header


ประวัติพระยาพิชัยดาบหัก

ยังมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ตั้งบ้านเรือนประกอบอาชีพอยู่ที่เมืองพิชัย ( ครั้งถึงประมาณปลายรัชสมัยของพระบรมโกศ ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 2275-2301ภรรยาก็ได้กำเนิดบุตรชายผู้หนึ่ง และได้ตั้งชื่อว่า จ้อย เมื่อจ้อยเติบโตพอที่จะช่วยบิดามารดาทำงานได้จ้อยก็ออกไปเลี้ยงควายเช่นเดียวกับเด็กคนอื่นๆที่เป็นลูกชาวนาในระแวกนั้นจ้อยมีนิสัยกล้าหาญโอบอ้อมอารีจึงเป็นที่รักของเพื่อนฝูงซึ่งเป็นเด็กเลี้ยงควาย คุณสมบัติของจ้อยก็คือต่อยมวยได้เก่งที่สุดในระหว่างเด็กด้วยกันแต่จ้อยไม่ใช่เด็กเกเรจะชกต่อยก็เพื่อป้องกันตัวเองหรือช่วยเหลือผู้อื่นที่ถูกรังแกเท่านั้นเมื่อจ้อยมีอายุพอสมควรที่จะเล่าเรียนหนังสือบิดามารดาก็พากันปรึกษาพากันไปฝากไว้กับพระมีอยู่วันหนึ่งจ้อยบอกกับบิดามารดาว่าไม่อยากเรัยนหนังสือถ้าอยากมีวิชาก็อยากให้ไปเรียนต่อยมวยมากกว่าจ้อยเล่าเรียนวิชาต่อยมวยเก่งมากและจ้อยกลายมาเป็นคนที่เก่งกว่าแต่ก็ยังไม่มีโอกาสที่จะล้มล้างความเก่งของจ้อยไปได้อยู่มามีสาเหตุที่จ้อนต้องเปลี่ยนชื่อและนามสกุลคือเจ้าเมืองนำบุตรชายที่คุณเฉิดมาฝากเรียนมวยกับท่านพระครูและยังมีคนใช้และเด็กๆอีกสามคนมาเรียนเป็นเพื่อนด้วยเด็กวัดก็พากันประจบลูกเจ้าเมืองอำนาจเป็นลูกเจ้าเมืองจึงให้เด็กวัดคนหนึ่งไปท้าต่อยกับจ้อยตัวต่อตัวที่หลังวัดโดยคุณเฉิดจะเป็นผู้ควบคุมไม่ให้มีการรุมแต่ที่แท้จริง วางอุบายว่าจะรุมกันชกพอจ้อยเดินมาตามนัดก็ลงมือต่อยกันเด็กที่ถ้าลงนอนลงไปคลุกฝุ่นจ้อยกระโดดไปกองคุณเฉิดร้องเอะอะว่าซ้ำคนล้ม เวลาผ่านไป 7 วัน จ้อยได้เปลี่ยนชื่อไปเป็นนายทองดี นายทองดีได้ข่าวว่าจะมีงิ้วมาเล่นที่ศาลเจ้าใกล้นั้นนายทองดีอยู่คอยดูงิ้ว 7 วัน 7 คืน นายทองดีฝ้าดูด้วยความเอาใจชอบใจท่ากายกรรม และท่าตีลังกาของงิ้ว และถ้าที่ชอบคือการกระโดดข้ามหัวคู่ต่อสู้อย่างว่องไวนายทองดีจึงแอบหัดไปเลียนแบบท่าทางของงิ้วที่หาดทรายน้ำตำข้าวผ่าฝืนให้หัดกับครูเมฆนายทองดีจึงเดินทางไปหาครูเมฆฝากตัวเป็นศิษย์ เรียนกันประมาณ 3 เดือนก็ไม่มีอะไรจะสอนจึงให้พระภิกษุพากันไปเที่ยวที่สุโขทัยก็พบครูมวยจีนนายทองดีพอใจในลักษณะของครูมวยจีนเพราะประหลาดไม่เคยเห็นมาก่อนจึงขอตัวเป็นศิษย์ สอนได้เพียง 1 เดือนก็หมดวิชา จึงร้องว่านายทองดีไม่ใช่มนุษย์เป็นเซียนมาเกิดนายทองดีอยู่ที่สุโขทัยมีคนยกย่องมาฝากตัวเป็นศิษย์นายทองดีจึงสอนวิชามวยและวิชาฟันดาบอยู่ที่สุโขทัยมีเด็กกำพร้าพ่อแม่ชื่อบุญเกิดมาขออยู่ด้วย อยู่ไปสักพักก็ขอไปในเมืองกับนายบุญเกิด ก็ไปอยู่ได้ชั่วครั้งชั่วคราวก็มีข่าวบอกว่าจะมีสงคราม สมเด็ดพระเจ้าเอกทัศน์จึงบอกให้พระเจ้าตากสินไปรบ ฝั่งนายทองดีรู้ว่ามีสงครามบ้านเกิดตัวเองจึงขอพระเจ้าเอกทัศน์และพระเจ้าตากสินขอรบด้วย จึงออกเดินทางพอถึงเมืองพม่า จึงสั่งให้ทหารบุกเข้าไปในเมืองของพม่า บรรดานายทหารว่าจะคิดต่อสู้กับพม่าก็ไม่มีทางเอาชนะได้เว้นแต่จะเปลี่ยนวิธีเสียใหม่ บรรดานายทหารและนายทองดีบอกว่าจะยอมตายเพื่อกรุงศรีอยุธยา ในระหว่างเดินทางก็รบชนะพม่าทุกครั้ง สงครามครั้งสุดท้ายก็มาถึง ครั้งนี้พระยาพิชัยนำพลออกต่อสู้กับพม่าด้วยดาบสองมือที่ท่านขำนาญมาก ขณะที่ชุลมุลกันพระยาพิชัยเสียหลักจึงใช้ดาบดียันดินเอาไว้โดยแรงดาบจึงหักพระยาพิชัยเซไปข้างหนึ่ง เด็กบุญเกิดก็ถลันฟันพม่านั้นตายก่อนที่ดาบจะถึงตัวพระยาพพิชัยเด็กบุญเกิดกับถูกกระสุนปืนยิงยับเยินทะลุอกตายคาที่ พระยาพิชัยโกธรมากจึงไล่ฟันพม่าแพ้ยับเยิน แล้วก็นำศพพระยาพิชัยไปฝังและเผ่าอย่างสมเกียรติ จนเป็นราชวงศ์สืบต่อกันมาสมัยพระสมเด็ดพระมงกฎุเจ้าอยู่หัวพระองค์ทรงประทานนามสกุลพระยาพิชัยดาบหักว่า วิชัยขัทถะ สืบต่อกันมาจนถึงปัจุบัน

my wuttichai wongsirivittaya no 15 m1/12


ที่มา : www.thai.net/bps/prawatpichai.htm

โดย : เด็กชาย ด.ช.วุฒิชัย วงศ์สิริวิทยา, โรงเรียนพนัสพิทยาคาร, วันที่ 8 กันยายน 2546