โป๊ยเซียน
               โป๊ยเซียน    ต้นไม้แห่งโชคลาภตามความเชื่อถือแต่โบราณ   จัดเป็นไม้อวบน้ำอยู่ในวงศ์ Euphorbiaceae ซึ่งเป็นวงศ์ใหญ่มาก พบได้ทั่วไปในประเทศเขตร้อน   พืชในวงศ์นี้มีมากกว่า 300 สกุล   โป๊ยเซียนจัดเป็นพืชที่อยู่ในสกุล Euphorbia ซึ่งพืชในสกุลนี้มีไม่ต่ำกว่า 2,500 ชนิด ได้แก่ คริสต์มาส สลัดได ส้มเช้า หญ้ายาง และ กระบองเพชรบางชนิด

                โป๊ยเซียน หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "มงกุฎหนาม" (Crown of Thorns) เนื่องจากลักษณะของลำตันที่มีหนามอยู่รอบเหมือนมงกุฎ   นอกจากนี้ยังมีชื่อแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค เช่น กรุงเทพฯ เรียก "ไม้รับแขก"   เชียงใหม่ เรียก "ไม้ระวิงระไว" , "พระเจ้ารอบโลก" หรือ "ว่านเข็มพระอินทร์"   แม่ฮ่องสอน เรียก "ว่านมุงเมือง"   แต่คนไทยคุ้นเคยและรู้จักกันในชื่อ "โป๊ยเซียน" มาช้านาน  คำว่า "โป๊ยเซียน" เป็นคำในภาษาจีน แปลว่า เทพยดาผู้วิเศษ 8 องค์   ดังนั้นจึงมีความเชื่อกันว่าถ้าโป๊ยเซียนออกดอกครบ 8 ดอกในหนึ่งช่อจะนำความโชคดีให้แก่ผู้ปลูกเลี้ยง   ด้วยเหตุนี้เองจึงมีผู้สันนิษฐานว่าชาวจีนน่าจะเป็นผู้นำโป๊ยเซียนเข้ามาปลูกเลี้ยงในประเทศไทย ครั้งสมัยที่มีการติดต่อค้าขายกับคนไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยา    ซึ่งแต่เดิมนั้นดอกของโป๊ยเซียนจะมีขนาด 1-2 ซม. เท่านั้น แต่ในปัจจุบันคนไทยได้ผสมพันธุ์และพัฒนาสายพันธุ์โป๊ยเซียนจนมีขนาดดอกใหญ่กว่า 6 ซม. นอกจากนี้ดอกยังมีสีสันที่สวยงาม  จนอาจกล่าวได้ว่าโป๊ยเซียนไทยดีที่สุดในโลก

ลักษณะโดยทั่วไป
                โป๊ยเซียนเป็นไม้อวบน้ำที่มียางและหนามบริเวณลำต้น   ทรงต้นเป็นทรงพุ่ม มีอายุยืนนับสิบปี   เป็นไม้ที่ทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศเนื่องจากสามารถสะสมน้ำไว้ตามลำต้นและใบ   จึงทำให้สามารถเจริญเติบโตได้ดีในทุกภูมิภาคของประเทศไทย   ส่วนประกอบโดยทั่วไปของโป๊ยเซียนมีดังนี้

leaf.jpg (17313 bytes)

bulb.jpg (4332 bytes)

petal.jpg (10804 bytes)

ลำต้น  มีลักษณะเป็นไม้อวบน้ำมีหนามแหลมรอบลำต้น   อาจมีรูปร่างกลมหรือเหลี่ยมบิดเป็นเกลียวแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสายพันธุ์   เมื่อโป๊ยเซียนมีอายุมากขึ้นเนี้อไม้จะแข็งแต่ไม่มีแก่นเหมือนไม้ยืนต้นทั่วไป   สีของลำต้นมีสีเทาอมน้ำตาลถึงเทาอมดำ

