เสียกรุงครั้งที่ 1
ควรจะศึกษาก่อนว่า หลังสิ้นแผ่นดินพระชัยราชาธิราชแล้ว ท้าวศรีสุดาจัทร์ก็มีอำนาจและยกขุนวร
วงศาผู้ซึ่งเป็นพระสวามีใหม่ให้ครองแผ่นดินต่อมา แต่พระมหาจักรพรรดิผู้เป็นพระอนุชาของพระ
ชัยราชาและขุนพิเรนทรเทพก็ได้กำจัดท้าวศรีสุดาจันทร์ได้สำเร็จ และพระมหาจักรพรรดิได้ครอง
ราชย์ต่อมา จึงโปรดให้ขุนพิเรนทรเทพเป็นพระมหาธรรมราชา แล้วให้ไปครองเมืองพิษณุโลก บัง
คับบัญชาหัวเมืองทางเหนือ ทั้งพระราชทานพระเทพกษัตรีให้ไปเป็นพระชายา ซึ่งต่อมาก็คือพระ
มารดาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ มีพระมเหสีคือพระศรีสุริโยทัย มีพระโอรสและพระธิดาคือ
-พระราเมศวร
-พระมหินทราธิราช
-พระวิสุทธิกษัตรี
-พระเทพกษัตรี
ยุทธศาสตร์สมัยอยุธยา
เดิมใช้การรบแบบรุก ได้เปลี่ยนเป็นการตั้งรับพร้อมทั้งปรับปรุงระบบป้องกันเมืองให้ดีขึ้นคือ
1 ยุบเมืองที่เป็นเมืองหน้าด่านเดิมที่ไม่มีประโยชน์และที่ไม่สามารถป้องกันข้าศึกได้ และนำ
เอาวัสดุที่รื้อนั้นมาสร้างสริมให้กับเมืองที่มีความมั่นคงดีกว่าเช่น รื้อป้อมเมืองสุพรรณบุรีมา
เสริมป้อมในพระนครและเมืองพิษณุโลกให้แข็งแรงมากขึ้น
2 สร้างกองเรือรบเป็นครั้งแรก ดัดแปลงจากเรือที่ใช้เพียงบรรทุกทหารและยุทธภัณฑ์มาเป็น
เรือที่ใช้ยิงได้ โดยวางปืนใหญ่ไว้ที่หัวเรือ
3 เตรียมยุทธภัณฑ์ไว้ตั้งแต่ยามปกติ ทั้งเสบียงอาหารก็พร้อมเป็นจำนวนมาก
4 เตรียมกำลังพลให้มากขึ้น โดยขยายพื้นที่ระดมพลให้กว้างขึ้น มีการทำบัญชีเตรียมไว้แต่เนิ่นๆ
รวมทั้งเพิ่มวิธีระดมพล จากเดิมที่เมื่ออายุครบ 20 ก็จะมาสักเลข แล้วเรียกมาเข้าเวรตามวาระ
ก็ได้เปลี่ยนเป็นการจัดทำสำมโนครัว สักเลขพวกที่อายุ 18-19 เรียกว่าพวก เลขสม หรือ ไพร่สม
เมื่อครบ 20 ปีแล้ว จึงเรียกมาเป็นทหาร เรียกว่า ไพร่หลวง
5 ใช้ปืนใหญ่ในการรบ โดยได้ปืนมาจากพ่อค้าชาวยุโรปรวมทั้งชาวโปรตุเกสที่สอนให้ไทยทำปืน
ใหญ่ไว้ใช้เอง
6 เมื่อมีปืนใหญ่แล้ว พระมหาจักรพรรดิจึงได้สร้างกำแพงเมืองใหม่ จากเดิมที่เป็นเพียงเนินดิน
ธรรมดาและไม้ระแนง ก็สร้างเสริมให้เป็นกำแพงอิฐและใช้ปูนสอ มีป้อมปืนใหญ่รายตามกำแพง
เป็นระยะ
--------------------------------------------------------------------------------
|