คนโดนฟ้าผ่า ทำไมไม่ตาย

รอย ซัลลิแวน ชาวอเมริกันผู้ดูแลอุทยานอยู่ที่รัฐเวอร์จิเนีย ได้ชื่อว่าถูกสายฟ้าฟาดมากครั้งกว่าผู้ใดในโลกนี้ เขาโดนฟ้าผ่าครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1942 และโดนครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ.1977 แต่ละครั้งนายซัลลิแวนต้องบาดเจ็บ ครั้งแรกเขาเสียเล็บเท้า แล้วก็ขนคิ้วไหม้ หัวไหล่พองเกรียม เส้นผมลุกไหม้ และขาก็ไหม้ แต่เขาก็ยังรอดชีวิตมาได้
ฟ้าผ่าเดินทางได้ด้วยความเร็ว 160-1600 กม./วินาที ทำให้เกิดอุณหภูมิได้ถึง 30,000 องศาเซลเซียส ร้อนกว่าพื้นผิวของดวงอาทิตย์ถึง 6 เท่า แต่ที่น่าทึ่งก็คือ มีคนหลายคนโดนอัดด้วยพลังรุนแรงมหาศาลขนาดนี้ก็ยังไม่ตาย ถึงแม้ว่ามักจะถูกไฟลวกอย่างสาหัสก็ตาม
ฟ้าผ่าเป็นประกายไฟฟ้าที่เกิดขึ้นโดยความแตกต่างของพลังงานระหว่างก้อนเมฆกับอากาศแวดล้อมหรือพื้นดิน ฟ้าที่ผ่าจากก้อนเมฆลงสู่พื้นดิน พลังงานจะเสาะหาเส้นทางสั้นที่สุดลงสู่ดิน ซึ่งอาจเป็นเส้นทางผ่านตัวคนที่อยู่กลางแจ้ง
เส้นทางที่สั้นที่สุดนี้อาจผ่านหัวไหล่ ลงตามร่างกายข้างหนึ่ง ผ่านขาและลงไปสู่พื้นดิน ในระหว่างทาง พลังงานไฟฟ้ามหาศาลนี้จะก่อให้เกิดความเจ็บปวด อาการตกใจแน่นิ่งหรือช็อค และไฟลวกไหม้ แต่พลังงานทั้งมวลจะลงไปในพื้นดิน ถ้าพลังงานไฟฟ้าจากฟ้าผ่ามิได้ผ่านหัวใจหรือกระดูกสันหลัง ผู้เคราะห์ร้ายก็อาจไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ถ้าผ่านหัวใจก็มักจะถึงแก่ชีวิต เพราะพลังงานไฟฟ้านี้อาจไปทำลายหัวใจหรือทำให้หัวใจหยุดเต้น ผลคือตายทันที



โดย : นาย ณัฐพล ตันสืบเชื้อสาย, โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย, วันที่ 20 พฤศจิกายน 2544