พุทธธรรมเพื่อชีวิตและสังคม

                            พุทธธรรมเพื่อชีวิตและสังคม

          อารยวัฑฒิ   ๕         อารยวัฑฒิ  หมายถึงความเจริญอันประเสริฐ  ความเจริญคือการไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่มีการงอกงามเติบโตไปจากเดิม   ความเจริญงอกงามอันเป็นหลักประจำใจของอารยชนนี้มี  5  ประการ  คือ

1.ศรัทธา  แปลว่า  ความเชื่อ   เชื่อกรรม  เชื่อวิบาก  เชื่อความที่สัตว์มีกรรมเป็นของตน  เชื่อความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

2.ศีล  หมายถึง  คนที่มีจิตเป็นปรกติ  ไม่ถูกครอบงำด้วยความโลภ  ความโกรธ  ความหลง

3.สุตะ  แปลว่า  ฟัง  หมายถึง  การศึุกษาเล่าเรียนทั้งปวง ฟังมากก็คือเรียนมาก    การเล่าเรียนในปัจจุบัีนมี 2 ทาง คือ เรียนจากครูและเรียด้วยตนเอง

4.จาคะ  หมายถึง  ความเสียสละ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่  ความเสียสละในที่นี้หมายถึงการให้อะไรบางอย่างแก่คนที่ควรให้  เพื่อให้ผู้รับได้ประโยชน์หรือมีความสุข

5.ปัญญา  คือ  ความรู้ความเข้าใจถ่องแท้  รู้ดี  รู้ชั่ว   ปัญญาที่เป็นความเห็นชอบจะเกิดเมื่อมนุษย์ไม่อยู่ภายใต้แรงผลัีกดันของความรู้สึกและกิเลสแต่อยู่ภายใต้การควบคุมของเหตุผล   บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ  และปัญญา เป็นคุณธรรมประจำใจนี้เปรียบเสมือนคนมีทรัพย์มากอยู่กับตัีว    ฉะนั้น อารยวัฑฒิ  ๕  จึุงเป็นธรรมที่อารยชนทั้งปวงพึุงสะสมไว้ในตัวให้ได้ครบ

          สาราณียธรรม  ๖     แปลว่า  ธรรมที่ช่วยให้ระลึกถึงกัน  หมายถึง  ธรรมที่เป็นหลักในการสร้างความสามัคคี  ความสามัคคี  คือ  การร่วมมือสมัครสมานกันทั้งกาย วาจา ใจ  ความสามัคคีมีความสำคัญมาก  เพราะทำให้เกิดพลัง พลังนี้ใช้ได้ทั้งทางดีและทางชั่ว การใช้พลังในทางชั่วนั้นเป็นการทำลายผู้่อื่นและตัวเอง

          สาราณียธรรม  ๖   มี 6  ข้อด้วยกัน  ดังนี้

1.เมตตากายกรรม  หมายถึง  การมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

2.เมตตาวจีกรรม  คือ  การมีวาจาดีต่อกัีน

3.เมตตามโนกรรม  คือ  การคิดดีต่อกัน  ไม่คิดมุ่งร้ายพยาบาท

4.สาธารณโภคี  คือ  การแบ่งปันสิ่งของให้แก่กันและกัน

5.สีลสามัญญตา  คือ  มีความประพฤติสุจริตดีงาม  มีระเบียบวินัย

6.ทิฏฐิสามัญญตา  คือ  มีความเห็นชอบร่วมกัน

          ชำนาญในวิชาชีพ    วิชาชีพ  คือ  วิชาที่ช่วยให้เราสามารถประกอบการงานเฉพาััะเจาะจงอย่างใดอย่างหนึ่ง    การศึกษาวิชาชีพจึงต้องรู้ทั้ง  2  ด้าน คือ รู้วิธีการและชำนาญในการนำวิธีการนั้นมาทำจนเป็นผลดี

           ความชำนาญในวิชาชีพนอกจากจะช่วยให้เราทำมาหาเลี้ยงตัีวเองกับครอบครัว  และช่วยให้ประเทศชาติโดยส่วนรวมเจริญก้าวหน้าแล้ว ยังช่วยให้เรามีความสุขทางจิตใจด้วย

