สวัสดีค่ะหลานๆที่รัก
เมื่อรู้เรื่องการออกเสียงแล้วก็จะช่วยให้เราสะกดคำได้ถูกต้อง เรามาศึกษาเรื่องตัวสะกดกันดีกว่า
ตัวสะกด ( Spelling )
เรากำลังเรียนรู้ความแตกต่างระหว่างภาษาอังกฤษกับภาษาไทยเกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำในภาษาอังกฤษ หากเราเรียนรู้หลักการสะกดคำ เราจะเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำในภาษาอังกฤษได้มากขึ้น เพราะ ตัวสะกด มีส่วนสัมพันธ์กับการออกเสียง ความหมาย ชนิดของคำ และการสร้างคำ
ตัวสะกด
1. คำในภาษาอังกฤษ เกิดจากการผสมพยัญชนะและสระเช่นเดียวกับ
คำในภาษาไทย แต่คำในภาษาอังกฤษ สระจะเขียนตามหลัง
พยัญชนะต้น ส่วนในภาษาไทย สระอาจจะเขียนไว้หน้า หรือ หลัง
พยัญชนะต้น
ข้อสังเกต สระในภาษาอังกฤษ มักจะไม่ออกเสียงเหมือนชื่อสระ
สระในภาษาอังกฤษ มี 5 ตัว ได้แก่
a ออกเสียง แอะ, แอ, อา เช่น cat, fan, papaya
e ออกเสียง เอะ เช่น pet
i ออกเสียง อิ, อี, ไอ เช่น kid, ski, bicycle
o ออกเสียง เอาะ, ออ, โอ เช่น lot, boss, go
u ออกเสียง อะ,อุ เช่น but, put
แต่เมื่อสระทั้ง 5 ตัวนี้มีตัวสะกดและ e ตามมา จะออกเสียงเหมือนชื่อสระตัวนั้น ได้แก่
a_e ออกเสียง เอ เช่น ate
e_e ออกเสียง อี เช่น complete
i_e ออกเสียง ไอ เช่น ice
o_e ออกเสียง โอ เช่น note
u_e ออกเสียง ยู เช่น use
2. การสร้างคำในภาษาอังกฤษ ทำให้มีการดับเบิ้ลตัวสะกดตัวสุดท้าย
ก่อนเติมอักษรที่จะใช้ในการสร้างคำ ถ้าคำนั้น เป็นคำพยางค์เดียว
สระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียว ได้แก่
2.1 การเติม ing หรือ -ed ท้ายคำกริยา เช่น
คำกริยา เติมing เติม-ed
beg begging begged
stop stopping stopped
2.2 การเติม er หรือ -est ท้ายคำ adjective เช่น
คำ adjective เติม er เติม est
big bigger biggest
fat fatter fattest
(หลานๆศึกษาเพิ่มเติมได้จากหนังสือ Living English Revision)
ติดต่อกับป้าได้ที่ tup_hongfah@hotmail.com
|
|