หนาม   เกิดรอบลำต้น   มีลักษณะฐานใหญ่ปลายเรียวแหลม   อาจงอขึ้นหรือชี้ลงไม่แน่นอน   การแตกของหนามอาจแตกเป็นหนามเดี่ยว   หนามคู่   หรือหนามกลุ่มตั้งแต่สามหนามขึ้นไป   กลุ่มของหนามอาจจะเรียงกันเป็นระเบียบตามแนวลำต้นเป็นเส้นตรงหรือ บิดเป็นเกลียวรอบต้นก็ได้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์

ใบ   ส่วนใหญ่พื้นใบเป็นสีเขียวถึงเขียวอมเทา   บางทีใต้ใบอาจมีสีแดงถึงแดงเข้มขึ้นอยู่กับสายพันธุ์   รูปใบมีหลายแบบ ได้แก่ รูปไข่ปลายใบมน   ใบรีรูปหยดน้ำหรือรูปใบพาย ฯลฯ   บางสายพันธุ์ใบอาจบิดเป็นเกลียว เป็นคลื่นหรือโค้งงอเล็กน้อย

ดอก   โป๊ยเซียนเป็นดอกสมบูรณ์เพศ   มีกลีบดอกสองกลีบ มีเกสรตัวผู้และตัวเมียอยู่ตรงกลางกลีบดอก   โป๊ยเซียนออกดอกเป็นช่อ   แต่ละช่อประกอบด้วยดอกเป็นคู่ ตั้งแต่ สองดอก สี่ดอก แปดดอก สิบหกดอก สามสิบสองดอก หรือมากกว่านั้น   สีของดอกมีหลายสี เช่น แดง ขาว ครีม เหลือง ส้ม เขียว นอกจากนี้ยังมีหลายสีและลายในดอกเดียวกันแตกต่างกันไปขึ้นกับสายพันธุ์   รูปทรงของดอกมีทั้งทรงกลม ยาว รี เหลี่ยม กลีบดอกตั้งขึ้นคล้ายกรวยหรือผายลงคล้ายร่ม   ขนาดของดอกบางสายพันธุ์มีขนาดเล็กกว่า 1 ซม. แต่บางสายพันธุ์มีขนาดใหญ่กว่า 5 ซม. โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่พัฒนาโดยคนไทยบางสายพันธุ์มีขนาดใหญ่กว่า 6 ซม.

ผลและเมล็ด   ดอกโป๊ยเซียนหลังจากที่มีการผสมเกสรติดแล้ว จะพบว่าที่บริเวณกลางดอกจะมีกระเปาะนูนขึ้นมาเป็นผลสีขาว มีลักษณะเป็นพูเล็กๆ 3 พู   แต่ละพูจะมีเมล็ดอยู่หนึ่งเมล็ด   เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลคล้ายเมล็ดพริกไทยและจะแตกออกพร้อมกับดีดเมล็ดกระเด็นออกไป

การปลูกเลี้ยงและดูแลรักษา
               แม้ว่าต้นโป๊ยเซียนจะสามารถปรับตัวและเจริญเติบโตได้ดีในทุกภูมิภาคของไทยก็ตาม   แต่การปลูกโป๊ยเซียนให้สวยงามนั้น   นอกจากสภาพแวดล้อมแล้ว การดูแลรักษาก็นับว่ามีส่วนสำคัญ  

ดินปลูก   ควรเป็นดินชั้นบนมีอินทรีย์วัตถุพวกเศษพืช โดยเฉพาะใบก้ามปูและใบทองหลางที่เน่าเปื่อยผุพังคลุกเคล้าอยู่ในดินจนเป็นเนื้อเดียวกัน   ดินประเภทนี้จะอุ้มน้ำและระบายอากาศได้ดี   ทำให้รากของโป๊ยเซียนแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว   การใช้ดินปลูกที่แน่นทึบและมีน้ำขังอาจทำให้รากและต้นโป๊ยเซียนเน่าได้   เมื่อปลูกโป๊ยเซียนได้ระยะหนึ่งควรทำการพรวนดินรอบๆ กระถางปลูก ห่างจากโคนต้นประมาณ 2 นิ้ว พร้อมทั้งใส่ปุ๋ยคอกลงไปในดินประมาณ 1-2 ช้อนแกง   และควรเปลี่ยนดินปลูกทุกปี

