ลี้ลับ.....ในลับแล


ความหมายของนิทานพื้นบ้าน

นิทานพื้นบ้าน เป็นเรื่องเล่าของผู้คนในท้องถิ่นที่เล่าสืบต่อกันมาด้วยถ้อยคำธรรมดา สืบทอดกันมาเป็นเวลาช้านาน จนไม่สามารถทราบผู้เล่าดั้งเดิมได้ เพียงอ้างว่าเป็นเรื่องที่ฟังมาจากผู้เล่าที่น่านับถือ ในอดีต
นิทานพื้นบ้าน นั้นเป็นสิ่งที่คนนิยมเล่า อ่าน กันทุกวัย จึงแพร่หลายไปในท้องถิ่นต่าง ๆ เมื่อนิทานเรื่องใดเล่าในท้องถิ่นใด ผู้เล่าก็ปรับเนื้อหาของเรื่องให้เข้ากับท้องถิ่นนั้น จึงทำให้นิทานเรื่องเดียวกันเมื่อเล่าในต่างถิ่น จึงมีความแตกต่างกันบ้างในเรื่องรายละเอียด



ที่มาของนิทานพื้นบ้าน

นิทานพื้นบ้าน เป็นที่สนใจของนักปราชญ์ นักมนุษยวิทยาและวิทยาการอื่น ๆ เป็นอันมาก การเล่านิทานเป็นเรื่องเก่าแก่ก่อนประวัติศาสตร์ และเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วไปในทุกหนทุกแห่ง ในทุกชนชั้น นับตั้งแต่พระราชาลงมาจนถึงคนยากจน ถึงแม้ว่าเรื่องในนิทานจะแตกต่างกันไปตามภาคต่าง ๆ ของโลก แต่จุดประสงค์ดั้งเดิมในการเล่านิทานของมนุษย์ เป็นอย่างเดียวกันหมด นั่นก็คือว่ามนุษย์เราทั่วไปต้องการเครื่องบันเทิงใจ ในยามว่างจากการทำงานประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งเป็นเหตุผลอันเนื่องมาจากศาสนา ซึ่งเป็นเรื่องที่มีอิทธิพลเหนือจิตใจมนุษย์ และเป็นต้นเหตุให้มีนิทานมากมาย เช่น เรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจนเรื่องที่เป็นคติสอนใจ สอนความประพฤติต่าง ๆ นิทานต่าง ๆ จึงบังเกิดขึ้นหลายประเภท เล่าสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน เป็นทำนองมุขปาฐะ ก่อนจะบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร โดยไม่ปรากฏว่าผู้เล่าแต่เดิมนั้นเป็นใคร

ตำนานเมืองลับแล

เมืองลับแล มีตำนานเล่าขานหลายสำนวน สำนวนหนึ่งเล่าว่า เมืองลับแลเป็นเมืองแม่หม้าย ตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่สลับซับซ้อน พลเมืองมีแต่ผู้หญิง ยึดมั่นแต่ความดี มีศีลธรรมและรักษาวาจาสัตย์ ต่อมามีชายหนุ่มชาวทุ่งยั้งคนหนึ่ง เดินทางหลงเข้าไปในเมืองลับแล เจอสาวลับแลนางหนึ่ง ทั้งสองเกิดความรักต่อกัน สาวลับแลจึงรับชายหนุ่มไปอยู่บ้านตน และอยู่กันกันฉันสามีภรรยา สาวลับแลให้ผู้เป็นสามีสัญญาว่าจะไม่พูดเท็จ สามีรับคำ สองสามีภรรยาอยู่ด้วยกันจนมีบุตรหนึ่งคน วันหนึ่งขณะที่ภรรยาออกไปเก็บผักหักฟืน ลูกหิวนมร้องไห้ พ่อปลอบเท่าไรก็ไม่ยอมหยุดร้องไห้ จึงพลั้งปากบอกไปว่า
"โน่นแน่ะ....แม่มาแล้ว" เมื่อภรรยาทราบว่าสามีพูดเท็จ ก็จำเป็นต้องให้สามีออกจากเมืองลับแลไปเพราะไม่รักษาวาจาสัตย์ตามสัญญา
ก่อนออกเดินทางภรรยาได้มอบย่ามใบหนึ่งให้สามี พร้อมกับกำชับว่าห้ามเปิดดูระหว่างทาง สามีจำต้องออกเดินทางไปจากเมืองลับแล ระหว่างทางนั้นสามีสะพายย่ามมาด้วยความเหนื่อยล้า และรู้สึกว่าย่ามหนักขึ้นทุกที ๆ จึงสงสัยว่า
"เอ.......มีอะไรอยู่ในย่าม ทำไมเราจึงรู้สึกว่ามันหนักขึ้นทุกที ๆ " เขาวางย่ามลงแล้วเปิดดู โดยลืมคำพูดของภรรยาเสียหมดสิ้น เห็นเป็นขมิ้นสด ๆ เต็มย่าม จึงรำพึงว่า
"แหม....แค่ขมิ้นธรรมดา บ้านเรามีเยอะแยะเป็นดง จะแบกไปให้เหนื่อยทำไม" ว่าพลางก็ล้วงขมิ้นทิ้งไป เหลือไว้ดูต่างหน้าเพียงหนึ่งแง่งเดียว ครั้นพอกลับไปถึงบ้านตน ก็เล่าความเป็นมาที่ตนเองหายจากบ้านไปนาน ให้ญาติ ๆ ฟัง และแล้วก็นึกถึงขมิ้นได้จึงล้วงเอามาให้ญาติดู ปรากฎว่าขมิ้นแง่งนั้นกลายเป็นทองคำเหลืองอร่าม ชายคนนั้นตกใจมาก และนึกเสียใจที่ตนเองไม่เชื่อภรรยาตั้งแตกแรก ก็เลยพยายามหาทางกลับไปเมืองลับแลอีกครั้งหนึ่ง แต่ปรากฎว่าหาทางเข้าไปในเมืองเท่าไหร่ก็ไม่พบ เหมือนจะแลลับหายไป ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของขมิ้นที่ทิ้งไว้.



โดย : นาง คุณากร ธรรมสรางกูร, โรงเรียนลับแลศรีวิทยา, วันที่ 3 กรกฎาคม 2545