เหตุการณ์ปัจจุบัน

PRESENT SIMPLE TENSE
** ใช้แสดงอาการกระทำที่เกิดขึ้นเสมอเป็นนิสัย หรือเป็นประเพณี เช่น
- My father smokes cigarettes.
คุณพ่อสูบบุหรี่ (เป็นนิสัย)
- I get up at six o’clock every morning.
ฉันตื่นนอนเวลาหกโมงทุกๆ เช้า (เป็นนิสัย)
- Most Thai eat rice for breakfast.
คนไทยส่วนใหญ่ทานข้าวเป็นอาหารเช้า (เป็นประเพณี)
- Children should pay respect to their elders.
เด็กๆ แสดงความเคารพแก่ผู้อาวุโสกว่า (เป็นประเพณี)
** ใช้แสดงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปกติเสมอ ซึ่งมักมี Adverbs of Frequency อยู่ในประโยคด้วย เช่น
generally, always, usually = โดยเสมอ, เสมอ, โดยปกติ
often = บ่อยๆ
sometimes, at times, now and then = บางครั้งบางคราว
from time to time, occasionally,
off and on (or) on and off
hardly, rarely, scarcely, seldom = ไม่ใคร่จะ
never = ไม่เคย
- He always goes to school very early.
เขาไปโรงเรียนแต่เช้าเสมอ
- They often have lunch at school.
เขามักทานอาหารกลางวันที่โรงเรียนบ่อยๆ
- They sometimes play at school until five.
บางครั้งเขาเล่นที่โรงเรียนจนถึงห้าโมงเย็น
- He goes to work by taxi at times.
เขาไปทำงานโดยรถแท๊กซี่เป็นบางครั้ง
- The boy seldom does his homework.
เด็กผู้ชายไม่ค่อยจะทำการบ้าน
- Bad boys never work hard.
เด็กชายที่ไม่เอาไหนมักไม่ทำงานหนัก
- We rarely drink tea at breakfast.
เราไม่ค่อยดื่มน้ำชาในอาหารเช้า
** แสดงถึงเหตุการณ์ที่เป็นความจริงเสมอ เช่น
- The earth moves around the sun. โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์
- Two and two make four. สองบวกสองเป็นสี่
- The sun rises in the east and sets in the west. ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก
** ลักษณะประโยค : ประธาน + กริยาช่องที่1
1) ประโยคบอกเล่า
1.1 ถ้าเป็นประธานเอกพจน์ (ยกเว้น I, You) กริยาต้องเติม “s” เช่น
- He plays football every evening.
- She always goes to school at seven o’clock.
- Mary speaks English better than me.
2.1 ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ รวมทั้ง I, You กริยาไม่ต้องเติม “s” เช่น
- I forget my pen at home.
- They always agree with her.
- Mary and Ann play tennis well.
2) ประโยคคำถาม
2.1 ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ (ยกเว้น I, You) ใช้ “does” มาช่วย โดยวางไว้หน้าประโยค เช่น
- Does he play football every evening?
- She always goes to school at seven o’clock.
** ข้อสังเกต เมื่อใช้ “Does” กริยาไม่ต้องเติม “s” อีก
2.2 ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ รวมทั้ง I, You ใช้ “Do” มาช่วย โดยวางไว้หน้าประธาน เช่น
- Do I forget my pen at home?
- Do they always agree with her?
- Do Mary and Ann play tennis well?
3) ประโยคปฏิเสธ
3.1 ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ (ยกเว้น I, You) ใช้ “does not” มาช่วยเช่น
- He does not play football every evening.
- She does not go to school at seven o’clock.
- Mary does not speak English better than me.
** ข้อสังเกต เมื่อใช้ does not กริยาไม่ต้องเติม s อีก
3.2 ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ใช้ do not ,มาช่วย เช่น
- I do not for get my pen at home.
- They do not agree with her.
- Mary and Ann do not play tennis well.



โดย : นาง จิรายุ บุญสะอาด, ร.ร.นาเยียศึกษาฯ กิ่ง อ.นาเยีย จ.อุบลราชธานี, วันที่ 27 พฤษภาคม 2545