แสงแดด   โป๊ยเซียนเป็นไม้ที่ชอบแดด   การปลูกถ้าให้โป๊ยเซียนได้รับแสงแดดประมาณ 60-70 % จะดีมาก   โดยเฉพาะแดดตอนเช้าถึงตอนสายก่อนเที่ยง   ถ้าได้รับแสงแดด 100%   ทั้งวันต้นจะแข็งแรง สีของดอกจะเข้มแต่เล็กลงกว่าเดิม นอกจากนี้ใบยังอาจจะไหม้เกรียมได้   ถ้าให้โป๊ยเซียนได้รับแดดน้อยหรืออยู่ในร่ม ดอกจะโต สีดอกไม่เข้ม ต้นไม่แข็งแรง   ดังนั้นจึงควรจัดให้โป๊ยเซียนได้รับแสงแดดประมาณ 60-70 % โดยใช้ตาข่ายพรางแสงช่วยก็จะดีมาก   อย่างไรก็ตามในฤดูร้อนอากาศแห้งแล้งแดดจัดและร้อนมากเกินไปอาจทำให้โป๊ยเซียนเหี่ยวเฉาได้   ดังนั้นความชุ่มชื้นในอากาศก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโป๊ยเซียนเช่นกัน

การรดน้ำ   ตามปกติควรรดน้ำวันละครั้งในตอนเช้าและควรรักษาระดับความชื้นของดินให้พอเหมาะไม่แฉะหรือแห้งเกินไป เช่น ถ้าเป็นช่วงฤดูแล้งดินปลูกแห้งมากควรรดน้ำทั้งเช้าและเย็น   ฤดูฝนถ้าวันใดฝนตกก็ไม่จำเป็นต้องรดน้ำแต่ควรตรวจดูผิวดินในกระถางด้วย ทั้งนี้เพราะใบของโป๊ยเซียนอาจปกคลุมกระถางจนทำให้ฝนที่ตกลงมาไม่สามารถลงไปในกระถางได้   ถ้าโป๊ยเซียนกำลังออกดอกควรหลีกเลี่ยงอย่าให้น้ำไปถูกดอกเพราะจะทำให้ดอกเน่าและร่วงเร็วกว่าปกติ   สำหรับน้ำที่ใช้รดควรเป็นน้ำที่มีสภาพเป็นกลาง   ถ้าน้ำมีสภาพเป็นกรดอาจผสมปูนที่ใช้กินกับหมากลงไปเล็กน้อยก็ได้   ถ้าเป็นน้ำประปาหรือน้ำบาดาลควรมีบ่อหรือถังพักน้ำไว้หลายๆวันจึงจะนำมาใช้ได้

การตัดแต่งกิ่ง   โป๊ยเซียนบางต้นมีการแตกกิ่งก้านสาขามาก   บางต้นมีลำต้นเดียวไม่ค่อยแตกกิ่งก้านสาขา   ต้นที่มีกิ่งก้านสาขามากจะเป็นพุ่มทึบแสงแดดและอากาศถ่ายเทไม่สะดวก ทำให้โป๊ยเซียนออกดอกน้อยและมีขนาดเล็ก   นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งหลบซ่อนของโรคและแมลงศัตรูพืช   ควรตัดกิ่งก้านออกบ้างเพื่อให้แสงและอากาศถ่ายเทได้สะดวก   การตัดควรตัดให้ชิดลำต้นไม่ควรเหลือตอกิ่งไว้   กิ่งที่เหลือไว้ควรให้มีรูปทรงสวยงามเป็นไปตามธรรมชาติ   หลังจากตัดกิ่งออกแล้วควรใช้ปูนแดงทาบริเวณรอยตัดเพื่อป้องกันเชื้อรา   ส่วนกิ่งที่ตัดออกอาจนำไปขยายพันธุ์ต่อไป   สำหรับโป๊ยเซียนที่มีลำต้นเดี่ยวไม่ค่อยแตกกิ่งก้าน   ถ้ากิ่งสูงมากเมื่อโดนลมแรงๆ อาจทำให้ต้นหักได้ควรตัดยอดไปขยายพันธุ์เป็นต้นใหม่   ส่วนโคนที่เหลือก็จะแตกกิ่งก้านออกมาใหม่

