นางนาคพระโขนง



รูปของนางนาคพระโขนง

              เรื่องนี้เป็นเร่องจริงหรือเรื่องแต่ง การที่จะตอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ยากที่จะตอบ เพราะเป็นเรื่องโบราณที่ไม่มีจดหมายเหตุร่วมสมัยบันทึกไว้ แต่คนสมัยก่อนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง จะขอยกตัวอย่างสัก 3 ราย         รายแรกคือ ก.ศ.ส.กุหลาบ เอดิเตอร์ หนังสือพิมพ์สยามประเทศ ที่เขียนผู้อ่านมี      ข้อความว่า จะเป็นเดือนปีใดจำไม่ได้ เป็นคำพระศรีสมุมิราช (บุศย์) วัดสุวรรณ เล่าถวายสมเด็จพระอุปัชฌาย์ว่า ในรัชการที่ 3 อำแดงนาคบุตรขุนศรี นายอำเภอบ้านอยู่ปากครองพระโขนง กรุงเทพฯ เป็นภรรยานายชุ่ม ตัวโขนทศกัณฐ์ ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี       อำแดงนาคมีบุตรก็ถึงแก่กรรม นายชุ่มผู้เป็นสามี นำศพอำแดงนาคภรรยาไปฝังที่ป่าช้าวัดมหาบุศย์ ที่พระศรีสมโภช (บุศย์) วัดสุวรรณ เป็นผู้สร้างแต่ครั้งท่านเป็นมหาบุศย์ ในรัชการที่ 2     ศพอำแดงนาคฝังไว้ที่นั่น ไม่มีปีศาจหลอกผู้ใด เป็นแต่พระศรีสมโภช เจ้าของวัดมหาบุศย์เล่าถวายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรสว่า นายชุ่มทศกัณฐ์ เป็นคนมั่งมี เป็นตาน้อยของนายสมเศรษฐี บุตรนายชุ่มมีชายหญิงหลายคน แต่ล้วนยังไม่มีภรรยาสามีทั้งสิ้น บุตรของนายชุ่มหวงทรัพย์สมบัติของบิดาเกรงว่าบิดาจะมีภรรยาใหม่ จนกระกายทรัพย์สมบัติเสียหมด พวกลูกจะอดตาย     พวกลูกจึงทำอุบายให้คนไปขว้างปาชาวเรือตายลำคลองริมป่าช้าที่ฝังศพอำแดงนาคผู้มารดา กระทำกิริยาเป็นผีดุร้ายหลอกคน จนถึงช่วยนายชุ่มถีบระหัสน้ำเข้านาและวิดน้ำกู้เรือของนายชุ่มที่ล่ม และให้บุตรชายแต่งกายเป็นหญิงให้คล้ายอำแดงนาคมารดา ทำกิริยาเป็นผีดุร้ายให้คนกลัวทั่วทั้งลำคลองพระโขนง เพื่อประโยชน์ความประสงค์จะกันไม่ให้ผู้หญิงเป็นภรรยานายชุ่มผู้บิดา พระสรีสมโภชผู้สร้างวัดมหาบุศย์เล่าถวายสมเด็จพระอุปัชฌาย์แต่เท่านี้   ผู้ที่เชื่อว่านางนาคเป็นเรื่องจริงอีกคนหนึ่งคือ มหาอำมาตตรีพระยาทิพโกษา (สอนโลหะนันท์) ท่านบันทึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๓ อันเป็นสมัยที่นางนาคเลิกอาละวาดแล้วว่าเหตุที่นางนาคหยุดอาละวาดก็เพราะสมเด็จพระพุฒาจารย์ ได้ไปเรียกนางนาคขึ้นมาจากหลุม แล้วเจาะเอากระดูกหน้าผากของนางนาคไป ตามเรื่องว่าท่านขัดกระดูกแผ่นนั้นจนเป็นมัน แล้วลงยันกำกับไว้ เจาะเป็นหัวเข็มขัด เวลาไปไหนมาไหนก็เอาคาดเอวติดตัวไปด้วย


แหล่งอ้างอิง : ส.พลายน้อย (หนังสือเก็บเล็กผสมน้อย)

โดย : เด็กชาย หัชพงษ์ พาเลิศชัยวงศ์, โรงเรียนพนัสพิทยาคาร, วันที่ 15 กันยายน 2546