            วิธีฝึกฝนให้เกิดความชำนาญในวิชาชีพ

1.ต้องชอบ

2.ต้องรู้ทฤษฎี

3.ต้องฝึกปฏิบัติ

4.ต้องถนัด

5.ต้องมีวินัยและฟังมาก

          มีระเบียบวินัยดี      ความมีระเบียบวินัย  คือ  การปฏิบัติตามแบบแผนหรือระเบียบที่กำหนดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติร่วมกัน

           ประโยชน์ของความมีระเบียบวินัีย

1.ทำให้สังคมสงบสุข

2.ทำให้สังคมเจริญก้าวหน้า

3.ทำให้เกิดความสุขใจ

          กล่าววาจาดี   วาจาหรือคำพูด  คือ  เสียงที่มนุษย์เปล่งออกมาให้มีความหมายเป็นเครื่องสื่อสารเพื่อแสดงถึงความนึกคิดที่อยู่ในใจแต่ละคน  คำพูดที่เราพููดกันอยู่ทุกวัีนนี้อาจแบ่งได้กว้างๆเป็น 2 ประเภท  คือ

1.คำพูดชั่ว   คือ  พูดแล้วนำไปสู่ความเสื่อม  ความทุกข์

2.คำพูดดี  พูดแล้วนำไปสู่ความสุขความเจริญทั้งแก่ผู้พูดและผู้่ฟัง

            องค์ประกอบของการกล่าววาจาดี แยกได้ 3 ขั้น คือ

1.กาลเทศะ  คือ  องค์ประกอบประการแรก

2.ลักษณะคำหรือเรื่องที่พูด  คือ  องค์ประกอบประการที่สอง สาม สี่

3.เจตนาของผู้่พูด  คือ  องค์ประกอบประการสุดท้าย

            อานิสงส์ของการกล่าววาจาดี

1.เป็นที่รักของคนทุกชั้น

2.ทำให้ได้รับความสำเร็จในการงาน

3.จูงใจให้ละเว้นความชั่ว

          ทำงานไม่คั่งค้างสัีบสน     การไม่ให้งานคั่งค้างสับสนจึงเป็นหนทางหนึ่งที่จะนำความสุขความเจริญก้าวหน้ามาสู่ผู้กระทำ

           คนเราเกิดมาเพื่อทำงาน  เมื่อไม่ทำงานก็เหมือนกับการเกิดมาสูญเปล่าเป็นคนไม่สมบูรณ์   เราต้องทำงาน"เพราะค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน"  ค่า  หมายถึง  คุณประโยชน์ความดีงาม   ผล  หมายถึง  ความเจริญก้าวหน้าิ    ฉะนั้น  ความเจริญของบุคคลจึงอยู่ที่ความเจริญก้าวหน้าของงานที่ตนกระทำ

           การทำงานดีตามหลัีกพระพุทธศาสนาที่คนทำแล้วเจริญจะต้องมีลักษณะ  ดังนี้

1.ทำงานให้เสร็จทันตามเวลา

2.ทำงานใ้ห้เหมาะสมตามหน้าที่

3.ทำงานโดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคต่างๆ

            ลักษณะของการทำงานดี  คือ  การทำงานให้เสร็จเรียบร้อย  ไม่คั่งค้าง ทำอย่างเป็นระเบียบ ไม่สับสน ยุ่งเหยิง  ทำอย่างต่อเนื่องไม่เบื่อหน่ายเมื่อมีอุปสรรค  อุปสรรคที่ทำให้การทำงานไม่ได้่ผลมี  4  ประการ  คือ

1.ความเกียจคร้าน

2.การเป็นคนที่จับจด

3.วิธีการทำงานไม่เหมาะสม

4.การขาดมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี

            ฉะนั้น  การงานใดที่ผู้ทำทำสำเร็จเรียบร้อยทันตามเวลาที่ต้องการ  ไม่คั่งค้าง สับสน ทำได้เหมาะ ถูกต้องกับหน้าที่และัเรื่องของการงานนั้น   ผู้ทำงานมีความเต็มใจทำ  มีความพากเพียร  มีความใฝ่ใจจดจ่อ  และมีการพินิจพิเคราัะห์เข้าใจแล้ว  การงานนั้นย่อมก้าวหน้า


ที่มา : หนังสือเรียนสังคมศึกษารายวิชา ส 0๔๙ พระพุทธศาสนา

โดย : นางสาว ญาณี แจ้งศรีสุข, โรงเรียนพนัสพิทยาคาร, วันที่ 8 กันยายน 2545