การให้ปุ๋ย  เมื่อปลูกโป๊ยเซียนเป็นเวลานานธาตุอาหารในดินก็จะถูกใช้ไปเรื่อยๆ จึงจำเป็นต้องเพิ่มธาตุอาหารหรือปุ๋ยลงไปในดิน   การใส่ปุ๋ยให้กับโป๊ยเซียนสามารถใส่ได้ทั้งปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยวิทยาศาสตร์หรือปุ๋ยเคมี   ปุ๋ยอินทรีย์อาจเป็นปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก เช่น มูลวัว มูลสุกร มูลไก่ มูลค้างคาว รวมทั้งปุ๋ย กทม. ปุ๋ยเหล่านี้ทำให้ดินร่วนซุย ระบายถ่ายเทอากาศได้ดี ควรใส่เดือนละครั้งสลับกับการใส่ปุ๋ยเคมี  ปุ๋ยเคมีควรใช้ปุ๋ยที่มีคุณภาพดีซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งปุ๋ยละลายช้า ปุ๋ยเกล็ดและปุ๋ยน้ำโดยปฏิบัติตามคำแนะนำในฉลากอย่างเคร่งครัด    การให้ปุ๋ยเคมีควรให้ในช่วงเช้าและควรงดน้ำก่อนให้ปุ๋ย 1 วันเพื่อกระตุ้นให้รากดูดปุ๋ยได้มากขึ้น ควรรดหรือโรยเฉลี่ยรอบๆ ต้นเดือนละ 1-2 ครั้ง   สำหรับไม้ที่ปลูกใหม่ๆ ยังไม่ควรให้ปุ๋ยเคมีเพราะระบบรากยังจับตัวกับดินไม่ดีพอประกอบกับรากอาจมีการฉีกขาดเนื่องจากการเปลี่ยนดินทำให้ปุ๋ยกระทบรากโดยตรงและเร็วเกินไป อาจทำให้โป๊ยเซียนตายได้

