รอที่ศูนย์สำรอง ซึ่ง
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากเอกสารที่จัดไว้ในศูนย์ รวมทั้งผลงานนักเรียนที่ได้
ทำไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
8. สมาชิกแต่ละคนจะนำเนื้อหา สาระความรู้ที่ตนได้ศึกษาในศูนย์การเรียนแต่ละเรื่อง
อภิปรายร่วมกันในกลุ่มของตน (ขณะนี้แยกเป็น 10 กลุ่มตามเดิม) ซึ่งอาจจะ
พาสมาชิกในกลุ่มมาศึกษาอุปกรณ์ในศูนย์ที่ได้ศึกษามาแล้วอีกครั้งก็ได้
9. อภิปรายสรุปร่วมกัน เป็นการอภิปรายผลจากการปฏิบัติข้างต้น ในส่วนของเนื้อหา
สาระความรู้ที่ได้เกี่ยวกับปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการส่งจรวดและดาวเทียม
10. นักเรียนค้นคว้า หารายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับอวกาศจากหนังสือพิมพ์ ตัดรายการ
ข่าว ภาพ จัดทำเป็นข้อสรุปเกี่ยวกับ SETS (SCIENCE ENVIRON-
MENT TECHNOLOGY and SOCIETY) นำเสนอหน้าชั้นเรียน
11. นักเรียนจัดทำสาระประโยชน์ ข้อควรปฏิบัติ ฯลฯ จัดทำเป็น แผ่นพับ โปสเตอร์
ภาพพลิก สื่อคอมพิวเตอร์ อื่นๆ
12. แต่ละกลุ่มนำเสนอผลงาน ตามมุมหรือส่วนต่างของห้อง อาจจัดให้แต่ละกลุ่มมี
วิทยากรประจำกลุ่มที่จะอธิบายงานของตนให้นักเรียนคนอื่นฟังได้ตามลักษณะของ
งานที่นักเรียนจัดทำขึ้น เช่น ถ้านักเรียนทำแผ่นโปสเตอร์ติดบอร์ด ก็จัดวิทยากร
ประจำกลุ่มให้กลุ่มได้ศึกษาซักถาม ถ้าจัดทำแผ่นพับ สมาชิกในกลุ่มก็จะนำแผ่นพับ
ไปอธิบายให้แก้เพื่อนกลุ่มอื่นๆ เป็นต้น
ทำแบบฝึกหัด
ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดในหนังสือเรียน
ประเมินตนเองว่าบรรลุตามจุดประสงค์หรือไม่
นักเรียนแสดงความคิดเห็น ร่วมอภิปราย การเป็นผู้นำการอภิปราย และผลงานของ
นักเรียน
ประเมินความรู้ของนักเรียน
รวบรวมความคิดเห็นก่อนการปฏิบัติกิจกรรม ขณะดำเนินกิจกรรม ผลสำเร็จของชิ้นงาน
ครูประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยแบบทดสอบ |