นานมาแล้ว ณ. วัดแห่งหนึ่ง ท่านเจ้าอาวาสเป็นผู้มีความสามารถในการทำนาย ทายทักตรวจดวงชะตาราศีได้อย่างแม่นยำ วันหนึ่ง เจ้าอาวาสเดินผ่านไปยังลานวัด ซึ่งมีสามเณรรูปหนึ่งกำลังกวาดลานวัดอยู่ ท่านสมภารสังเกตเห็นใบหน้าของสามเณรหมองคล้ำ จึงถามวันเดือนปีเกิด เพื่อทำนายดวงชะตาของสามเณรรูปนั้น ปรากฏว่าดวงชะตาไม่ดี จะสิ้นอายุขัยเร็วๆนี้ ท่านสมภารไม่รู้จะช่วยอย่างไรดี แต่คิดว่าก่อนที่สามเณรจะเป็นอะไรไป ให้กลับไปเยี่ยมพี่น้องเสียก่อนคงช่วยได้เพียงแค่นี้ เมื่อคิดดังนั้นแล้ว ท่านสมภารก็เรียกสามเณรรูปนั้นมาคุย
รุ่งเช้าสามเณรก็ออกเดินทางกลับบ้าน ในระหว่างทางขณะที่สามเณรเดินผ่านทุ่งนาที่มีแต่ความแห้งแล้ง หนองน้ำที่เคยขังก็แห้งขอด สามเณรมองเห็นปลากำลังตกคลั่งอยู่ในหนองน้ำ ก็เกิดความรู้สึกสงสาร และคิดว่าถ้าไม่ช่วยปลาเหล่านี้คงต้องตายแน่ๆ เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว สามเณรก็ค่อยๆเอามือช้อนปลาทีละตัว แล้วนำไปปล่อยในลำคลอง ขณะที่ปล่อยปลานั้นสามเณรก็พูดว่า ข้าให้อิสระแก่เจ้า ขอให้เจ้ามีชีวิตที่ยืนยาวต่อไป แล้วสามเณรก็เดินทางต่อไปจนถึงบ้าน ได้พบญาติพี่น้อง สนทนากับญาติโยมจนเป็นที่พอใจแล้ว สามเณรก็เดินทางกลับวัด
ท่านสมภารเมื่อเห็นสามเณรกลับมาด้วยความสดชื่นแจ่มใสก็ประหลาดใจยิ่งนัก เพระไม่ได้เป็นไปตามคำทำนาย กลับมีหน้าตาแจ่มใส สมภารจึงถามเณรว่า ระหว่างเดินทางกลับบ้านมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า สามเณรจึงเล่าเรื่องที่ช่วยปลาให้ฟัง สมภารจึงเข้าใจ
เรื่องราวของสามเณรได้เล่ากันปากต่อปากถึงการทำความดีของสามเณร ชาวบ้านเกิดศรัทธาเลื่อมใสในจิตใจอันเป็นกุศลและมีความเชื่อว่า การทำความดีโดยการปล่อยปลาจะทำให้หมดเคราะห์และมีอายุยืนต่อไป ชาวบ้านจึงได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ รวมทั้งการปล่อยนกด้วย
ผจงวาด กมลเสรีรัตน์.นิทานพื้นบ้านภาคกลาง. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาสน์, 2543
|