การผสมพันธุ์
               การผสมพันธุ์   เป็นการขยายพันธุ์อีกวิธีหนึ่งที่ผู้ผสมมีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดโป๊ยเซียนพันธุ์ใหม่ๆ ที่ดีขึ้น   โป๊ยเซียนต้นใหม่ที่ได้จากการผสมพันธุ์จะมีลักษณะแตกต่างไปจากต้นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ซึ่งอาจจะดีกว่าหรือด้อยกว่าก็ได้   ในปัจจุบันผู้ปลูกเลี้ยงโป๊ยเซียนได้ผสมพันธุ์โป๊ยเซียนขึ้นมาใหม่มากมาย   ได้มีการจดทะเบียนตั้งชื่อแตกต่างกัน   ชื่อแต่ละชื่อจะมีลักษณะไปในทางที่เป็นศิริมงคลแทบทั้งสิ้น   พันธุ์ใดที่มีลักษณะดี ดอกใหญ่ สีสวยแปลกตา ดอกบานทน ก็จะได้รับความนิยมในหมู่ผู้ปลูกเลี้ยง   วิธีการผสมพันธุ์โป๊ยเชียนมีขั้นตอนดังนี้
  • เลือกต้นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่มีลำต้นอวบใหญ่ แข็งแรง ใบใหญ่หนาสีเขียวสใส หนามใหญ่ ดอกใหญ่สีสวย จำนวนดอกมากกว่า 8 ดอก ต้นแม่พันธุ์ควรเป็นต้นที่ติดเมล็ดง่าย   และต้นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไม่ควรมาจากสายพันธุ์เดียวกันเพราะจะทำให้ต้นลูกที่ได้มีลักษณะด้อยไปกว่าเดิม   การเลือกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่ลักษณะดีและสายพันธุ์ถูกต้องจะทำให้ลูกไม้ที่ได้จากการผสมมีโอกาสเป็นโป๊ยเซียนพันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะดีกว่าเดิม
  • การผสมพันธุ์โป๊ยเซียนสามารถทำได้ทุกฤดู   แต่ฤดูที่เหมาะสมควรเป็นฤดูหนาว ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์   ซึ่งเป็นช่วงที่โป๊ยเซียนมีความอุดมสมบูรณ์ ออกดอกมาก   เมล็ดที่ได้มีขนาดใหญ่เมื่อนำไปเพาะจะได้ลูกไม้ที่แข็งแรงสมบูรณ์
  • สังเกตุความพร้อมของเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมีย   ดอกโป๊ยเซียนเป็นดอกสมบูรณ์เพศมีเกสรตัวผู้และตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน   เกสรตัวเมียอยู่ตรงกลางดอกและบานก่อนเกสรตัวผู้ประมาณ 2-3 วัน   การสังเกตุเกสรตัวเมียว่าพร้อมที่จะผสมพันธุ์หรือไม่ให้สังเกตุที่เกสรตัวเมียจะมีน้ำเหนียวเยิ้มออกมา   หลังจากเกสรตัวเมียบาน 2-3 วัน จะมีก้านชูเกสรตัวผู้ขึ้มาบริเวณกลางดอกประมาณ 5-7 อัน   ละอองเกสรตัวผู้ที่พร้อมจะผสมพันธุ์จะมีลักษณะเป็นขุยๆ สีเหลือง
  • การถ่ายละอองเกสรควรทำในช่วงเช้า 7.00-9.00 น. เพราะเป็นช่วงที่ดอกโป๊ยเซียนสดชื่นและมีความพร้อมที่จะผสมพันธุ์   การถ่ายละอองเกสรทำได้โดยใช้ภู่กันขนาดเล็กแตะยอดเกสรตัวผู้ของต้นพ่อพันธุ์แล้วนำไปแตะกับเกสรตัวเมียที่พร้อมผสมพันธุ์ของต้นแม่พันธุ์   การผสมควรทำซ้ำ 2-3 ครั้ง   จากนั้นคลุมด้วยถุงพลาสติกเจาะรูระบายอากาศเพื่อป้องกันแมลงมาผสมซ้ำ   บันทึกชื่อพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ วันและเวลาที่ผสมผูกติดกับถุงพลาสติก
  • หลังจากผสมเกสรเสร็จแล้วประมาณ 7 วัน กลีบดอกจะเริ่มเหี่ยว เมล็ดจะเริ่มขยายตัวเป็นพูจำนวน 3 พู ชูสูงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นเมล็ดจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลคล้ายเมล็ดพริกไทย
  • การเก็บเมล็ดควรเก็บเมล็ดที่แก่เต็มที่ มีลักษณะแห้ง สีน้ำตาลคล้ำ   การเก็บควรเก็บในช่วงเช้าเพราะช่วงบ่ายเปลือกที่หุ้มเมล็ดจะแห้งและอาจดีดเมล็ดให้กระเด็นออกมาได้   การใช้ถุงพลาสติกใบเล็กๆ คลุมที่ดอกที่ผสมติดจะช่วยให้เมล็ดแก่ที่ถูกดีดออกมาตกอยู่ภายในถุงไม่หายไปไหน   นำเมล็ดโป๊ยเซียนที่ได้ไปทำการเพาะเมล็ดต่อไป


แหล่งอ้างอิง : หนังสือการเพาะปลูกต้นโป๊ยเซียน

โดย : นาย สุทธศักดิ์ อึ้งเจินญสถาพร, ร.ร.พนัสพิทยาคาร, วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2546